21 ต.ค. เวลา 04:07 • ความคิดเห็น
ความทุกข์เป็นธรรมชาติของสรรพสิ่งในโลกนี้ เมื่อทุกสิ่งมีความเปลี่ยนแปลง ไหลไปตามเหตุปัจจัย อาศัยกันและกันเกิดขึ้น ตั้งอยู่ เมื่อเหตุปัจจัยเปลี่ยน สิ่งนั้นก็ไม่อาจทนสภาพเดิมได้ จะต้องเปลี่ยนด้วยอำนาจปัจจัยใหม่ เช่น น้ำประกอบด้วยไฮโดรเจน2 และออกซิเจน1 เมื่ออาศัยกันอยู่ก็มีรูปเป็นน้ำ เมื่อเอาไฮโดรเจนและออกซิเจนออก รูปก็เปลี่ยนเป็นอย่างอื่น ตามธาตุที่มันเป็น
สภาพที่ไม่อาจทนที่จะเปลี่ยนไปตามเหตุปัจจัยนี่แหละคือทุกข์ในกฎไตรลักษณ์
ทุุกข์อีกอย่างหนึ่งคือทุกข์ในอริยสัจสี่ คือทุกข์ที่เป็นตัวตั้งต้นในการปฎิบัติของพุทธศาสนา
ความไม่สบายกาย ความไม่สบายใจ ความคับแค้นใจ ความเศร้าโศก ความพลัดพรากจากสิ่งอันเป็นที่รัก ความประสบกับสิ่งอันไม่เป็นที่รักที่พอใจ นี้เป็นทุกข์
สิ่งที่สำคัญอยู่ที่ว่า สภาพเหล่านี้เป็นทุกข์โดยธรรมชาติที่ต้องเจออยู่แล้ว แต่ความทุกข์ที่ท่านถามว่ามีตัวตนหรือไม่ ขอตอบว่าตัวทุกข์แท้จริงไม่มีตัวตน แต่ความรู้สึกยึดมั่นถือมั่นด้วยความรู้สึกว่ากูว่าของกูนี่ต่างหากที่ไปยึดว่าทุกข์นั้นเป็นกูเป็นของกู ยิ่งยึดมากเท่าไหร่ก็รู้สึกทุกข์มากเท่านั้น และเมื่อได้สติ ก็จะรู้ว่าทุกข์นี้เกิดเพราะเราไปยึดมันนี่นา
และสุดท้ายเมื่อจิตรู้ว่าทุกข์ที่เรายึดถืออยู่ มันทำให้เจ็บแค่ไหน ถ้ามีสติมากพอ จิตมันจะสลัดความทุกข์นั่นไปเอง แล้วความรู้สึกเบาสบายจะเกิดขึ้นแทนความรู้สึกหนักอึ้ง เหมือนคนที่แบกของหนักแล้ววางของหนักลง จิตของเจ้าของจะรู้เองครับ แค่ต้องฝึกสติให้ตามอารมณ์ได้ทันครับ ซึ่งมันไม่ง่าย เพราะจิตนี้ชอบแส่ไปหาแต่ทุกข์ครับ
โฆษณา