เมื่อวาน เวลา 09:00 • หุ้น & เศรษฐกิจ

กรุงศรีเปิดกำไร 9 เดือนแรกปี 2568 กว่า 24,600 ล้านบาท โต 5.1%

กรุงศรีเปิดกำไร 9 เดือนแรกปี 2568 กว่า 24,600 ล้านบาท โต 5.1% หนุนจากกำไรพิเศษ TIDLOR – คุมต้นทุน-สำรองเข้มรับเศรษฐกิจชะลอ
ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) และบริษัทในเครือ รายงานผลประกอบการ 9 เดือนแรกปี 2568 มีกำไรสุทธิ 24,612 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.1% จากช่วงเดียวกันของปี 2567 หรือเพิ่มขึ้น 1,188 ล้านบาท โดยมีปัจจัยหลักจากการลดลงของผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น และกำไรพิเศษจากการปรับมูลค่ายุติธรรมของเงินลงทุนใน บมจ. ติดล้อ โฮลดิ้งส์ (TIDLOR) ซึ่งบางส่วนถูกหักด้วยรายได้ดอกเบี้ยสุทธิที่ลดลง สอดคล้องกับการปรับลดดอกเบี้ยนโยบายและความต้องการสินเชื่อที่ชะลอตัว
นายเคนอิจิ ยามาโตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกรุงศรีอยุธยา
นายเคนอิจิ ยามาโตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกรุงศรีอยุธยา กล่าวว่า ในภาวะเศรษฐกิจที่มีความท้าทาย ธนาคารยังคงเดินหน้าตามยุทธศาสตร์ระยะกลางและระยะยาว เพื่อเพิ่มการเข้าถึงบริการทางการเงิน และสร้างโอกาสการเติบโตในกลุ่มลูกค้ารายย่อยและผู้ประกอบการ SME โดยได้เพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นใน TIDLOR จาก 30.18% เป็น 46.51% ในไตรมาส 3 ของปี 2568
ส่วนเศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งหลังของปี 2568 เผชิญแรงกดดันที่เพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะจากผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อมของนโยบายทางการค้าของสหรัฐฯ รวมถึงการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวที่ยังคงเปราะบาง และอุปสงค์ในประเทศที่อ่อนแรง อย่างไรก็ตาม คาดว่าปัจจัยที่จะช่วยประคองการขยายตัวของเศรษฐกิจในไตรมาสที่สี่ มาจากเสถียรภาพทางการเมืองที่ปรับตัวดีขึ้น กอปรกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐที่มุ่งสนับสนุนการบริโภคและการท่องเที่ยวภายในประเทศ ทั้งนี้ กรุงศรียังคงประมาณการการเติบโตทางเศรษฐกิจปี 2568 ที่ 2.1%
ส่วนผลประกอบการทางการเงินที่สำคัญในช่วง 9 เดือนแรกปี 2568 ได้แก่
เงินให้สินเชื่อรวม เพิ่มขึ้น 2.7% หรือจำนวน 51,384 ล้านบาท จากสิ้นเดือนธันวาคม 2567 โดยได้รับ แรงขับเคลื่อนจากสินเชื่อเพื่อรายย่อยที่ได้รับจากการรวมงบการเงิน (Consolidation) ของ TIDLOR รวมทั้งการเติบโตของเงินให้สินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่ ขณะที่สินเชื่อขนาดกลางและขนาดย่อมปรับตัวลดลง
เงินรับฝาก ลดลง 5.7% หรือจำนวน 104,602 ล้านบาท จากสิ้นเดือนธันวาคม 2567 โดยมีปัจจัยหลักมาจากการลดลงของเงินรับฝากประจำ สะท้อนถึงการบริหารจัดการต้นทุนทางการเงินเชิงรุก ท่ามกลางสภาวะที่เงินให้สินเชื่อเติบโตต่ำ
ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิ (NIM) อยู่ที่ 4.28% เทียบกับ 4.33% ในช่วงเก้าเดือนแรกของปี 2567 สอดคล้องกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย
รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ย เพิ่มขึ้น 15.8% หรือ 5,294 ล้านบาท จากช่วงเก้าเดือนแรกของปี 2567 โดยมีปัจจัยหลักมาจากกำไรพิเศษจากธุรกรรมการรวมงบการเงินของ TIDLOR กำไรสุทธิจากเครื่องมือทางการเงินที่วัดมูลค่าด้วยมูลค่ายุติธรรมผ่านกำไรหรือขาดทุน และหนี้สูญรับคืน
อัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้ อยู่ที่ 46.4%
อัตราส่วนสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL Ratio) อยู่ในระดับที่บริหารจัดการได้ที่ 3.49% ขณะที่สัดส่วนการตั้งสำรองต่อสินเชื่อรวมปรับตัวดีขึ้นอยู่ที่ 215 เบซิสพอยต์ จาก 245 เบซิสพอยต์ ในช่วงเก้าเดือนแรกของปี 2567 และอัตราส่วนเงินสำรองต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพอยู่ที่ 123.1%
อัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง (ของธนาคาร) อยู่ที่ 20.23% เทียบกับ 19.38% ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2567
อย่างไรก็ตาม ณ วันที่ 30 กันยายน 2568 กรุงศรีซึ่งเป็นหนึ่งในสถาบันการเงินขนาดใหญ่ของไทยและจัดเป็น D-SIB มี สินเชื่อรวม 1.95 ล้านล้านบาท เงินรับฝาก 1.72 ล้านล้านบาท และสินทรัพย์รวม 2.59 ล้านล้านบาท ขณะที่เงินกองทุนอยู่ที่ 336,980 ล้านบาท หรือ 20.23% ของสินทรัพย์เสี่ยง
โบรกฯ ปรับคำแนะนำเป็น "ซื้อ"
บริษัทหลักทรัพย์ ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) มองว่า การเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นใน TIDLOR ส่งผลให้มีการปรับมูลค่ายุติธรรมของเงินลงทุนใน TIDLOR เพิ่มขึ้น และมีการรวมงบการเงินของ TIDLOR เข้ามา ทำให้รายได้ดอกเบี้ยของกรุงศรีเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ส่งผลให้กำไรในไตรมาส 3/2568 เติบโตทั้งเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) และเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า (QoQ) อีกทั้งยังออกมาดีกว่าที่คาดไว้มาก
การรวมพอร์ตสินเชื่อของ TIDLOR ยังช่วยให้สินเชื่อรวมของธนาคารกลับมาเติบโตเป็นบวกได้ แม้ว่าจะส่งผลให้อัตราสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) เพิ่มขึ้นบ้างก็ตาม
จากผลประกอบการที่แข็งแกร่งกว่าคาด จึงมีการปรับเพิ่มประมาณการกำไรและราคาเป้าหมายขึ้นเป็น 68 บาทต่อหุ้น โดยมีส่วนต่างจากราคาปัจจุบันเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ปรับคำแนะนำขึ้นเป็น “ซื้อ” จากเดิมที่แนะนำให้ “ทยอยซื้อ
อ่านเนื้อหาต้นฉบับได้ที่ :
ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมที่เว็บไซต์ https://www.pptvhd36.com
และช่องทาง Social Media
โฆษณา