Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
Wealthy Thai
•
ติดตาม
22 ต.ค. เวลา 08:27 • หุ้น & เศรษฐกิจ
เงินหนี “ทองคำ” ไหลเข้า คริปโท-หุ้นเทคสหรัฐฯ
กูรูชี้สัญญาณ Risk-On Rotation สะท้อนความเชื่อมั่นเศรษฐกิจโลกฟื้นตัว
หลังจากเกิดการเทขายทำกำไรทองคำครั้งใหญ่ในเดือนตุลาคม 2025 เงินทุนของนักลงทุนได้เคลื่อนย้ายอย่างรวดเร็วไปยังสินทรัพย์ที่มี “ศักยภาพการเติบโต” และ “ความเสี่ยงสูงขึ้น” ไม่ว่าจะเป็น คริปโทเคอร์เรนซี, หุ้นเทคโนโลยีสหรัฐฯ, โลหะอุตสาหกรรม และดอลลาร์สหรัฐฯ/พันธบัตรระยะสั้น
โดยเมื่อวันที่ 21 ตุลาคม 2025 ราคาทองคำร่วงลงแรงถึง 6% ในวันเดียว นับเป็นการร่วงที่แรงที่สุดในรอบกว่า 10 ปี ซึ่งก่อนหน้านั้นทองคำพุ่งขึ้นต่อเนื่องกว่า 60% นับตั้งแต่ต้นปี 2025 จากความกังวลของตลาดเรื่องเงินเฟ้อ การเข้าซื้อของธนาคารกลางทั่วโลก และความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัย เมื่อราคาขึ้นแรงเช่นนี้ การขายทำกำไรย่อมเป็นเรื่องปกติ
กำไรจากการขายทองไหลไปที่ไหน
หลังจากทองคำถูกเทขายชั่วคราว เงินทุนจำนวนมากได้ไหลไปยังสินทรัพย์อื่นๆ โดยคาดว่ามี 4 สินทรัพย์หลักที่ได้รับอานิสงส์จากการขายทองของนักลงทุน ได้แก่
1. คริปโทเคอร์เรนซี (Cryptocurrencies)
กลุ่มที่รับเงินไหลเข้ามากที่สุด คาดว่าเป็น “ตลาดคริปโท” โดยรายงานจาก AInvest ระบุว่า ตั้งแต่ต้นปีจนถึงเดือนตุลาคม 2025 กองทุน ETF และตลาด Spot ของคริปโทมีเงินใหม่ไหลเข้าสูงถึง 60 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งมากกว่าทองคำที่มีเพียง 43.6 พันล้านดอลลาร์ ในช่วงเวลาเดียวกัน
นอกจากนี้ ForkLog Media ชี้ว่าทันทีหลังจากที่ราคาทองคำร่วง Bitcoin ก็ดีดขึ้นทะลุ 113,000 ดอลลาร์ ส่วน Ethereum ขยับขึ้นใกล้ 4,100 ดอลลาร์ สะท้อนถึงการหมุนเม็ดเงินจากทองคำเข้าสู่สินทรัพย์ดิจิทัลที่มองว่าเป็น “สินทรัพย์ปลอดภัยที่เติบโตได้ดี”
ทั้งนี้ นักวิเคราะห์มองว่า นี่ไม่ใช่เพียงกระแสเก็งกำไร แต่เป็น “การจัดสรรสินทรัพย์ปลอดภัยแบบใหม่ (safe-haven reallocation)” ที่สะท้อนการยอมรับของสถาบันการเงินต่อคริปโทในฐานะสินทรัพย์หลัก
2. หุ้นเทคโนโลยีสหรัฐฯ และหุ้นเติบโตทั่วโลก
อีกกลุ่มที่รับแรงหมุนชัดเจนคือ “หุ้นเทคโนโลยี” โดยเฉพาะกลุ่ม AI และ Semiconductor รายงานจาก Reuters กล่าวว่า หลังราคาทองร่วงประมาณ 6% นักลงทุนกลับมาเพิ่มน้ำหนักในหุ้นกลุ่มเสี่ยง โดยเฉพาะหุ้นเทคโนโลยีที่คาดว่ากำไรไตรมาส 4 จะออกมาดี และอาจได้รับประโยชน์จากการลดดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ในไม่ช้า
โดยกองทุน ETF ที่อิง Nasdaq มีเงินไหลเข้าเพิ่มขึ้นกว่า 9% เมื่อเทียบกับสัปดาห์ก่อนหน้า สะท้อนแรงเก็งกำไรในหุ้น AI และ Chip ที่กลับมาอีกครั้ง
3. โลหะอุตสาหกรรม (Base & Industrial Metals)
หลังจากทองคำร่วงลง สินค้าโภคภัณฑ์ในกลุ่ม “โลหะอุตสาหกรรม” เช่น ทองแดง (Copper) และ แพลทินัม (Platinum) กลับมีแรงซื้อจากสถาบันเพิ่มขึ้น
โดยนักวิเคราะห์จาก AInvestให้เหตุผลว่า นักลงทุนกำลัง “หมุนจากโลหะสะสมมูลค่า (store-of-value)” อย่างเช่นทอง ไปสู่ “โลหะที่มีความต้องการใช้จริง (demand-driven metals)”
ซึ่งความต้องการนี้มีแรงหนุนมาจากการฟื้นตัวของภาคการผลิตทั่วโลก และการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน EV ที่เพิ่มขึ้น
4. ดอลลาร์สหรัฐฯ และพันธบัตรระยะสั้น
ในช่วงที่เกิดการเทขายทองคำ ดัชนีดอลลาร์สหรัฐฯ (Dollar Index) ปรับขึ้นราว 0.35–0.40% สะท้อนการโยกเงินเข้าสู่สินทรัพย์สกุลดอลลาร์และพันธบัตรสหรัฐฯ ระยะสั้น นั่นอาจหมายความว่า นักลงทุนบางส่วนพักเงินชั่วคราวในสินทรัพย์ปลอดภัย ก่อนจะนำไปลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงอีกครั้ง
มุมมองต่อภาพรวมการหมุนเงินออกจากทองครั้งนี้
เมื่อนำทุกอย่างมาประกอบกัน จะเห็นภาพดังนี้
-การร่วงของราคาทองคำไม่ใช่ “สัญญาณหนีภัย” แต่เป็น “การทำกำไรและจัดพอร์ตใหม่ (re-allocation)”
-กลุ่มที่มีแนวโน้มได้เงินมากที่สุดคือ คริปโท และ หุ้นเทคโนโลยีขนาดใหญ่ของสหรัฐฯ
-กลุ่มโลหะอุตสาหกรรมและพันธบัตรสหรัฐฯ เป็นเป้าหมายรอง เพื่อปรับสมดุลความเสี่ยง
-การเคลื่อนไหวนี้สะท้อนภาวะ “risk-on rotation” หรือการที่นักลงทุนเริ่มกลับมาเชื่อมั่นในเศรษฐกิจและเลือกลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงอีกครั้ง
-ที่สำคัญคือ นักลงทุนบางส่วนเริ่มมอง คริปโทเป็นสินทรัพย์เติบโต (growth asset) ไม่ใช่แค่เครื่องมือเก็งกำไร
การลงทุน
ทองคำ
cryptocurrency
บันทึก
3
1
3
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย