17 ต.ค. เวลา 11:11 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี

The surprising ways Parkinson’s can now be spotted years early

วิธีที่น่าทึ่งในปัจจุบันสามารถจะตรวจพบโรคพาร์กินสันหลายปีก่อนที่โรคจะมีอาการแสดงออก
เทคโนโลยีล้ำสมัยใหม่ล่าสุด สามารถตรวจพบโรคได้หลายปีหรือหลายทศวรรษ ก่อนที่อาการสำคัญจะปรากฏ
โรคพาร์กินสัน เป็นโรคทางระบบประสาท ที่มีอัตราการเติบโตเร็วที่สุดในประเทศสหรัฐอเมริกา ปัจจุบัน มีผู้ป่วยที่ได้รับการวินิจฉัยโรคถึง 90,000 รายต่อปี ซึ่งเพิ่มขึ้นร้อยละ 50 เมื่อเทียบกับช่วงกลางทศวรรษ 1980 ภาพรวมโรคนี้ทั่วทั้งโลก ก็คล้ายคลึงกัน คือคาดว่า จะมีผู้ป่วยที่ได้รับการตรวจวินิจฉัยโรคจำนวนที่สูงถึง 25 ล้านคน ภายในปี 2050 ซึ่งมากกว่าตัวเลขในปัจจุบันถึงสองเท่า
โดยสรุปแล้ว นี่คือปัญหาใหญ่ แต่ด้วยจำนวนประชากรที่เพิ่มขึ้น และอายุขัยที่ยืนยาวขึ้น อัตราการเกิดโรคจึงไม่ใช่เรื่องที่เหนือความคาดคิดแต่อย่างใด แต่ว่ามีสิ่งที่น่าประหลาดใจ และถ้าจะพูดตรงๆ ก็คือ ค่อนข้างน่าหวาดกลัวคือ เรายังไม่ได้เตรียมตัวรับมือกับคลื่นลูกใหม่ที่กำลังจะเกิดขึ้นนี้
โรคนี้ไม่มีทางรักษา การรักษามีจำกัด เครื่องมือตรวจวินิจฉัยก็ด้อยประสิทธิภาพ แม้แต่ตัวเราเองก็ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่า อะไรคือสาเหตุของโรคพาร์กินสัน
แต่ก่อนที่คุณจะจมดิ่งลงสู่ห้วงแห่งความสิ้นหวังจากภาวะเสื่อมของระบบประสาท แต่ก็ยังพอจะมีความหวังอยู่ เพราะว่านักวิทยาศาสตร์ทั่วโลก ต่างกำลังพยายามอย่างหนัก เพื่อเปลี่ยนแปลงเรื่องราวของโรคพาร์กินสัน
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เรากำลังจะได้เห็นการปฏิวัติวิธีการตรวจหาโรคพาร์กินสัน ด้วยอุปกรณ์ล้ำสมัยเอไอ AI และความเข้าใจโรคนี้ที่มีการพัฒนาไปอย่างมาก เกี่ยวกับอาการของโรคนี้ในร่างกาย นักวิจัยกำลังอยู่ในจุดเปลี่ยนสำคัญ ที่จะสามารถตรวจพบโรคพาร์กินสันได้ ไม่ใช่แค่หลายปี แต่เป็นหลายทศวรรษ ก่อนที่อาการของโรคจะปรากฏในบางกรณี
ปัจจุบัน ยังไม่มีวิธีการตรวจโรคพาร์กินสันที่ได้ผลชัดเจนที่สุด แต่เมื่อมีอาการทางร่างกาย เช่น อาการสั่น การเคลื่อนไหวช้า และกล้ามเนื้อตึงเกิดขึ้น แพทย์อาจวินิจฉัยผู้ป่วย โดยพิจารณาจากความสามารถในการทำงานต่างๆ เช่น การเขียนหรือการพูด
โซเรก Hermona Soreq ศาสตราจารย์ นักวิจัยชั้นนำ ผู้พัฒนาเครื่องมือวินิจฉัยโรครุ่นใหม่ กล่าวว่า “โรคระบบประสาทเสื่อมในปัจจุบัน เปรียบเสมือนโรคมะเร็งเมื่อ 50 ปีก่อน” “กล่าวคือ การตรวจวินิจฉัยโรค เมื่อสายเกินไปที่จะรักษา เพราะเซลล์ประสาทที่เสียหายทั้งหมดตายไปแล้ว จึงไม่สามารถรักษาให้หายได้”
แต่จะเป็นอย่างไร หากมีวิธีตรวจวินิจฉัยโรคพาร์กินสัน ก่อนที่โรคจะกำเริบขึ้นมา เพื่อจับ และอาจหยุดยั้งโรคได้ทันท่วงที ก่อนที่เซลล์สมอง จะถูกทำลายจนไม่สามารถซ่อมแซมได้
นั่นไม่ใช่แค่สมมติฐานอีกต่อไป อันที่จริงแล้ว ไม่ได้มีเพียงแค่วิธีเดียวที่จะทำได้ แต่ว่ามีหลายวิธี
อุปกรณ์เสริมเอไอ AI สำหรับโต๊ะทำงาน
ความก้าวหน้าทางการตรวจวินิจฉัยทั้งหมด ไม่จำเป็นต้องมีตัวอย่างเลือด บางวิธีอาจทำได้ง่ายๆ ในสำนักงานของคุณ
เฉิน Jun Chen ศาสตราจารย์ ที่ห้องปฏิบัติการ มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ลอสแอนเจลิส หรือชื่อย่อ ยูซีเอลเอ UCLA ประเทศสหรัฐอเมริกา อ้างว่า ได้พัฒนาปากกาตรวจวินิจฉัยโรค ที่สามารถตรวจหาโรคพาร์กินสันได้ง่ายๆ เพียงวิเคราะห์วิธีการเขียนของคุณ
ปลายปากกาแบบนุ่ม ทำจากวัสดุแมกนีโตอิลาสติกชนิดพิเศษ ที่เปลี่ยนสนามแม่เหล็ก เมื่อได้รับแรงกดหรือการดัดงอ ผลเช่นนี้ ซึ่งเป็นที่รู้จักกันมานานในโลหะแข็ง แต่ว่านักวิทยาศาสตร์เพิ่งค้นพบเมื่อไม่นานมานี้ ในวัสดุพอลิเมอร์แบบอ่อน โดยกลุ่มวิจัยของ เฉิน ซึ่งเป็นการเปิดประตูสู่เซ็นเซอร์ชนิดใหม่ ที่มีความไวสูง และเป็นมิตรกับร่างกาย
เฉิน อธิบาย “การใช้ปรากฏการณ์แมกนีโตอิลาสติกในวัสดุอ่อน เป็นกลไกการทำงานแบบใหม่” “มันสามารถแปลงแรงดันทางชีวกลศาสตร์เล็กน้อย เช่น แรงสั่นสะเทือนของหลอดเลือดแดง ให้เป็นสัญญาณไฟฟ้าที่มีความแม่นยำสูง”
ปากกาที่ใช้หมึกแม่เหล็ก จะบันทึกการเคลื่อนไหวของมือทั้งบนกระดาษและในอากาศ จากนั้นจะส่งข้อมูลนี้ไปยังคอมพิวเตอร์ ซึ่งโมเดลเอไอ AI จะวิเคราะห์รูปแบบ ที่เกี่ยวข้องกับอาการทางระบบการเคลื่อนไหวของโรคพาร์กินสัน
ในการวิจัยนำร่อง ระบบนี้ สามารถจะแยกแยะผู้ป่วยพาร์กินสัน ออกจากผู้ป่วยปกติได้ด้วยความแม่นยำมากกว่าร้อยละ 96 ยิ่งไปกว่านั้น เฉิน เชื่อว่า ปากการุ่นนี้ สามารถผลิตได้ในปริมาณที่มาก ด้วยราคาเพียง 5 ดอลลาร์สหรัฐฯ
เฉิน กล่าวว่า “เราได้ยื่นจดสิทธิบัตรแล้ว และต้องการนำปากการุ่นนี้ออกสู่ตลาด” “ในระหว่างนี้ เราต้องการเพิ่มประสิทธิภาพเพื่อเพิ่มความแม่นยำในการตรวจวินิจฉัย”
แต่หากการเขียนแบบเดิมๆ ไม่ใช่สิ่งที่คุณชอบ ทีมงานวิจัยของเฉิน พร้อมช่วยเหลือคุณ โดยพวกเขายังได้สร้างแป้นพิมพ์อัจฉริยะ ที่ทำงานบนหลักการเดียวกันนี้อีกด้วย
ขณะที่ผู้ใช้พิมพ์ แป้นพิมพ์อัจฉริยะนี้ จะตรวจจับการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยของแรงกดและจังหวะของปุ่ม ซึ่งมักจะเล็กน้อยเกินกว่าจะเราสังเกตเห็นได้ และป้อนข้อมูลนั้น เข้าสู่อัลกอริทึมการเรียนรู้ของเครื่องเอไอ
การทดสอบในระยะแรก แสดงให้เห็นว่า เครื่องเอไอสามารถระบุความผิดปกติ ของระบบการเคลื่อนไหวที่เป็นลักษณะเฉพาะของโรคพาร์กินสันได้ และทีมงานวิจัย ได้จับคู่กับแอปพลิเคชันบนมือถือ เพื่อรองรับการตรวจสอบระยะไกลอย่างต่อเนื่อง
เครื่องมืออัจฉริยะบนโต๊ะทำงานเหล่านี้ นำเสนอมุมมองที่ เฉิน เรียกว่า อนาคตของการดูแลสุขภาพโรคพาร์กินสันแบบ “เฉพาะบุคคล คาดการณ์ ป้องกัน และมีส่วนร่วม” อนาคตที่การตรวจวินิจฉัยโรคอาจง่ายดาย เพียงแค่จดบันทึกหรือพิมพ์อีเมล
การทดสอบสายตาที่สามารถตรวจพบโรคพาร์กินสันได้เร็วกว่าเดิมถึง 20 ปี
ลองนึกภาพว่า คุณมีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคพาร์กินสันระหว่างการตรวจสุขภาพตาตามปกติ ซึ่งเกิดขึ้นก่อนอาการจะปรากฏหลายสิบปี นั่นคือคำมั่นสัญญาของเทคนิคการวินิจฉัยแบบใหม่ ที่ไม่ต้องเจ็บปวดจากการตรวจ ซึ่งเทคนิคนี้พัฒนาโดย ลินัน Victoria Soto Linan และเพื่อนร่วมวิจัยของเธอ ที่มหาวิทยาลัยลาวาล Laval ประเทศแคนาดา โดยใช้การทดสอบสายตา ที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง ที่เรียกว่า การตรวจคลื่นไฟฟ้าจอประสาทตา หรือชื่อย่อ อีอาร์จี ERG
ลินัน และเพื่อนร่วมวิจัย เขียนไว้ในงานวิจัยล่าสุดว่า ดวงตาของเรานี้เปรียบเสมือนกับเป็น “หน้าต่างสู่สมอง” ซึ่งดวงตาเป็นส่วนหนึ่งของระบบประสาทส่วนกลาง และปัญหาทางสายตา เช่น การมองเห็นพร่ามัว หรือความไวต่อแสงที่ลดลง มักปรากฏให้เห็นนาน ก่อนที่จะมีเริ่มมีอาการสั่น หรือมีอาการตึง
ทีมวิจัยของ ลินัน ได้วัดการตอบสนองของจอประสาทตา หรือเรตินา ซึ่งเป็นชั้นที่ไวต่อแสงที่อยู่ด้านหลังของดวงตา ต่อแสงวาบของแฟลช ทั้งทดลองในหนู ที่ได้รับการออกแบบให้มีอาการคล้ายโรคพาร์กินสัน และทดลองทั้งในผู้ป่วยโรคพาร์กินสัน ที่เพิ่งได้รับการวินิจฉัย
ทีมวิจัยได้ค้นพบ ‘ลักษณะเด่นของโรค’ ที่โดดเด่นในสัญญาณที่จอประสาทตา โดยเฉพาะในผู้หญิง ที่สำคัญ สัญญาณที่อ่อนลงนี้ปรากฏในหนู ก่อนที่จะแสดงอาการทางพฤติกรรมของโรคพาร์คินสันออกมา ซึ่งบ่งชี้ว่า อาการเดียวกันนี้ อาจเป็นไปได้ในมนุษย์
