Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
Gentleman Storyteller
•
ติดตาม
20 ต.ค. เวลา 16:53 • นิยาย เรื่องสั้น
หลงทางกลางพงไพร: วันที่สอง – บททดสอบแห่งความมุ่งมั่นและการค้นพบที่ซ่อนอยู่
06:30 น. – รุ่งอรุณแห่งความอ่อนล้า
แสงแดดยามเช้าสาดส่องผ่านผืนป่าที่ปกคลุมด้วยไอหมอกจางๆ ทุกคนตื่นขึ้นมาด้วยความอ่อนเพลีย ร่างกายที่ยังคงปวดเมื่อยจากการเดินทางตลอดวันแรก เสือ และ น้ำ ที่เพิ่งเสร็จสิ้นเวรยามผลัดสุดท้าย ลุกขึ้นยืดเส้นยืดสาย โดยมีร่องรอยของความเข้าใจกันปรากฏอยู่ในแววตา เหมย ที่ตื่นมาก่อนหน้านั้น ได้เดินสำรวจรอบๆ แคมป์ด้วยสายตาที่เฉียบคม
เหมยรู้สึกถึงความผิดปกติบางอย่าง เขาชี้ไปที่รอยเท้าสัตว์ขนาดใหญ่ที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกล
"ทุกคนขา... ดูสิคะ" เหมย พูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนหวานแต่จริงจัง พร้อมใช้มือเรียวชี้ไปที่รอยเท้าสัตว์ "รอยเท้าสัตว์ใหญ่น่ากลัวมากเลยค่ะ เหมือนเขาเข้ามาใกล้แคมป์เราเมื่อคืนนี้เลย... เราคงต้องออกไปหาอาหารกันก่อนนะคะ ไม่อย่างนั้นหมดแรงแน่ๆ เลยค่ะ"
เสือพยักหน้าทันที "จริงของเหมย ฉันจะไปหาอาหารกับเหมย ใครจะไปอีก?"
"ผมไปด้วย" พีท เสนอตัวอย่างกระตือรือร้น "เผื่อเจอพวกแมลงกินได้ หรืออาจจะเจอร่องรอยของงูที่อาจจะเพิ่งกินเหยื่อตัวเล็กๆ ไป"
น้ำช่วยจัดแจงหน้าที่ "โอเค! เสือ, เหมย, พีท ไปหาอาหาร ส่วนที่แคมป์ ไนท์, เจต, และ แจน ไปตักน้ำในลำธารมาต้มให้ทุกคนดื่มนะ ตามวิธีที่เหมยเคยแนะนำไว้"
07:30 น. – ภารกิจเสาะหาเสบียง
เสือเดินนำหน้าอย่างมั่นใจ โดยมีเหมยและพีทเดินตามคอยสังเกตการณ์รอบด้าน เสือเริ่มเห็นพืชและผลไม้ป่าสีสันสวยงามหลายชนิด ก็คิดจะเด็ดมากิน แต่เหมยรีบคว้าแขนไว้
"ว้าย! พี่เสือ! อย่าเพิ่งสิคะ!" เหมย ร้องทักอย่างตกใจ "พืชที่มีสีสันสวยงามในป่า ส่วนใหญ่มักจะมีพิษนะคะ! อันนี้ดูเหมือนผลเบอร์รี แต่ถ้ากินเข้าไปอาจจะทำให้ปวดท้องอย่างรุนแรง หรือถึงตายได้เลยนะคะ ปู่เคยสอนเหมยให้ดูพืชที่ไม่มีขน มีสีเขียวหรือสีน้ำตาล แล้วก็ดูจากร่องรอยการกินของสัตว์ที่ไม่มีพิษด้วยค่ะ"
พีทเสริม "ใช่ครับพี่เสือ ในเกม Survival บอกว่าผลไม้ที่ไม่รู้จักห้ามกินเด็ดขาด ต้องตรวจสอบดีๆ ก่อน หรือไม่ก็เลือกพวกที่มันมีอยู่ในข้อมูลเกม เช่นพวกกล้วยป่า"
การได้เรียนรู้ทักษะเอาชีวิตรอดจากเหมย และความรู้เฉพาะทางจากพีท ทำให้เสือลดทิฐิลงอย่างมาก ในที่สุด พวกเขาก็เจอกับต้นกล้วยป่าที่มีหวีเล็กๆ และหัวมัน หัวเผือก ที่ซ่อนอยู่ใต้ดิน ทั้งสามคนช่วยกันขุดและนำกลับมายังแคมป์อย่างรวดเร็ว
08:30 น. – การดูแลเพื่อนที่แคมป์
ในขณะเดียวกันที่แคมป์ ไนท์, เจต, และแจน ได้ช่วยกันตักน้ำจากลำธารมาต้มจนเดือดตามที่เหมยบอกไว้เพื่อฆ่าเชื้อโรค
มินท์ และ ใบเฟิร์น ยังคงทำหน้าที่พยาบาลดูแล ทับทิม ที่เริ่มมีไข้และมีอาการหนาวสั่นจากอาการบาดเจ็บที่ข้อเท้า ภูมิ ที่นั่งอยู่ไม่ไกลนัก รีบเปิดเป้ของตนเองและหยิบเสื้อแขนยาวอีกตัวส่งให้ทับทิม
"ทับทิม... ถ้าไม่รังเกียจ ช่วยรับเสื้อตัวนี้ไปใส่หน่อยนะ อาจจะไม่หอมเหมือนเสื้อเพิ่งซักใหม่ๆ แต่ฉันยังไม่ได้ใส่นะ" ภูมิพูดอย่างเขินอาย น้ำเสียงดูเกรงใจ
ทับทิมยิ้มให้ภูมิอย่างจริงใจ พลางหลบสายตาเล็กน้อย "ขอบใจนะ... ภูมิ... นายใจดีจังเลย" ส่วน พลอย ที่รอยงูฉกไม่เป็นอะไรแล้ว ก็กลับมาร่าเริงเหมือนเดิม เธอช่วยปลอบโยนและดูแลเพื่อนๆ ที่อ่อนเพลียอย่างเต็มที่
10:00 น. – การเดินทางสู่ความหวังและการเปิดใจ
เมื่อทุกคนได้กินกล้วยป่าและน้ำต้มจนรู้สึกดีขึ้น เสือและน้ำได้ตัดสินใจที่จะเดินเลียบตามลำธารไปเรื่อยๆ เพื่อหาทางออก ก่อนออกเดินทาง เสือได้แจกจ่ายเสบียงเท่าที่มีอย่างเป็นธรรม เขาให้ ภูมิ รับหน้าที่พยุง ทับทิม ที่ยังเดินไม่ถนัด
การเดินทางเป็นไปอย่างช้าๆ และทุลักทุเล พวกเขาต้องข้ามลำธารเล็กๆ หลายครั้ง ไนท์ ใช้ความคล่องแคล่วในการโยนเชือกให้เพื่อนๆ ใช้ยึดเกาะในการเดินข้ามน้ำ โดยมี แจน คอยกำกับดูแล
ระหว่างที่ เจต กำลังก้าวเท้าข้ามน้ำด้วยความหวาดกลัว เขาสะดุดก้อนหินทำให้เสียหลัก มินท์ รีบเอื้อมมือไปจับมือเจตไว้แน่น
"เจต! จับมือฉันไว้! เธอทำได้! ถ้าเธอทำไม่ได้ ฉันก็จะอยู่กับเธอตรงนี้แหละ!" มินท์ที่ปกติขี้ร้องไห้ กลับเปล่งเสียงออกมาด้วยความเข้มแข็ง ทำให้เจตรวบรวมความกล้าและก้าวพ้นลำธารมาได้
ส่วนทางด้าน ภูมิ และ ทับทิม การเดินทางเต็มไปด้วยความยากลำบาก ภูมิใช้ความอดทนและแรงกายทั้งหมดพยุงทับทิมตลอดทาง
"ภูมิ... ฉัน... ฉันขอโทษนะ ที่ฉันเคยพูดจาไม่ดีเกี่ยวกับนายกับพี่ภัทร" ทับทิมตัดสินใจเปิดใจอย่างจริงใจ "ฉันแค่... อิจฉาพี่พิมพ์ แล้วก็อยากให้พี่ภัทรสนใจ ฉันเลยไปว่านายว่าไม่เหมือนพี่ชายที่ดูดีของนาย"
ภูมิยิ้มอย่างอ่อนโยน "ไม่เป็นไรหรอกทับทิม... ผมเข้าใจครับ พี่ภัทรเขาเป็นคนเท่จริงๆ แหละ แต่เขาขี้อายมากเลยนะ! ขัดกับลุคที่คนอื่นเห็นเลยล่ะ ส่วนเรื่องผมอ้วน มันก็เรื่องจริงนี่นา... แต่ผมดีใจนะที่ได้ช่วยทับทิม"
ทับทิมมองใบหน้าที่เปื้อนเหงื่อของภูมิด้วยความรู้สึกที่เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง เธอเริ่มมองเห็นความดีงามที่อยู่ภายใน แทนที่จะเป็นเพียงรูปลักษณ์ภายนอก
15:00 น. – การเผชิญหน้ากับอุปสรรคที่ไม่คาดคิด
การเดินตามลำธารไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด พวกเขาเริ่มเข้าสู่เขตป่าดิบชื้นที่ร่มครึ้ม เหมย ร้องบอกพลางชี้ไปที่ต้นไม้ใหญ่ที่ขวางทางอยู่ข้างหน้า
"ทุกคนดูนี่สิคะ! รอยที่ลำต้นนี่มันเหมือนรอยครูดของสัตว์เลื้อยคลานขนาดใหญ่เลยค่ะ... เหมยว่าเราต้องระวังให้มากขึ้นนะคะ"
พีท รีบเข้าไปสำรวจ "ว้าว! รอยนี้มันใหญ่มาก! อาจจะเป็นงูเหลือม หรือไม่ก็พวกสัตว์เลื้อยคลานที่ชอบเลื้อยไปตามแนวลำธาร"
เสือ สั่งให้ทุกคนหยุดและพัก "เหมย นายดูทิศทางดีๆ พีท นายเตรียมพร้อมรับมือกับสัตว์เลื้อยคลานที่อาจจะเจอนะ" เสือสั่งการ ก่อนจะหันไปหาน้ำ "น้ำ เธอช่วยดูเรื่องการจัดเสบียงและน้ำที่เรามีว่าพอสำหรับอีกกี่ชั่วโมง"
17:00 น. – การตั้งแคมป์ใหม่ ณ โขดหินริมลำธาร
พวกเขาเดินต่อไปได้อีกราวสองชั่วโมง จนกระทั่งเหมยนำพวกเขามาถึงบริเวณโขดหินขนาดใหญ่ที่ยื่นออกมาเหนือน้ำ มีลักษณะคล้ายถ้ำเล็กๆ สามารถป้องกันลมและฝนได้ดี
การสร้างแคมป์ในวันนี้เป็นไปอย่างรวดเร็วและเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ทุกคนรู้หน้าที่ของตัวเองโดยไม่ต้องรอคำสั่งซ้ำๆ
เสือ และ น้ำ ช่วยกันจัดการเรื่องโครงสร้างที่พัก ไนท์ และ แจน จัดหาฟืน เจต อาสาไปกับพีทเพื่อเก็บใบไม้มาทำที่นอน พลอย และ มินท์ ช่วยกันต้มน้ำและบดหัวเผือกหัวมันเพื่อเตรียมอาหารมื้อค่ำ ใบเฟิร์น ช่วยภูมิทำความสะอาดบาดแผลที่ขาของทับทิมอีกครั้งอย่างเบามือ
19:00 น. – ค่ำคืนแห่งการปลอบประโลม
ทุกคนนั่งล้อมวงกินอาหารง่ายๆ ที่ทำจากหัวเผือกและกล้วยป่า หลังมื้ออาหาร มินท์ ที่ใจดีและอ่อนโยนที่สุดในกลุ่ม กลับเป็นผู้ที่เข้มแข็งทางจิตใจ เธอปลอบโยนเพื่อนๆ ที่เริ่มท้อแท้ด้วยคำพูดที่ให้กำลังใจ
"ทุกคนไม่ต้องกลัวนะคะ พ่อกับแม่ฉันบอกว่าคนเราจะเข้มแข็งที่สุดเมื่อเราต้องเจอกับความยากลำบาก ฉันรู้ว่าเราจะผ่านมันไปได้... เราทุกคนเก่งมากเลยนะที่รอดมาถึงวันนี้"
22:00 น. – บทสนทนาใต้แสงดาวและมิตรภาพที่แข็งแกร่ง
เมื่อผลัดเวรยามแรกสิ้นสุดลง เสือ, น้ำ, และ ไนท์ ก็เข้ามาประจำการ เสือที่เริ่มผ่อนคลายลง ได้นั่งลงข้างน้ำที่กำลังจ้องมองกองไฟ
"วันนี้เธอสั่งการได้ดีมากนะน้ำ" เสือเอ่ยชมอย่างจริงใจ
"นายก็เหมือนกันเสือ นายมีความเป็นผู้นำที่แท้จริง ไม่ใช่แค่หัวโจกเกเรอย่างที่ฉันเคยคิด" น้ำตอบกลับ
"ฉันรู้ว่าเธอเหม็นกลิ่นบุหรี่ฉัน... ฉันเลิกแล้วนะ" เสือพูดพร้อมโยนบุหรี่มวนสุดท้ายที่ยังเหลืออยู่ให้กองไฟ "มันไม่มีประโยชน์ในป่าแบบนี้อยู่แล้ว ฉันต้องรับผิดชอบชีวิตเพื่อนๆ"
น้ำมองการกระทำของเสือด้วยความรู้สึกตื้นตันใจอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
"ฉันดีใจนะเสือ... ดีใจที่ได้เป็นเพื่อนร่วมทางกับนายในที่แห่งนี้" น้ำกล่าว
เสือยิ้มออกมา "ฉันก็เหมือนกันน้ำ... พรุ่งนี้เราต้องหาทางออกให้ได้"
การอยู่ท่ามกลางความเงียบสงบของป่าในยามค่ำคืน ทำให้ทั้งคู่ได้เปิดใจและยอมรับในตัวตนของกันและกัน ความบาดหมางในอดีตได้ถูกเผาทำลายลงในกองไฟมอดดับไปแล้ว
...จบวันที่สอง: พวกเขายังไม่พ้นจากป่า แต่ได้ค้นพบสิ่งที่มีค่าที่สุด นั่นคือความเชื่อมั่นในตัวเองและมิตรภาพที่แข็งแกร่ง
บันทึก
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย