"Liverpool 1-2 Man United ความร้อนแรงของปีศาจ!!"
ในมุมของแฟนบอลทุกคน
ไม่ว่าจะเป็นเด็กหงส์-ผี หรือไม่
หรือฟอร์มทั้ง 2 ทีมจะเป็นยังไง
"ศึกแดงเดือด" ก็ยังคงเปี่ยมเสน่ห์
และมีความหมายให้พูดถึงเสมอเลย
เช่นกันกับครั้งนี้ฤดูกาล 2025-26
ที่ยกแรกลั่นระฆังกันที่ Anfield
โดยเจ้าบ้าน "Liverpool"
พ่ายมา 3 เกมติดรวมทุกรายการ
หลังกดสูตรทั้งฝีเท้าและแต้มบุญ
รวมถึงความยอดเยี่ยมของ "F.Chiesa"
ที่ลงมาเป็นซูเปอร์ซับได้
เฉือนชนะแบบหืดจับมาทุกเกม
โดยมักจะยิงในนาทีบาปรอดไป
แต่แล้วแผลที่เคยเห็น
ก็ได้เห็นมากขึ้นตามมา
เพิ่มเติมคือผลเริ่มไม่เป็นใจ
บวกกับขุมกำลังนักเตะใหม่
ยังไม่เข้าที่เข้าทางอย่างที่อาร์เน่อ
อยากได้อยากลองตามแบบตัวเอง
หลังฤดูกาลก่อนคว้าแชมป์ลีกมา
ด้วยการเน้นต่อยอดจากเชฟการเล่น
และนักเตะของเจอร์เก้น คล็อปป์เป็นแกน
ส่วนทีมเยือน "Man United"
ฟอร์มก็ลุ่มๆ ดอนๆ ผีเข้าผีออก
ไม่เคยชนะ 2 เกมติด
และยังคงหาความลงตัว
ในระบบหลังสามไม่เจอ
ภายใต้อีโก้ของอโมริมที่ยังคง
ยึดมั่นดื้อรั้นจะเอาให้ได้ต่อไป
แม้ก่อนเบรกทีมชาติจะเพิ่งกด
Sunderland มานิ่มๆ ก็ยังไม่มีอะไร
การันตีว่าพวกเขาจะรักษาฟอร์มได้นาน
แม้จะไม่มีจอมเหวออย่าง A.Onana
มาสร้างคอนเทนต์ขายมีมแล้วก็ตาม
แต่ขึ้นชื่อว่าฟุตบอลลูกกลมๆ
มีลมอยู่ข้างใน ไม่มีอะไรจะคาดเดาได้เลย
และมันก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ เมื่อเกมเริ่มขึ้นมา
ขณะที่ผมยังเดินไปไม่ถึงบาร์ใกล้ๆ
บรรดาเพื่อนบ้านก็เฮลั่น
วินาทีนั้นอุทานในใจว่าไอเชี่ย!!
เพิ่งเริ่มได้แค่ 2 นาทีมึงยิงแล้วหรอนั่น
ปกติไม่เคยไวขนาดนี้เลยสำหรับทั้งคู่ 😂
1. ครึ่งแรก
- พอได้ย้อนกลับไปดูจังหวะเสียประตูให้ผีแดง ตั้งแต่ไก่ยังไม่ทันโห่จาก "B.Mbeumo" จุดนี้ต้องยอมรับเลยว่า "Virgil van Dijk" ยังห่างไกลจากร่างทองของตัวเองนัก และเริ่มเป็นมาหลายเกมแล้ว ส่วน "G.Mamardashvili" ก็น่าจะทำได้ดีกว่านี้ แอบคิดถึงมือสองดีๆ อย่าง "C.Kelleher" เลยแฮะ
- เป็น 45 นาทีแรกที่ Man United เล่นดีกว่าที่คิด ค่อยๆ เคาะ ค่อยๆ เข้าทำ จ่าย วิ่ง จบ เล่นเนียนผิดหูผิดตา จนเกือบยิงห่างเป็น 0-2 หลายครั้ง จนแอบตกใจ ไม่คิดว่าพวกเขาจะทำได้ดีขนาดนี้
ขณะที่ Liverpool หลังเสียประตูแรก ก็เล่นได้ไม่แย่เลยนะครับ ต่อบอลพับเกมบุกใส่จนเกือบตีเสมออยู่หลายครั้ง จาก "C.Gakpo" ที่อาศัยความผิดพลาดของแนวรับอีกฝ่าย สอดมายิงชนเสา และ "A.Isak" ที่อุตส่าห์ได้หลุดไปยิงแต่ก็ติดเซฟ ซึ่งเอาจริงๆ ก็ไม่ง่ายเพราะ "S.Lammens" จอมหนึบคนใหม่ของทัพผี ออกมาเปิดมุมไว้แล้ว (ในใจก็แอบคิด ถ้าเป็น A.Onana คงเสร็จไปแล้ว)
-รู้สึกได้ถึงเคมีที่ไม่เข้ากันเลยตรงฝั่งซ้าย ระหว่าง "C.Gakpo" กับ "M.Kerkez" โดยเฉพาะรายหลังที่ดูจะเล่นไม่เป็นตัวเองสักเท่าไหร่ ส่วนหนึ่งอาจเพราะแท็คติคอาเน่อที่ไม่ได้ให้เจ้าตัวเติมสูงสุดเส้นเหมือนก่อน ซึ่งก็ต้องยอมรับว่าการเล่นอย่างอิสระที่ Bournmouth กับความกดดันสูงลิบที่ Liverpool มันต่างกันยิ่งนัก โดยรวมนับว่ายังไม่ใกล้เคียงฟอร์มเดิมเลย บุกเปิดไม่แม่น รับไม่ดี ยังต้องพิสูจน์ตัวเองอีกมาก เอาใจช่วยนะครับ เด็กเก่ามิลาน ศิษย์ T.Hernandez
- ส่วนตัวรู้สึกแปลกใจกับการจัดตัวของอาเน่อ ในเกมที่ควรอาศัยผู้เล่นความเร็วสูง คล่องตัว มาป่วนแนวรับที่อืดอาดของ Man United กลายเป็นใช้ A.Isak ที่ยังไม่คืนฟอร์ม เมือเทียบกับ "H.Ekitike" ที่สูงใหญ่แตีไปกับบอลได้ดี จบสกอร์คม ปรับตัวได้ไว ส่วนกลางรุกเลือกใช้ "D.Szoboszlai" มาใช้พละกำลังปะทะในแดนบน มากกว่าจะเป็น "F.Wirtz" ดาวเตะค่าตัวแพงที่แม้จะยังยิงหรือจ่ายไม่ได้ ก็ยังเด่นในด้านความเร็ว คล่อง แพรวพราว เลี้ยงกินตัว และเล่นกับไลน์ได้ดี อย่างว่าแหละครับ คำว่าถ้าไม่มีจริง ในโลกลูกหนังก็เช่นกัน
- หงส์แดงบุกเยอะแต่ก็ยังไม่สุดนัก บางจังหวะก็ชวนแปลกใจ อย่างตอนที่กำลังบุกเพลินๆ "R.Gravenberch" กลับจ่ายคืนโกล จนแฟนๆ โห่เสียอารมณ์ ส่วนหนึ่งก็อยากชมแนวรับผีแดงด้วยที่แพ็คกันแน่นดีเกินคาด พอเจ้าบ้านได้บอลไม่นาน กำแพงสีขาวก็ตั้งกันแน่นรอเก็บกิน โดยเฉพาะ "M.de Ligt" เล่นดีเหลือเกิน
2. ครึ่งหลัง
- เหมือนอาเน่อได้ยินเสียงในใจแฟนบอล แก้เกมมาดีจริงๆ ทั้งจังหวะการเล่น การต่อบอล เข้าทำ เร็วขึ้น แรงขึ้น บดขยี้ทีมเยือนไปเรื่อยๆ และเกือบได้ประตูตีเสมออยู่หลายครั้ง ซึ่งก็ไม่รู้ว่าเกมนี้จะแม่นเสาไปไหน
ต่อด้วยการมาของ "H.Ekitike-F.Wirtz" และ "F.Chiesa" ที่ยกระดับการเล่นของทีมขึ้นทันตา โฉบไปโฉบมาน่าได้ประตูอยู่หลายที ก่อนจะสำเร็จจากการแท็บอินของ C.Gakpo ซึ่งก็ต้องชมทั้ง F.Wirtz ที่เชื่อมเกมป้ายต่อไปให้ F.Chiesa เปิดมาเข้าหัวดาวเตะอัศวินสีส้มสะกิดเข้าไปอย่างหมดจด ไม่ล้ำหน้า เพราะขาของ P.Dorgu ยืดออกมานำชัดเจน
- จากนั้นโมเมนตั้มทุกอย่างช่างดูจะเป็นใจให้ทัพหงส์แดงเหลือเกิน ยิ่งเล่นยิ่งดี ถ้า "M.Salah" ไม่หลุดฟอร์มคงน่าลุ้นกว่านี้ ซึ่งระหว่างที่พวกเขากำลังเร่งเครื่องเอาประตูชัยให้ได้ ในใจผมกลับสังหรณ์ว่า Man United กำลังรอจังหวะเน้นๆ ที่จะ "ฆ่า" และก็เป็นตามคาด จาก "B.Fernandes" ที่เกมนี้เสียบอลเป็นว่าเล่น และยังไม่เห็นทีท่าจะคืนฟอร์มจากระบบที่ไม่เอื้อ ฟอร์มหายตั้งแต่ผ่านยุคโซลชาที่ได้เล่นอย่างอิสระ
แต่เกมนี้เมื่อมีพื้นที่ มีเวลาให้เชาคิดอ่านและเปิดบอลได้ นั่นหมายความว่าหายนะกำลังมา ก่อนที่บอลจะเข้าหัว "H.Maguire" ตัวโจ๊กในสายตาใครๆ เมื่อถึงยามจำเป็น เขาคือฮีโร่ที่พาทีมกลับมาได้ ตลอดเวลาที่โดนวิจารณ์ก็ยังคงก้มหน้าก้มตาตั้งใจเล่น โขกย้อนตัวโกลเข้าไปเสียบมุมหมดจดจนแอนฟิลด์เงียบเป็นป่าช้า กริบสนิท ส่วน B.Fernandes ก็ได้แก้ตัวหล่อๆ และเมื่อขึ้นนำได้ในเกมสำคัญแบบนี้ อโมริมก็เน้นทันทีด้วยการส่งทั้ง "K.Mainoo-L.Yoro" ลงมาแพ็คเกมรับให้แน่นขึ้น เอาชัวร์แล้วตอนนี้
นอกจากนี้ที่ต้องชมคือ "M.Cunha" ที่จี๊ดจ๊าด เล่นฉลาดมาก หลายครั้งจะเห็นการชิงจังหวะ ชิงเหลี่ยม โดยเฉพาะช็อตที่เอาตัวบังบอลและล้มตัวกวาด ฝ่าวงล้อมแข้งหงส์และส่งต่อให้เพื่อนได้ และ "B.Mbeumo" ที่เล่นดีมาตั้งแต่เกมแรกๆ วูบวาบและหวังผลได้
ตามด้วย "A.Diallo" ที่พัฒนาขึ้น ลงมาช่วยเกมรับได้มากขึ้น และนายด่านอย่าง "S.Lammens" ที่ทำให้ทีมอุ่นใจขึ้นมาก เกาถูกที่คันจริงๆ นับเป็นครั้งแรกที่อโมริมชนะ 3 เกมติดได้ ถึงอันดับจะยังอยู่กลางตาราง แต่การคว้าชัยในเกมสำคัญเหนือคู่รักคู่แค้นแบบนี้ คือการเติมพลังใจชั้นดีให้ทีมก้าวไปต่ออย่างมั่นคงกว่าเดิม
ส่วน Liverpool ที่พ่าย 4 เกมติด นับว่ายังมีการบ้านให้อาเน่อและทีมงานต้องกลับไปขบคิดปรับพัฒนาอีกมาก ทำยังไงถึงจะหาเชฟการเล่นในแบบของตัวเองได้ ทำยังไงจะดึงศักยภาพสูงสุดของทีมชุดเก่าและใหม่ให้เข้ากันได้
พรีเมียร์ลีกมี 38 นัด หนทางยังอีกไกล
แล้วพบกันใหม่ที่ Old Trafford ครับ
- 2
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