หากเป็นเช่นนั้น ลินัน เชื่อว่า การทดสอบสายตานี้ อาจสามารถตรวจพบโรคพาร์กินสันได้นานถึง 20 ปีก่อนที่จะแสดงอาการ
และแตกต่างจากเครื่องมือวินิจฉัยอื่นๆ ในยุคแรกๆ ที่มักจะอยู่ในห้องทดลอง เครื่องมือนี้ถือว่าก้าวหน้ากว่าอยู่แล้ว
ลินัน กล่าวว่า “อีอาร์จี ERG ถูกนำมาใช้ในคลินิกแล้ว โดยใช้ในการวินิจฉัยโรคตา” “อีอาร์จี มีข้อได้เปรียบอย่างมากคือ ไม่ทำให้ร่างกายบาดเจ็บขณะตรวจวินิจฉัยด้วย”
ผู้ป่วยจะนั่งอยู่หน้าโดมที่ส่องแสงแฟลช ขณะที่เซ็นเซอร์ขนาดเล็กบันทึกการตอบสนองของจอประสาทตา ซึ่งในอนาคตอาจเป็นเรื่องง่าย เพียงแค่เพิ่มเวลาอีกไม่กี่นาที ในการตรวจสายตาประจำปีของคุณ
ขณะนี้ ทีมงานวิจัย กำลังพัฒนาการทดสอบให้เร็วขึ้น และให้พกพาได้สะดวกยิ่งขึ้น โดยหวังว่า จะสามารถเชื่อมโยงกับอัลกอริทึมของแมชชีนเลิร์นนิ่ง ที่ให้ผลลัพธ์ทันทีบนสมาร์ทโฟนของคุณ
การวิจัยยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น แต่ผลกระทบนั้นมหาศาล ดังที่ ลินัน กล่าวไว้ว่า “เหตุผลที่สิ่งนี้สำคัญมากก็เพราะ เครื่องมือนี้อาจบอกคุณได้ว่า ใครบางคนมีความเสี่ยงอยู่ถึง 20 ปีก่อนหน้านั้น ลองนึกภาพดูว่า จะเกิดความเสียหายน้อยลงแค่ไหน เมื่อถึงเวลานั้น
“แม้ว่าเราจะยังไม่มีวิธีรักษา แต่การรักษาที่เรามีอาจมีประสิทธิภาพมากกว่า และมอบคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นในระยะยาว”
เทคโนโลยีที่ตรวจพบโรคพาร์กินสันผ่านรูปแบบเสียงของคุณ
เสียงของคุณสามารถเปิดเผยโรคพาร์กินสันได้ ก่อนที่ร่างกายจะรับรู้ว่าเป็นโรคหรือไม่ ในผลการวิจัยก่อนตีพิมพ์เมื่อเร็วๆ นี้ นักวิจัยได้ทำการวิจัยว่า เอไอ AI สามารถจะตรวจจับโรคพาร์กินสันได้หรือไม่ โดยเพียงแค่ฟังวิธีการพูดของบุคคล
ผู้ป่วยพาร์กินสันประมาณร้อยละ 90 มีภาวะผิดปกติทางการเคลื่อนไหวในการพูดที่เรียกว่า ดิสาเทรีย dysarthria ซึ่งอาจทำให้เกิดเสียงแหบ หายใจลำบาก และระดับเสียงที่ไม่สม่ำเสมอ
การเปลี่ยนแปลงของเสียงเหล่านี้ มักปรากฏให้เห็นเร็วกว่าอาการทางระบบการเคลื่อนไหวที่เห็นได้ชัด เช่น อาการสั่น ทำให้เป็นสัญญาณเตือนล่วงหน้าที่น่าจับตามอง
ทีมวิจัยได้รวบรวมบันทึกเสียงสั้นๆ จำนวน 195 รายการจากผู้คน 31 คน ซึ่งรวมถึง 23 คนที่เป็นโรคพาร์กินสัน พวกเขาใช้บันทึกเสียงเหล่านี้เพื่อฝึกโมเดลเอไอ AI สี่แบบที่แตกต่างกัน เพื่อจะให้เอไอสามารถจดจำรูปแบบเสียงที่เกี่ยวข้องกับโรคได้ เมื่อทดสอบกับบันทึกเสียงใหม่จากผู้เข้าร่วมกลุ่มเดียวกัน โมเดลเอไอเหล่านี้ สามารถระบุโรคพาร์กินสันได้แม่นยำ ถึงกว่าร้อยละ 90
เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ เกิดขึ้นอย่างละเอียดอ่อนและเกิดขึ้นตั้งแต่เนิ่นๆ นักวิจัยจึงเสนอว่า การตรวจคัดกรองด้วยเสียง อาจเป็นเครื่องมือตรวจวินิจฉัยโรคที่ไม่เจ็บปวด และมีต้นทุนต่ำ ซึ่งอาจส่งผ่านระยะไกลผ่านสมาร์ทโฟนได้
การตรวจเลือดเพื่อหาโรคพาร์กินสัน
ในเดือนเมษายน 2025 โซเรก และเพื่อนร่วมงานวิจัย รวมถึงลูกชายของเธอ ได้ตีพิมพ์ผลการวิจัยใหม่ที่ก้าวล้ำ
สิ่งที่พวกเขานำเสนอในการวิจัยนี้น่าทึ่งมาก นั่นคือ การตรวจเลือดที่ง่ายและราคาถูก โดยใช้เทคโนโลยีการตรวจวินิจฉัยด้วยวิธี พีซีอาร์ PCR ซึ่งสามารถตรวจพบโรคพาร์กินสันได้อย่างแม่นยำ ก่อนที่อาการจะปรากฏหลายปี
วิธีการตรวจนี้ ทำงานโดย การวัดอัตราส่วนระหว่างมาร์กเกอร์สองชนิดของโรคที่ โซเรก และทีมวิจัยของเธอ ค้นพบในเลือดมนุษย์
อย่างแรก ในผู้ป่วยโรคพาร์กินสัน นักวิจัยพบโมเลกุลขนาดเล็กบางชนิดที่เรียกว่าชิ้นส่วนของ ทีอาร์เอ็นเอ tRNA ในระดับที่สูงผิดปกติ โมเลกุลเหล่านี้ ดูเหมือนจะมีรูปแบบการทำซ้ำที่เฉพาะเจาะจง เรียกว่า โมทิฟลำดับอนุรักษ์ ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้โมเลกุลเหล่านี้ แตกต่างกัน
ในเวลาเดียวกัน ทีมงานพบว่า เลือดของผู้ป่วยโรคพาร์กินสันมีระดับของ ทีอาร์เอ็นเอ จากไมโตคอนเดรีย ลดลง
โซเรก กล่าวว่า “ดังนั้นเราจึงบอกว่า ‘ถ้าเราพบว่าลำดับเบสหนึ่งเพิ่มขึ้นและอีกลำดับเบสหนึ่งลดลง ทำให้เราสามารถคำนวณอัตราส่วนระหว่างการเพิ่มขึ้นของลำดับเบส และการลดลงของลำดับเบสได้ จากนั้น และเราก็มีปัจจัยอีกสองประการ ที่ช่วยเพิ่มความมั่นใจว่า ผลลัพธ์ที่ได้มานั้น เป็นจริง’”
หากอัตราส่วนที่ได้ออกมา ผ่านเส้นเกณฑ์ที่เรากำหนดไว้ แสดงว่าสามารถจะใช้ตรวจวินิจฉัยได้
โซเรก ระบุว่า การวินิจฉัยโรคพาร์กินสันโดยทั่วไปในปัจจุบัน อาจมีค่าใช้จ่ายสูงถึง 6,000 ดอลลาร์สหรัฐ แต่การตรวจวินิจฉัยด้วยวิธี พีซีอาร์สองชุดที่จำเป็นสำหรับโรคนี้ มีค่าใช้จ่ายเพียง 80 ดอลลาร์สหรัฐเท่านั้น
โซเรก กล่าวว่า “มันยิ่งใหญ่มาก มันสร้างความแตกต่างอย่างมาก” หากโชคดี ทีมงานวิจัยหวังว่า วิธีนี้จะพร้อมใช้งานอย่างแพร่หลายภายในหนึ่งทศวรรษ ซึ่งจะเป็นโอกาสสำคัญสำหรับผู้ป่วยทั่วโลก
ผู้เขียน : Tom Howarth
แปลไทยโดย : Wichai Purisa (senior scientist)
โฆษณา