กินยาลิ่มเลือด ต้องรู้ 3 สิ่งนี้…
1️⃣ #ต้องรู้จักชื่อยาลิ่มเลือด ที่คุณทาน
ยาลิ่มเลือดที่พวกเราเรียกกันนั้น #บางทีไม่สื่อความหมายอะไร และ ยิ่งทำให้สับสน
#ควรเรียกชื่อให้ถูก เพราะ มีผลต่อการรักษา หากเรา มีเหตุฉุกเฉิน และ ไม่พบหมอประจำตัว
👉 #ยาต้านเกล็ดเลือด ( Antiplatelet ) เช่น #แอสไพริน( Aspirin ) , โคลพิโดเกรล ( Clopidogrel )
👉 #ยาป้องกันการแข็งตัวของเลือด ( Anticoagulant ) เช่น #วาร์ฟาริน ( Warfarin )
👉 #ยาป้องกันการแข็งตัวของเลือดกลุ่มใหม่ เช่น ดาบิกาทราน(Dabigatran) , ไรวาร้อกซาแบน(Rivaroxaban) , อะพิซาแบน(Apixaban) , อีด้อกซาแบน(Edoxaban)
..ถ้าเราจำชื่อยาของที่เรากินได้ จะช่วยให้คุณหมอ หา #ยาแก้ฤทธิ์ ได้ง่ายขึ้น
หากเกิดเหตุ #ฉุกเฉิน ที่คุณอาจไปไม่ถึงมือ คุณหมอประจำตัวของคุณเอง
2️⃣ #สังเกตจุดจ้ำเลือดตามตัว
👉แน่นอนล่ะ ยาเหล่านี้ ทำให้ลดการเกิดเลือดแข็งตัวง่าย #ป้องการโรคหัวใจ และ #หลอดเลือดสมอง
👉แต่ก็ทำให้ #เลือดออกง่าย หรือ เลือดหยุดยากเช่นกัน
👉หมั่นสังเกต #จ้ำเลือด จุดเลือดออกตามตัว #ปื้นเลือดตามผิวหนัง
👉หรือ แม้แต่อาการบางอย่างที่บ่งว่า อาจมีเลือดออกในอวัยวะภายใน เช่น สมอง ช่องท้อง ซึ่งมักมีอาการ #ปวดบริเวณนั้น
🔥ถ้ามีอาการเหล่านี้ ควรไปปรึกษาคุณหมอที่ดูแล นะครับ
3️⃣ ต้อง #แจ้งคุณหมอที่ตรวจทุกครั้งไม่ว่าโรคอะไร ว่า #คุณทานยากลุ่มนี้ ชื่อยาอะไรอยู่
👉เพราะ ยาหลายๆตัวมัก มีผลต่อยากลุ่มนี้
👉รวมถึงหากคุณต้องทำการผ่าตัด หรือ เพียงแค่ทำฟัน ก็อาจเกิดเลือดออกไม่หยุดได้
👉หากคุณหมอ หรือ หมอฟัน ทราบก่อน จะได้ #เตรียมพร้อมร่างกายคุณ ก่อนทำการผ่าตัด
..นอกจากนี้ คนที่ทานยาชื่อ #วาร์ฟาริน( Wafarin ) #ต้องศึกษาคู่มือ สมุดประจำตัว เล่มเล็กๆ
ที่โรงพยาบาลมักมอบให้ #จดผลเลือด และ ให้คุณอ่านดูว่า #ควรเลี่ยงอาหารใดบ้าง หากกินยา วาร์ฟาริน
..อ่านถึงจุดนี้ #การดูแลสุขภาพ เป็นสิ่งสำคัญมาก โดยเฉพาะ สมองของเรา
..หากเกิดโรคทางสมองไปแล้ว โอกาสกลับมาเป็นปรกติ เท่าเดิม มันไม่เยอะมากนะครับ
..เราควร #สร้างสุขภาพที่ดี ก่อนต้องมา #ซ่อมสุขภาพในภายหลัง
❤️ด้วยรัก หมอไมค์ ❤️
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
