Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
Michael Puksawat
•
ติดตาม
18 ต.ค. เวลา 23:56 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี
ไฮไลต์สำคัญของ C/2025 A6 (Lemmon) - EP3
การเข้าใกล้โลกและดวงอาทิตย์ (Closest approach & Perihelion)
ฤดูใบไม้ร่วง 2568 ถือเป็นไฮไลต์สำคัญของ C/2025 A6 (Lemmon) โดยจะเข้าใกล้โลกที่สุด (Closest approach) ในวันที่ 21 ตุลาคม 2568 ที่ระยะทาง 0.5962 หน่วยดาราศาสตร์ หรือประมาณ 89 ล้านกิโลเมตร ซึ่งถือว่าเป็นช่วงเวลาเหมาะสมที่สุดสำหรับการสังเกตการณ์สำหรับประเทศในซีกโลกเหนือรวมถึงประเทศไทย.
สำหรับ perihelion หรือจุดที่ดาวหางเข้าใกล้ดวงอาทิตย์มากที่สุด จะเกิดขึ้นในวันที่ 8 พฤศจิกายน 2568 ที่ตำแหน่ง 0.5299 AU (ประมาณ 79 ล้านกิโลเมตร) จากดวงอาทิตย์ ซึ่งมีผลโดยตรงต่อปริมาณฝุ่นและแก๊สที่ปล่อยออกจากนิวเคลียส เพิ่มโอกาสให้หางและโคมาขยายใหญ่และสว่างต่อผู้สังเกตการณ์บนโลก.
ตารางสำคัญเกี่ยวกับเส้นทางสว่าง (โชติมาตร) และความสูงเหนือขอบฟ้าในประเทศไทยถูกคำนวณไว้อย่างละเอียดสำหรับช่วงวันที่ 10–18 ตุลาคม (ช่วงเช้ามืด) และ 19 ตุลาคม–6 พฤศจิกายน (ช่วงหัวค่ำ) โดยตารางตัวอย่างช่วงก่อนไกล้โลก
ตารางเส้นทางการสังเกตการณ์ (Visibility Windows) และช่วงเวลาสังเกตที่เหมาะสม
ดาวหางเลมมอนจะเปลี่ยนช่วงเวลาสังเกตได้สองช่วงใหญ่ ได้แก่ ช่วงเช้ามืด (ก่อนกลางเดือนตุลาคม) และช่วงหัวค่ำ (ปลายตุลาคม–ต้นพฤศจิกายน) ซึ่งมีรายละเอียดเฉพาะสำหรับประเทศไทยและซีกโลกเหนือ ตามตารางที่ได้สรุปไว้ข้างต้น
สรุปช่วงเวลาสังเกตการณ์หลัก
1. ช่วงก่อน 18 ตุลาคม 2568 (เช้ามืด)
• ดาวหางปรากฏในทิศตะวันออกเฉียงเหนือ
• อยู่ในกลุ่มดาวแมวป่า (Lynx) เคลื่อนเข้าสู่หมาล่าเนื้อ/หมีใหญ่
• ความสว่างจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจากโชติมาตร 8 → 4.5
• เหมาะกับผู้ที่ตื่นเช้าหรือนักถ่ายภาพ
2. 19 ตุลาคม–1 พฤศจิกายน 2568 (หัวค่ำ)
• เปลี่ยนมาปรากฏในทิศตะวันตกบนท้องฟ้าหลังอาทิตย์ลับขอบฟ้า
• เลื่อนผ่านกลุ่มดาวคนเลี้ยงสัตว์ งู คนแบกงู เข้าใกล้ดวงอาทิตย์ที่สุด 8 พฤศจิกายน
• สว่างที่สุดช่วง 25 ตุลาคม – 1 พฤศจิกายน (โชติมาตร 3-4) ช่วงนี้เป็น window observation สำคัญ
ช่วงเวลาดังกล่าวสอดคล้องกับคืนที่ดวงจันทร์ข้างแรมหรือต้นดวงจันทร์ใหม่ (21 ตุลาคม) และค่ำคืนกลางเดือนตุลาคมทำให้การสังเกตง่ายขึ้น ไม่มีแสงรบกวนจากดวงจันทร์มากนัก
ค่าความสว่างปรากฏการณ์ (Predicted Magnitude) และการเปลี่ยนแปลงความสว่าง
ระบบโชติมาตร (apparent magnitude) เป็นตัวชี้วัดความสว่างที่เห็นได้บนท้องฟ้า ประมาณการณ์ของหลายสำนักครอบคลุมค่า 2 ถึง 5 ในช่วงที่สว่างที่สุด โดยทั่วไปค่าต่ำกว่า 6 อาจมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าในที่มืด (เช่น ที่ค่ำฝนดาวตก Orionids) หากอยู่ห่างไกลจากแสงเมือง
• ข้อมูลจาก COBS และ JPL Horizons แสดงว่าช่วงปลายตุลาคม-ต้นพฤศจิกายน ดาวหาง C/2025 A6 อาจมีโชติมาตรต่ำสุดราว 2.1–4.0 ซึ่งใกล้เคียงกับค่าที่สังเกตด้วยตาเปล่าได้ (เทียบกับดาวสว่างเช่นดาวเหนือ/เนบิวลานายพราน)
• ปัจจุบัน (กลางตุลาคม) ความสว่างเพิ่มจากโชติมาตร 7.9 ในปลายกันยายน มาถึง 5.0 ในวันที่ 15 ตุลาคม และจะเพิ่มต่อเนื่องจากระยะประชิดดวงอาทิตย์.
ปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงความสว่างได้แก่ ปริมาณฝุ่นและแก๊ส โครงสร้างนิวเคลียส วงโคจรกับดวงอาทิตย์ และโอกาสเกิด “outburst” ช่วงเข้าใกล้ perihelion บางกรณีดาวหางอาจมีการปะทุ (outburst) เพิ่มความสว่างฉับพลันหรือเกิดเหตุการณ์แตกตัว (fragmentation) จนเกิดเศษฝุ่นขนาดใหญ่ซึ่งอาจทำให้ความสว่างลดลงหรือเกิดพายุฝุ่นในระบบสุริยะชั่วคราว
ประเทศไทยอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสมเป็นพิเศษสำหรับการติดตาม C/2025 A6 (Lemmon) เนื่องจากสามารถสังเกตได้ทั้งช่วงเช้ามืดและหัวค่ำในช่วงเวลาสำคัญ และลักษณะท้องฟ้าในฤดูฝนปลายปีที่อาจปลอดเมฆในบางพื้นที่ เช่น บริเวณภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ.
แนะนำการสังเกตการณ์เบื้องต้น:
• พื้นที่ควรห่างไกลจากแสงเมือง เช่น อุทยานแห่งชาติ พื้นที่ราบสูง หรือยอดเขา
• ใช้กล้องส่องทางไกลหรือกล้องโทรทรรศน์ขนาดเล็กจะเห็นรายละเอียดโคมาและหางได้ชัดเจนยิ่งขึ้น
• รองรับกิจกรรมชมฝนดาวตก Orionids คืนเดียวกัน 21 ตุลาคม 2568 ซึ่งเป็นช่วงที่ดาวหางกลับหัวค่ำ จะได้เพิ่มโอกาสเห็นทั้งสองปรากฏการณ์ในคืนเดียวกัน
นักดาราศาสตร์จาก NARIT และสมาคมดาราศาสตร์ไทยต่างจัดกิจกรรมการสังเกตการณ์ออนไลน์ กราฟตำแหน่งของดาวหางแบบ real time สามารถดูได้จาก
TheSkyLive.com
พร้อมคู่มือการถ่ายภาพและวางแผนจุดชมดาวหางที่ดีที่สุด
การสังเกตการณ์และการศึกษาทางวิทยาศาสตร์
นับแต่ต้นปี 2568 มีรายงานสังเกตการณ์จากทั้งนักดาราศาสตร์มืออาชีพและสมัครเล่นทั่วโลก ส่งข้อมูลเข้าสู่ฐานข้อมูล COBS (Comet OBServation Database) อย่างต่อเนื่อง สถานีวิจัยหลายแห่งรายงานผลการวิเคราะห์สเปกตรัม (spectroscopy) ของโคมาและหาง พบองค์ประกอบมาตรฐานของดาวหางคือ H2O, CO2, CN, NH, C2, OI และ dust tail บ่งชี้การปะทุลูกผสมของน้ำแข็ง มลทิน และสารอินทรีย์ในช่วงเข้าใกล้ดวงอาทิตย์.
ตั้งแต่สิงหาคม–กันยายน 2568 รายงานสังเกตการณ์ด้วยกล้อง Celestron Inspire 100AZ ขนาดเล็ก กล้องโทรทรรศน์เดินตามดาว (star tracker) สามารถแยกเห็นโครงสร้างโคมาและหาง รวมถึงการเปลี่ยนแปลงของเส้น tail frame-by-frame ข้อมูล realtime เบื้องต้นและสัญญาณการเปลี่ยนแปลง activity burst ถูกรายงานเข้าฐานข้อมูล COBS และ BAA (British Astronomical Association) อย่างต่อเนื่อง
สำหรับ amateurs ที่ต้องการติดตาม สามารถวางแผนหรือเช็กตำแหน่งดาวหางแบบ interactive บนแอป Sky Tonight, Stellarium, หรือใช้งาน finder charts ขนาดระหว่าง 1–5 องศาต่อ field of view ตามช่วงเวลาต่าง ๆ การถ่ายภาพ astrophotography ควรใช้กล้อง DSLR หรือ smartphone mode “Night” tripod จะเห็นดาวหางเป็นก้อนฟูมี tail เบลอได้อย่างชัดเจน
บันทึก
1
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย