Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
ดร.น้ำใจ : วิทยาศาสตร์และสังคมสิ่งแวดล้อม
•
ติดตาม
26 ต.ค. เวลา 22:00 • สิ่งแวดล้อม
☀️ พลังงานของโลก (Energy Flow in Ecosystems)
🩵 Phase I — ระบบชีวิตและความเข้าใจธรรมชาติ (ตอนที่ 5/5)
“จากโครงสร้าง–หน้าที่ สู่การมองโลกในฐานะระบบเดียวกัน”
🖋️ โดย ดร.ณัฐณิชา ผ่องพุฒิ
“ยามเช้า แสงแรกของวันตกกระทบยอดหญ้า
ดร.น้ำใจมักพูดเสมอว่า —
แสงนี้คือจดหมายฉบับแรกจากดวงอาทิตย์ ที่ส่งถึงโลกทุกวันเพื่อบอกว่า ‘ยังมีชีวิตอยู่’ ”
1. แสงแดด: แหล่งพลังงานแห่งชีวิต
ทุกระบบบนโลกขับเคลื่อนได้เพราะพลังงานจากดวงอาทิตย์
แสงแดดเพียงร้อยละ 0.1 ของที่ส่องถึงโลกถูกเปลี่ยนให้กลายเป็นพลังชีวิต
โดยกระบวนการที่เรียกว่า สังเคราะห์แสง (Photosynthesis)
พืชดูดซับพลังงานแสงผ่านคลอโรฟิลล์
เปลี่ยนพลังงานแสงให้กลายเป็นพลังงานเคมีในรูปน้ำตาลและออกซิเจน
จากนั้นพลังงานนี้จะไหลต่อไปยังสัตว์ พืชอื่น และมนุษย์
นี่คือ “การไหลของพลังงาน (Energy Flow)”
ที่ทำให้ระบบนิเวศดำรงอยู่ได้
ไม่มีต้นไม้ใดผลิตแสง แต่ทุกต้นไม้คือผู้รับสารจากแสงแดด
เช่นเดียวกับมนุษย์ที่ไม่สร้างพลังงานชีวิต แต่เรียนรู้ที่จะส่งต่อมัน
2. พลังงานคือสายสัมพันธ์ของระบบ
ในระบบนิเวศ (ecosystem) พลังงานเคลื่อนที่จากแหล่งกำเนิด (source) ไปยังผู้ใช้ (sink)
เริ่มจากพืช → สัตว์กินพืช → สัตว์กินเนื้อ → ผู้ย่อยสลาย (decomposers)
ทุกขั้นตอนคือการส่งต่อพลังงานที่สูญเสียไปบางส่วนในรูปของความร้อน
หากวาดเป็นภาพ จะได้ “พีระมิดพลังงาน (Energy Pyramid)”
ซึ่งแสดงให้เห็นว่า ชั้นล่างสุด (ผู้ผลิต) คือฐานของชีวิตทั้งหมด
ยิ่งขึ้นไปบนยอด พลังงานยิ่งลดลง
ในความหมายเชิงสังคม พลังงานจึงเปรียบได้กับ “ความรู้ ความรัก และความเข้าใจ”
ที่ยิ่งส่งต่อ ยิ่งลดลงหากเราไม่เติมกลับเข้าไปใหม่
“ธรรมชาติสอนว่า การส่งต่อคือหัวใจของการคงอยู่” — ดร.น้ำใจ
3. วัฏจักรของพลังงานในดิน น้ำ และอากาศ
พลังงานไม่ได้หยุดอยู่แค่สิ่งมีชีวิต แต่แทรกอยู่ในทุกองค์ประกอบของโลก
แสงอาทิตย์ให้พลังแก่ การระเหยของน้ำ (evaporation)
พลังงานความร้อนควบคุม การหมุนเวียนของอากาศ (atmospheric circulation)
และการสลายตัวของอินทรียวัตถุในดินปล่อยพลังงานกลับคืนสู่ระบบ
ดินจึงไม่เพียงเก็บสารอาหาร แต่ยังเป็น “แบตเตอรี่ของโลก”
เก็บพลังงานในรูปคาร์บอนและสารอินทรีย์
เมื่อน้ำและพลังงานหมุนเวียนเชื่อมกัน
ระบบทั้งหมดก็จะสมดุล —
ถ้าน้ำไหลไม่ถูกจังหวะ พลังงานก็ผิดจังหวะ
ถ้าดินตาย การหมุนเวียนก็หยุด
นี่คือโครงสร้างที่ทำให้โลก “หายใจได้”
4. พลังงานและความสมดุล (Equilibrium)
คำว่า “สมดุล” ไม่ได้หมายถึงการหยุดนิ่ง
แต่หมายถึง “การเคลื่อนไหวอย่างพอดี”
ในระบบนิเวศ พลังงานถูกใช้และส่งต่ออย่างต่อเนื่อง
แต่ในทุกวงจรจะมี กลไกคืนสมดุล (Feedback Loop)
เช่น พืชมากเกินไป → ใช้ธาตุอาหารมาก → ดินเสื่อม → พลังงานหมุนเวียนช้าลง
ธรรมชาติจึงสอนเราว่า ความอุดมสมบูรณ์ที่แท้จริงไม่ได้มาจาก “มากที่สุด”
แต่มาจาก “พอดีที่สุด”
“ดวงอาทิตย์ให้แสงเต็มที่ แต่ต้นไม้เลือกใช้เท่าที่จำเป็น”
ในระดับมนุษย์ หลักการเดียวกันนี้คือหัวใจของ Sustainability
พลังงานของโลกไม่เคยหมด แต่เราต้องเรียนรู้ที่จะใช้มันโดยไม่ทำลายระบบที่หล่อเลี้ยงมัน
5. เมื่อมนุษย์แทรกวงจรพลังงาน
