22 ต.ค. เวลา 13:04 • ศิลปะ & ออกแบบ

Vermeer บอกอะไร ในภาพเขียน ?

ภาพวาดของ Vermeer จิตรกรชาวดัชท์ พิสูจน์ทราบแล้ว พบว่า ทั้งโลก มีเพียง 35 ภาพเท่านั้น !
ราคาภาพของเขา จึงแพงทะลุฟ้า !
เอาละ ไหนๆก็ไหนๆ ถ้าจะมาดูภาพของลุง เฟอร์ เมร์ ละก็จะเลือกเอาภาพ แบบ ถ้าเปรียบภาพต่างๆเป็นเมียแล้วละก็
ก็จะขอหยิบเอาภาพระดับ" เมียหลวง " มาชมกันเลย !
คุณสมบัติของ เมียหลวงนั้นไซร้ ต้อง
 
- เด่น และดัง ( เพราะ เมียหลวงมาก่อน และเป็นที่รับรู้ของทางการทั่วไป )
- ต้องใหญ่ - หมายถึง มีสิทธิ์ มีอำนาจใหญ่กว่า เมียเกรดอื่นๆ
เอาว่า ภาพเปิดเรื่อง คือ หญิงสาวกับต่างหูมุก เธอคนนี้ เกือบใช่ เมียหลวง แต่ก็ไม่ใช่ ภาพเกรดเมียหลวง
เพราะว่า ความเด่น ความดังของภาพนี้น่ะ ใช่ เข้าเกณฑ์ ที่จะเป็น เมียหลวง คือใครเห็นภาพนี้ ก็บอกได้ทันทีว่า เป็นภาพวาดโดย Vermeer
แต่ขนาดความใหญ่ ยังไม่ใช่ ภาพหญิงห้อยต่างหูมุกนี้ ขนาดแค่ 46.5 x 40 cm - ฟุตครึ่ง คูณ ฟุตเศษๆ เอง !
ภาพ ระดับ เมียหลวง ของลุง เฟอร์ เมร์ ที่ผมว่า ก็คือ ภาพ
The Artist's studio หรือ อีกชื่อว่า
The Art of Painting ( 1667 )
ที่เข้าเกณฑ์ เมียหลวง ก็เพราะว่า
1. ความโด่งดัง หรือความเด่นดังของภาพ จัดว่า อยู่อันดับแรกๆ จาก ทั้ง 35 ภาพเช่นกัน
2. ขนาดของภาพ จัดว่า เป็น 1ในสองภาพขนาดใหญ่ที่สุด ของลุงที่ค้นพบ
ภาพนี้ มีขนาด 120 x 100 cm !
เมตรเศษๆ !
และความเป็นเมียหลวงของภาพนี้ สะท้อนจาก ความหวงความแหนของลุง ตรงที่ ชีวิตช่วงท้ายของลุง ตกต่ำยากจนข้นเข็ญ
แต่จวบจนลุงเสีย ( ลุงอายุไม่ยาวนัก แค่ 43 ปีเอง )
ภาพนี้ยังอยู่ในครอบครองของครอบครัวของลุง
ก็คือ ขนาดสุดท้าย จนยากจนตายก็ไม่ได้ขายภาพนี้ ให้แก่ใคร !!
ดูโทนสีภาพข้างบนและภาพข้างล่างนะครับ ภาพเดียวกัน
แต่สีซีด - สดต่างกัน
ท่านผู้อ่าน ถ้าเคยดูภาพจากหลายๆแหล่ง จะสังเกตเห็นได้ว่า หลายๆภาพ เป็นอย่างภาพข้างบนที่ผมนำมาให้ดู คือ โทนสี บางที สองแหล่ง สีไม่เหมือนกัน
แหล่งหนึ่ง สีสันสดใสสวยงาม
อีกแหล่ง สีออกเก่าๆ น้ำตาลๆ มัวซัวๆปนเหลืองๆ
พอผมได้มาค้นที่มาที่ไปของภาพนี้ พบว่า ในปีหลังๆที่เทคโนโลยี การฟื้นฟูภาพดีขึ้นมาก มีการทำความสะอาดฝุ่นหรือเชื้อราที่เคลือบเกาะภาพ หรือบางทีมีการลอกละลายสารเคลือบรักษาภาพ ( ที่เรียกว่า vanish ) หลายหน
ภาพถ่ายที่ถ่ายในต่างกรรมต่างกาละ เลยออกมาโทนสี ไม่เหมือนกัน
นี่ยังไม่พูดถึง ความเพี้ยนสีของภาพ ที่เพี้ยนจากกล้องถ่าย หรือความเป็นภาพดิจิตอล ในปัจจุบัน ซึ่งเพี้ยนได้มาก จากการตั้งค่าต่างๆของกล้อง
ดูง่ายๆ ว่า แค่ภาพที่ถ่ายจากมือถือ ค่าย ไอโฟน กับค่าย ซัมซุง ก็พอ
ค่ายหนึ่ง ภาพออกมาสีโทนสดใส จี๊ดจ๊าด
อีกค่าย ภาพถ่ายออกมา ดู soft กว่ากัน
เอาละครับ
ผมขอเริ่ม การดูภาพเกรดเมียหลวงภาพนี้ ของลุงเฟอร์เมร์ ตามแนวทางเดิม
คือเริ่มด้วยการชม บรรยากาศของภาพกันก่อน
จะเห็นว่า Vermeer วางโครงร่างของภาพหลายภาพ ที่เขาวาดไว้ คล้ายๆกัน
คือ มักเป็นภาพ ชีวิตประจำวัน ในบ้าน ( Daily life ) ซึ่งจัดชั้นคุณค่าของภาพเป็น ความสำคัญลำดับ2 รองจากภาพทางศาสนาหรือภาพจากเรื่องปรัมปรา (การจัดชั้นคุณค่าหรือความสำคัญของภาพ ผมเคยเลคเช่อร์ให้แล้ว ในตอนที่พูดถึง ภาพ Venus and Mars ของ Bottichelli )
อ้าว !?! ว่าไงนะ ? ลืมไปแล้ว ? ลืมว่า ลำดับชั้นของประเภทภาพวาดนะเหรอ ? ว้า.... ทำไมช่างขี้ลืมยังงี้
ทำไมช่างเป็นคนได้หน้าลืมหลัง เหลือเกิน เดี๋ยวจะหยิกให้เนื้อเขียวเชียวนะเออ !
เอ้า บอกให้ใหม่ก็ได้
ในยุคสมัยก่อน กลุ่มกรรมการตัดสินภาพวาดของปารีส จัดลำดับคุณค่าของภาพวาดประเภทต่างๆ โดยให้คุณค่าของภาพวาดตามลำดับจากมากไปน้อย ดังนี้
1. ภาพเกี่ยวกับศาสนา หรืออิงนิยายปรัมปรา เกี่ยวกับเหล่าทวยเทพ ถือว่า มีคุณค่าหรือความสำคัญลำดับ 1
2. ภาพเกี่ยวกับชีวิต ประจำวัน ( Daily life )
3. ภาพเหมือนตัวบุคคล ( Portrait )
4. ภาพทิวทัศน์ ( Landscape )
5. ภาพนิ่ง ( Still life )
แต่ปัจจุบัน การแบ่งชนชั้นของประเภทของภาพ น่าจะหมดไป ภาพแต่ละประเภท ก็สวยงามตามแบบของเขา
อีกทั้ง ผู้ชมแต่ละท่านก็รสนิยมชมชอบ ชนิดของภาพไม่เหมือนกันอีก ดังนั้น จะตัดสินว่า รสนิยมของ คุณ ก. ซึ่งชอบภาพทวยเทพ ดีกว่า รสนิยมของ นางสาว ข. ที่ชอบชมภาพทิวทัศน์ นั้น
มันไม่ถูกต้องนะ คู้ณ !
ในความเป็นภาพ daily life ของลุงเฟอร์ มักจะเป็นชีวิตในร่มเงาบ้าน และมักมีองค์ประกอบของภายในห้องหรือในตัวบ้าน
และ สิ่งที่บ่งบอกว่าเป็นภาพ สไตล์ลุง ก็คือ
มักมีแหล่งกำเนิดแสง มาจากแสงธรรมชาติ คือแสงอาทิตย์ ที่สาดผ่านช่องหน้าต่าง ทางซีกซ้ายมือ
อีกทั้งมีโฟร์กราวน์ เป็นผ้าม่านที่ถูกแหวกเปิดออก เผยให้เห็นสิ่งของหรือ บุคคลในห้อง
ซึ่งในหนังสือบอกว่า Foreground ที่เป็นม่านบังตาที่ถูกแหวกออกนี้ จะเป็นตัวนำสายตาผู้ชม ให้มองเข้าไปสู่ตัวภาพหรือตัวบุคคลที่ศิลปิน ต้องการให้เราจับตามอง
องค์ประกอบสำคัญหลักๆในภาพมีดังนี้
1. ตัวบุคคล มี 2 คน คือหญิงสวมชุดสีฟ้าคราม ยืนอยู่กลางภาพ
2. ตัวจิตรกร แต่งตัวแบบทางการ เต็มยศ นั่งหันหลังให้เรา กำลังเริ่มวาดภาพ
3 ภาพแผนที่ขนาดใหญ่ แขวนที่ผนัง
ซึ่งสิ่งนี้ ( ภาพแขวน ) เป็นอีกสไตล์หนึ่งของภาพวาดของ Vermeer
มีคนตั้งข้อสังเกตว่า ในบรรดาภาพวาด ทั้งหมดจำนวน 35- 36 ภาพของเฟอร์เมร์ มีภาพแขวนผนังหรือ สิ่งของติดที่ผนังแบบในรูปนี้ด้วย มีจำนวนถึง 20 ภาพ !
เพื่อเป็นการบอกบริบทของเรื่องราว ในภาพหลัก
4. พื้นห้องที่มีลวดลายเรขาคณิตของกระเบื้อง
5. หน้ากากขนาดใหญ่ วางอยู่บนโต๊ะ ข้างๆมีหนังสือหรือสมุดภาพเปิดอยู่ แต่ไม่สามารถบอกได้ว่าเป็นหนังสือหรือเป็นภาพอะไร
6. โคมระย้าสีทอง หรูหราสวยเป็นเงางาม
7. ผ้าม่านที่เป็น Foreground ขนาดใหญ่ กินพื้นที่ด้านซ้ายประมาณเกือบ 1 ใน 3 ของภาพ
8. ขอบบนของแผนที่ ประเทศดัชท์ มีตัวหนังสือเป็นแนวนอน ตลอดความยาวของภาพ แต่อ่านไม่รู้ว่า บรรยายว่าอะไร
9. เส้นสีดำแนวทะแยง ตรงที่ข้อมือของจิตรกรทับอยู่
ทีนี้ ภาพๆนี้ มันมีอะไรที่แปลกๆอยู่ไหมนะ? ( ภาษาปักษ์ใต้ เขาเรียกว่า รู้สึก พรื่อโช้ว พรื่อโช้ว )
แปลกตรงที่ว่า ห้องวาดภาพ หรือห้องทำงานของจิตรกร ที่เรียกขานกันว่า สตูดิโอนี่นะ ปกติจะเป็นห้องเรียบๆ มีแค่อุปกรณ์ เครื่องไม้เครื่องมือ ที่ใช้วาดภาพ วางอยู่เป็นหลัก
แต่ของบางอย่างในภาพนี้ มันมีอะไรที่ผิดแผกไปจาก สตูดิโอทั่วๆไป ตรงที่...
- โคมระย้า หรือ แชนเดอเลียร์ นั่น ปกติเขาแขวนในห้องรับแขกหรือห้องทานอาหาร
- พื้นห้องของสตูดิโอทั่วไป เป็นพื้นดาดๆ ไม่มีลวดลาย
แต่พื้นในรูปนี้ มีลายทรงเรขาคณิต
- จิตรกร ที่นั่งหันหลังให้เรา นั่นก็อีก แต่งตัวเสียเต็มยศราวกับจะออกงานปาร์ตี้ ช่างไม่กลัวชุดจะเลอะสีแต่อย่างใด
สิ่งของและการแต่งตัวที่แปลกที่แบบนี้นี่ นักวิแคะภาพตีความว่า
เป็นการอวดความหรูหราและความรวยของตัวจิตรกร และ สถานที่ๆทำงานของเขา !
โคมระย้า บอกให้ทราบว่า เป็นยุคของราชวงศ์ Habsburg ที่ปกครอง สเปญและออสเตรีย ตรงที่ มีนกอินทรีสองหัว อันเป็นสัญลักษณ์ ของราชวงศ์นี้
สังเกตได้อีกว่า โคมนี้ ไม่มีเทียนปักหรือจุดติดไว้แม้แต่เล่มเดียว
บ่งบอกเป็นนัยถึง ความสิ้นสุดหรือหมดสิ้นอะไรสักอย่าง !
ตราราชวงศ์ Habsburg
พื้นห้อง ลายเรขาคณิต
ลุงเฟอร์ ใช้การวาดลายพื้นให้มีลักษณะที่ให้ดูเป็น perspective หรือที่เด็กถาปัดพูดย่อว่า ตีบ โดย ใช้ หัวหมุดไม้มุมล่างซ้ายของภาพแขวนผนัง เป็นจุดบรรจบของ เส้นจินตนาการ
ชุดเสื้อผ้า และการแต่งตัวของ จิตรกร ดูออกจะจัดเต็ม ผิดปกติ
เอาล่ะ ทีนี้เราจะมาเข้าสู่เนื้อหาหลักกันเสียทีว่า
ศิลปินหรือผู้วาด จะบอกอะไรกับเราในภาพๆนี้
หญิงสาวที่ยืนอยู่กลางภาพ แต่งตัวออกจะแปลกแถมมือขวาถือทรัมเปต มือซ้ายถือหนังสือ
เธอคือใคร ?
เธอคือ เทพธิดา Clio ครับ เทพแห่งประวัติศาสตร์
เธอสวมมงกุฏใบลอเรล( ความมีเกียรติยศ ) มือถือทรัมเปต ( ความมีชื่อเสียงลือเลื่อง ) และถือตำรา ( บันทึกประวัติศาสตร์ )
ส่วนจิตรกรนั้นไซร้ แม้นว่าไม่เห็นหน้า ก็ตีขลุมไว้เลยว่า เป็นตัว Vermeer
แต่ก็ไม่ได้มี hint หรือคำบอกใบ้ใดๆทั้งสิ้นแหละว่า ทำไมต้องเป็นลุง เดาๆเอาล้วนๆ !
แผนที่ 17 จังหวัดของเนเธอร์แลนด์
ภาพขนาดใหญ่ที่แขวนติดผนังนั่น
ดูแบบขยายแล้ว คือแผนที่ดัชท์ยุคนั้นครับ
ยุคราชวงศ์ ฮับสบวร์ก ของออสเตรียครองสเปญและดัชท์
แผนที่มีรอยพับตรงกลาง ซีกซ้ายวาดหยาบๆ เป็นทิศใต้ ซึ่งเป็นส่วนของสเปญปกครอง ซีกขวาของรอยพับ คือดัชท์ ซึ่งเป็นตอนเหนือ ลงรายละเอียดแต่ละจังหวัดแบบชัดเจนกว่าซีกซ้าย
เป็นภาพ 17 จังหวัดการปกครองยุคนั้น
Vermeer ใช้รอยพับรอยยับเป็นตัวแยก ส่วนซ้าย ( ทิศใต้ ) ที่สเปญปกครอง กับซีกขวา ( ทางเหนือ ) ที่ดัชท์ปกครอง
หน้ากากที่วางบนโต๊ะ
ตรงโต๊ะด้านซ้ายมือ มีหน้ากากขนาดใหญ่วางอยู่คู่หนังสือเล่มใหญ่ที่เปิดกางไว้
หน้ากากคือ สัญลักษณ์ ของการลอกเลียน หรือการปลอมแปลงครับ
การลอกเลียน จะบอกเป็นนัยไหมว่า ชีวิตแต่ละคนล้วนต้องสมบทบาท ของอะไรหรือความเป็นใคร สักบท?
ทีนี้ ลองโฟกัสไปที่ภาพที่จิตรกรกำลังวาด สังเกตเห็นไหมว่า ตรงมิอขวาที่แกกำลังวาดมีเส้นดำๆเส้นตรงโยงไปยังขอบมุมของเฟรมภาพ
มีไว้ทำอะไรกัน ?
มันเป็นตัวยึดที่วางมือเพื่อให้ มือนิ่งครับ เรียกว่า Maulstick ครับ
( ไม่ใช่ Joystick นะเออ !)
เป็นอันว่า ผมขอจบเลคเช่อร์ ภาพเกรดเมียหลวงของลุง ไว้เท่านี้นะครับ
หวังว่า ทุกท่าน คงจะได้รับความบันเทิงเพลิดเพลินในการชมภาพ และได้สาระความรู้ที่ผมค้นมาพ่วงไว้ด้วยนะครับ
Have a nice day - กันนะครับ !
โฆษณา