การพัฒนาอุตสาหกรรมและเมืองทำให้ “การไหลของพลังงาน” ผิดทิศ
พลังงานจำนวนมหาศาลจากฟอสซิลถูกปลดปล่อยออกสู่บรรยากาศ
ในรูปของก๊าซเรือนกระจก (GHG)
เกิดเป็น Global Warming
ในแง่ของระบบนิเวศ นี่คือการใส่ “พลังงานส่วนเกิน (excess energy)”
เข้าสู่สมการโลก — ทำให้สมดุลพัง
เช่นเดียวกับร่างกายมนุษย์ที่มีไข้เมื่อได้รับพลังงานมากเกิน
โลกกำลังมีไข้จากการใช้พลังงานโดยไม่ยั้งคิด
การรักษาไม่ได้อยู่ที่การหยุดใช้พลังงาน
แต่คือการ “คืนจังหวะของระบบ”
เช่น ใช้พลังงานหมุนเวียน (renewable energy)
และออกแบบเมืองให้มีวงจรพลังงานใกล้เคียงธรรมชาติที่สุด
6. พลังงานในระบบ FBC–SEA
ในแนวคิด Function-Based Clusters (FBC)
พลังงานเป็นตัวแปรสำคัญในการกำหนด “หน้าที่เชิงพื้นที่”
พื้นที่เกษตรใช้พลังงานชีวภาพ (bio-energy) จากดินและแสงแดด
พื้นที่อุตสาหกรรมใช้พลังงานกล (mechanical) และไฟฟ้า
พื้นที่ชุมชนต้องมีพลังงานเพื่อขับเคลื่อนสังคมอย่างยั่งยืน
เมื่อเราวิเคราะห์พลังงานในแต่ละโซน
เราจะเห็นว่าพลังงานไม่ได้อยู่แยกส่วน แต่แลกเปลี่ยนกันตลอดเวลา
ในระบบ SEA (Strategic Environmental Assessment)
พลังงานจึงกลายเป็น “ตัวชี้วัดสำคัญ” ที่บอกว่านโยบายใดสอดคล้องกับระบบสิ่งแวดล้อมหรือไม่
นโยบายที่ใช้พลังงานเกินจำเป็น ย่อมสะเทือนต่อสมดุลของทั้งลุ่มน้ำ
“การวางแผนพลังงานคือการวางแผนอนาคตของโลก”
7. การไหลของพลังงานในชีวิตมนุษย์
หากมองชีวิตของเราเองผ่านมุมของพลังงาน
เราจะเห็นว่าทุกวันเราก็เป็นส่วนหนึ่งของวงจรนี้
เรากินอาหารจากพลังงานแสง
ใช้พลังงานไฟฟ้าที่มาจากน้ำ ลม หรือดิน
แม้แต่รอยยิ้มที่เราส่งให้คนอื่น ก็เป็นพลังงานบวกที่ส่งต่อในสังคม
“ชีวิตที่ดีไม่ใช่ชีวิตที่เก็บพลังไว้คนเดียว
แต่คือชีวิตที่ส่งต่อพลังให้คนอื่นอย่างไม่หมดสิ้น” — ดร.น้ำใจ
8. ความเชื่อมโยงระหว่างพลังงานกับความยั่งยืน
เมื่อมองโลกในภาพรวม
พลังงานคือสิ่งที่เชื่อมทุกระดับของระบบ —
ตั้งแต่โมเลกุลของดิน ไปจนถึงการเคลื่อนไหวของนโยบายโลก
หากเราจัดการพลังงานอย่างเข้าใจ
โลกจะเย็นลง ดินจะชุ่ม น้ำจะไหล และสังคมจะสงบ
แต่มิใช่เพราะเรามีพลังงานมากขึ้น
แต่เพราะเรามี “ภูมิปัญญาในการใช้พลังงาน” มากขึ้นต่างหาก
นี่คือหัวใจของ BCG Economy (Bio–Circular–Green)
ที่ประเทศไทยกำลังผลักดันอยู่ในวันนี้
เพราะการใช้พลังงานอย่างหมุนเวียนและเคารพวงจรชีวิต
คือหนทางเดียวที่ทำให้ทั้งเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อมเติบโตไปพร้อมกันได้
9. ข้อคิดส่งท้ายจาก “ดร.น้ำใจ”
“ดวงอาทิตย์ไม่เคยหยุดให้แสง
แล้วเราจะหยุดให้พลังชีวิตแก่กันได้อย่างไร”
ในทุกเช้าที่เราตื่น แสงอาทิตย์คือสัญญาณแรกของการเริ่มต้นใหม่
มันไม่เคยถามว่ามนุษย์คู่ควรหรือไม่
แต่มันเลือกที่จะให้ เพราะนั่นคือหน้าที่ของมัน
เมื่อเรามองโลกในมุมของพลังงาน
เราจะพบว่า การมีชีวิตอยู่ก็คือการเป็น “ผู้ส่งต่อพลัง”
ไม่ว่าจะเป็นพลังงานทางกาย หรือพลังงานแห่งน้ำใจ
“พลังของโลกไม่ได้อยู่ที่แสงแดด แต่อยู่ที่ใจคนที่รู้จักใช้แสงนั้นอย่างอ่อนโยน” 🌞
#ดรน้ำใจ #EnergyFlow #Ecosystem #สิ่งแวดล้อมยั่งยืน #StructureFunction #FBC #SEA #EnvironmentalScience #Blockdit
ปรัชญา
วิทยาศาสตร์
สังคม
บันทึก
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย