Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
หนูนิ
•
ติดตาม
23 ต.ค. เวลา 00:59 • นิยาย เรื่องสั้น
ปริศนาลับราชวงศ์ถัง(Strange Tales of Tang Dynasty) ตอน โรงเตี้ยมกานถัง ตอน 2/1
.
วันเวลาผ่านไปเดือนเศษแล้ว ซูอู๋หมิงยังไม่หายอ่อนล้า หลูหลิงเฟิงยังคงคาใจโรงเตี้ยมกานถัง เขาบอกไม่ถูกว่าสิ่งที่ยังคาใจดังเส้นผมบังภูเขานั้นคืออะไร
.
แล้วภาพนิ้วชี้มือขวาด้วนเหลือเพียงครึ่งของหลิวสือปาที่มาเปิดประตูโรงเตี้ยม ภาพหลิวสือปายกอ่างใส่น้ำหันกลับไป เอ๊ะ...นิ้วชี้ขวาของเขาไม่ได้ด้วนนี่นา แล้วใบหน้าในเงามืดไม่ชัดที่ชั้นบนของโรงเตี้ยมคือใบหน้าของหลิวสือปา
.
หลูหลิงเฟิงไปปลุกซูอู๋หมิง "ที่โรงเตี้ยมกานถังเราพลาดเบาะแสสำคัญไป"
.
ผู้ตรวจการมณฑลสยงอนุญาตให้ซูอู๋หมิงพักต่อได้อีก1เดือน ซูอู๋หมิงจึงเล่าให้ฟังว่า "ตอนที่เราลงใต้มาได้ผ่านโรงเตี้ยมกานถังแล้วพักอยู่ที่นั่น
ระหว่างนั้นเกิดเรื่องแปลกพิศดารขึ้น จนทุกวันนี้ยังไม่ได้ไขให้กระจ่าง พวกเราอยากกลับไปสืบให้รู้เรื่อง"
.
ผู้ตรวจการ "โรงเตี้ยมกานถัง หมายถึงโรงพักม้าในเขตอำเภอกานถังหรือ"
.
ซูอู๋หมิง "ถูกต้อง"
.
ผู้ตรวจการ "ผู้พิพากษาอำเภอกานถัง หวังหน่ายหลิง เรียนหนังสือมาด้วยกันกับข้า เป็นคนยุติธรรมปฏิบ้ติหน้าที่แข็งขัน เป็นที่รักของชาวบ้าน ข้าจะเขียนจดหมายถึงเขา มีเรื่องอะไรเขาต้องช่วยท่านแน่"
.
ซูอู๋หมิงและหลูหลิงเฟิงลุกขึ้นยืน "เช่นนั้นขอขอบคุณท่านผู้ตรวจการ"
.
ด้วยคำแนะนำของสี่จวินเพื่อไม่ให้คนที่พบจำได้เนื่องจากเวลาเพิ่งผ่านไปเดือนเศษเท่านั้น
นางจึงเสนอให้ซูอู๋หมิงโกนหนวดเคราแต่งกายเป็นนักพรตลัทธิเต๋า ซูอู๋หมิงจึงต้องตัดใจโกนหนวดที่รักไม่งั้นก็ไขปริศนาไม่ได้
.
ส่วนหลูหลิงเฟิงเป็นแม่ทัพที่อารมณ์แปรปรวน ที่จริงไม่ต้องปลอมก็ได้ตัวตนของเขาก็เป็นอย่างนี้อยู่แล้ว เพียงมีหนวดเครารกๆเข้าไว้ก็ไม่มีใครจำได้(โดยเฉพาะผู้ร้าย)
.
ทันทีที่ซูอู๋หมิงและหลูหลิงเฟิงพบหน้ากันในภาพลักษณ์ใหม่ต่างก็หัวเราะ ซูอู๋หมิงถึงกับชมน้องสาวว่านอกจากวาดภาพเก่งแล้ว ศิลปะในการปลอมตัวยังเป็นเลิศอีกด้วย
.
ตามแผนหลูหลิงเฟิงจะเข้าไปที่โรงเตี้ยมกานถังก่อน หลังจากนั้นอีก2ชั่วยามซูอู๋หมิงจึงตามไป
เหตุที่หลูหลิงเฟิงไม่ยอมให้ซูอู๋หมิงเข้าไปก่อน เพราะเกรงว่าเวลา2ชั่วยามศีรษะของซูอู๋หมิงน่าจะไปอยู่ในหม้อต้มแล้ว
.
ฝนทำท่าจะตกหนักเหมือนวันนั้นเมื่อเดือนกว่าที่ผ่านมา วันนั้นก็เป็นหลูหลิงเฟิงที่ทุบประตูโรงเตี้ยม
แต่คราวนี้มือที่มาเปิดประตูนิ้วชี้มือขวาหาด้วนไม่ ชายหนุ่มที่มีหน้าตาเหมือนหลิวสือปาปรากฎกายออกมาด้วยใบหน้าขาวเผือดเหมือนผีน่าตระหนกยิ่งนัก
.
หลูหลิงเฟิงถามว่า "เจ้าเป็นใคร"
.
ชายผู้นั้นตอบด้วยน้ำเสียงเย็นเยือกว่า "เจ้ามาเคาะประตูบ้านข้า แล้วถามว่าข้าเป็นใคร"
.
"เจ้าคือผู้ใด จงแจ้งชื่อมา" หลูหลิงเฟิงสั่ง
.
"ข้าน้อย หลิวสือปา"
.
หลูหลิงเฟิง "ข้าเป็นแม่ทัพจะไปรับตำแหน่งทางเหนือ ตอนนี้ฝนใกล้ตกแล้ว ข้าจะพักที่นี่สักคืน"
.
หลิวสือปา "คือที่นี่ให้คนพักไม่ได้ขอรับ"
.
หลูหลิงเฟิง "เพราะอะไร เห็นอยู่ว่าป้ายโรงเตี้ยมกานถัง จะต้องเป็นโรงพักม้าของทางการ"
.
หลิวสือปา "คือที่นี่ถูกทิ้งร้าง โรงเตี้ยมใหม่ห่างออกไป10ลี้ ท่านไปพักที่นั่นเถอะ"
.
หลูหลิงเฟิง "ร้างรึ เพราะเหตุใดเจ้าจึงอยู่ที่นี่ ดูจากการแต่งกายเจ้าเป็นทหารโรงเตี้ยม เหตุใดจึงไล่ข้าไป"
.
หลิวสือปา "เมื่อ8ปีก่อนข้ามาเป็นทหารรับใช้ที่โรงเตี้ยม 3ปีก่อนมันถูกทิ้งร้าง ข้าไม่มีที่ไป จึงใช้ที่นี่เป็นบ้านไม่ได้อย่างนั้นหรือ"
.
หลูหลิงเฟิง "อีกเดี๋ยวฝนก็จะเทลงมาแล้ว ที่นี่จะร้างหรือไม่ก็เป็นสถานที่ราชการ ระวังข้าจะโบยเจ้า"
.
หลิวสือปาลนลาน "นายท่านอย่าโกรธเลย ข้าไม่ให้ท่านพักยังมีอีกเหตุผลเพราะ
ที่นี่ไม่สะอาด"
.
หลูหลิงเฟิง "ไม่สะอาดอย่างไร"
.
หลิวสือปา "นายท่านมีประสบการณ์ย่อมรู้ว่าข้าหมายถึงอะไร"
.
หลูหลิงเฟิง "ฝนกำลังจะตกหนัก ฟ้าช่างมืดเร็วปานนี้ ในเมื่อเจ้าพักอยู่ที่นี่ เจ้าหลบเลี่ยงอันตรายอย่างไร" แล้วยัดเงินจำนวนมากใส่มือหลิวสือปา
.
หลิวสือปายิ้ม "แบบนี้ไม่ดี"
.
หลูหลิงเฟิงหัวเราะเสียงก้อง "ไม่ดีอย่างไร" แล้วผลักหลิวสือปาให้พ้นทางก้าวเดินเข้าไปในโรงเตี้ยม ด้านหลิวสือปาถึงกับตาลุกกับจำนวนเงิน อา...เหยื่อรายใหม่นี้ กระเป๋าเงินอัดแน่นมากมายเช่นนี้...
.
หลูหลิงเฟิงไปที่ประตูโถงแล้วสั่ง "หลิวสือปาเอาไก่มาให้ข้าตัวหนึ่ง"
.
หลิวสือปา "โชคไม่ดีที่เมื่อ2วันก่อนมีพังพอนมากัดไก่ตาย แต่มีเนื้อที่เพิ่งต้มเสร็จอร่อยมากกก"
.
หลูหลิงเฟิงนึกไปถึงศีรษะของเจ้าเมืองอวี่และชุยอู๋จี้ที่กำลังถูกต้มก็พาลจะอาเจียน จึงสั่งอย่างไว้ท่า "หลิวสือปา ข้ามีนิสัยเสียอย่างหนึ่งคือชอบกินไก่มาตั้งแต่เด็ก ถ้าไม่มีก็ต้องเป็นผักเอาไว้รองท้อง"
.
หลิวสือปา "ผักป่าใช้ได้หรือไม่ ข้าจะไปนึ่งผักสัก 2-3 ลูกมาให้ท่านแก้หิว"
.
หลูหลิงเฟิงนึกไปถึงภาพที่ซูอู๋หมิงกินผักนึ่งแป้งของหลิวสือปา(อีกคน)อย่างเอร็จอร่อยจึงหัวเราะ "ก็ดี"
.
ฝนที่ตกอย่างหนักอากาศเย็นเมื่อมีผักนึ่งร้อนๆถือว่าไม่เลวเลยทีเดียว หลูหลิงเฟิงจึงรับประทานเหมือนไม่เคยรู้จักมาก่อน ก็ไม่เคยรู้จักมาก่อนจริงๆนั่นเเหละ
ไฮโซอย่างเขารับประทานแต่ของชั้นเลิศมีรึที่จะกินของบ้านๆ แต่สักวันเขาอาจขอร้องสี่จวินช่วยปรุงให้ก็ได้
.
หลูหลิงเฟิง "หลิวสือปา เจ้าไม่กินด้วยหรือ"
.
"ไม่ขอรับ ข้ากินเนื้อจนชินแล้ว คิดว่าเนื้ออร่อยกว่า"
.
หลูหลิงเฟิง "กันดารอย่างนี้ไม่มีแม้แต่ไก่ แล้วเจ้ากินเนื้ออะไร"
.
"ลิงภูเขาไงล่ะ ภูเขาที่อยู่หลังโรงเตี้ยมกานถังทอดยาวหลายร้อยลี้ บนภูเขามีสัตว์ประหลาดเรียกว่า ลิงภูเขา มาก่อกวนอยู่บ่อยๆ ข้าเลยวางกับดักที่ตีนเขา พอจับได้
ก็นำมาต้มกิน"
.
หลูหลิงเฟิง "สัตว์ประหลาดที่ว่ารูปร่างเป็นคนซินะ"
.
หลิวสือปา "ไม่ใช่ขอรับ หัวของมันเหมือนหมูป่า"
.
หลูหลิงเฟิง "แล้วทำไมไม่เรียกหมูป่า"
.
หลิวสือปา "มันผอมขอรับ ผอมกว่าหมูป่ามาก ขาก็ยาวกว่าด้วย"
.
หลูหลิงเฟิงลุกขึ้นยืนอย่างตื่นเต้น "ลุกขึ้นยืนได้ ปีนต้นไม้ได้ด้วย"
.
หลิวสือปา "ใช่ ๆ "
.
หลูหลิงเฟิง "งั้นก็เป็นคนป่า หลิวสือปา เจ้ากินคน"
.
หลิวสือปาอึกอักพูดไม่ออก แต่แล้วนายทหารที่คาดเดาอารมณ์ไม่ถูกก็หัวเราะก้อง "ใบหน้าของเจ้า แค่คิดก็คงไม่กล้าแล้ว"
.
หลิวสือปาโล่งอก "ใช่ ขอรับ"
.
หลูหลิงเฟิง "พรุ่งนี้พาข้าไปดูกับดัก ข้าอยากเห็น"
.
หลิวสือปายิ้มร่า "ได้เลยขอรับ ได้เลย"
.
แล้วก็ถึงคิวซูอู๋หมิงเสียที เขามาพร้อมสายฝนที่ตกอย่างหนักในมาดของนักพรต
หม่าปู้ถง วัดหลิงอวิ๋นเมืองหนานโจว
เขาทุบประตูแล้วเป็นหลูหลิงเฟิงที่ได้ยินจึงสั่งหลิวสือปาไปเปิดประตูให้ผู้ที่เดือดร้อน ค่าที่พักเขาออกให้เอง
.
นักพรตเก๊ขอพักสักคืนเหมือนคนอื่นๆที่ผ่านมา หลิวสือปาจึงบอกว่า "โรงเตี้ยมนี้
ร้างแล้ว โรงเตี้ยมข้างหน้าอยู่ห่างไป10ลี้"
.
นักพรตเก๊ "ช่วยหน่อยเถอะน้องชาย ในแขนเสื้อข้ามีภาพวาดราคาประเมินมิได้ของศิลปินจางเชวียนที่เลื่องชื่อ เพื่อนำไปถวายองค์หญิง หากภาพโดนน้ำหัวของข้าคงไม่พอชดใช้"
.
หลิวสือปาตาลุกวันนี้ช่างมีโชคลาภเสียนี่กระไร มีแต่เหยื่ออ้วนๆมาขึ้นเขียง ยังไงก็ต้องไว้ท่าเสียหน่อยจึงบอกว่า "โรงเตี้ยมนี้ไม่สะอาด"
.
มิคาดนักพรตผู้นั้นตอบว่า "ไม่เป็นไร ข้ากวาดเองได้"
.
หลิวสือปา "ไม่ใช่อย่างนั้น ข้าหมายถึงอย่างอื่น"
.
นักพรตเก๊ "ผีเหรอ ดีเลย ข้าเป็นนักไล่ผี ไล่มาสารพัดผีทั่วราชอาณาจักร ฉายาของข้าคือ หมอปลา-มือปราบสัมภเวสีไชน่า ข้ายินดีไล่ผีให้โดยไม่คิดเงิน"
.
หลิวสือปางงแต่ทำเป็นรู้จักหมอปลา "เอาละ เมื่อท่านยืนยันที่จะพักก็ต้องบอกท่านก่อนว่า มีแม่ทัพใหญ่ท่านหนึ่งมาก่อนท่าน เขามีอารมณ์แปลกประหลาดยิ่งนัก ท่านต้องระวังตัวด้วย"
.
นักพรตเก๊ "เข้าใจแล้ว"
.
ทันทีที่พบหน้าแม่ทัพเก๊ นักพรตเก๊ก็ก็เอ่ยขึ้น "หม่าปู้ถงแห่งวัดหลิงอวิ๋น คำนับท่านแม่ทัพ"
.
"หม่าปู้ถง นักพรตเต๋ารึ งั้นข้าขอคืนคำเมื่อครู่"
.
นักพรตเก๊ "นี่ท่านหมายความว่าอย่างไร"
.
หลิวสือปา "ไม่มีอะไรหรอก จริงซิ ท่านอยากกินอะไรไหม"
.
นักพรตเก๊ "ข้าไม่กินสิ่งใดหลังเที่ยง ไม่เหมือนพวกขี้เมาหยำเปบางคน"
.
แม่ทัพเก๊ตบโต๊ะเสียงดังแล้วลุกขึ้นยืนด้วยความโกรธ "เจ้าว่าใคร"
.
หลิวสือปาเลิ่กลั่ก แต่นักพรตเก๊ของเราหาได้สนใจไม่ หันไปพูดกับหลิวสือปาว่า
"ข้าเหนื่อยแล้ว ห้องขวาบนว่างใช่ไหม ข้าขอตัวไปนอนก่อนละ"
.
แม่ทัพเก๊ "หยุด นักพรตเต๋าช่างใจกล้า ข้าผู้เป็นแม่ทัพใหญ่อยู่ตรงนี้ เจ้ายังกล้า
แย่งห้องขวาบนไปอีก รึ"
.
นักพรตเก๊ "ข้าต้องรีบเข้านอนเพื่อไปฉางอันแต่เช้า ก็เพื่อนำภาพไปถวายองค์หญิง เจ้ากล้าดีอย่างไรถึงมาแย่งชิงกับข้า"
.
แม่ทัพเก๊ "องค์หญิงอย่างนั้นหรือ ข้าก็ได้รับบัญชาให้ขึ้นเหนือไปรักษาการชายแดนเพื่อฝ่าบาท เจ้ายกองค์หญิงขึ้นมาขู่ข้าไม่ได้ดอก"
.
นักพรตเก๊ "นายทหารรักษาการชายแดนก็มีอยู่มากแล้ว อย่างเจ้ายังต้องให้ถึงมือฝ่าบาทอีกหรือ"
.
แม่ทัพเก๊ "เช่นนั้นอย่างเจ้ายังต้องให้ถึงมือองค์หญิงอีกหรือ"
.
นักพรตเก๊ "แน่นอนอยู่แล้ว ข้าปราบมารไล่ผีได้ องค์หญิงรับปากข้าแล้วจะเลื่อนชั้นให้ข้าเป็นขุนนางราชสำนัก"
.
แม่ทัพเก๊ "หากคนเช่นเจ้าได้เป็นขุนนาง ราชสำนักคงถึงคราวสิ้นหวังเป็นแน่ หลิวสือปา"
.
หลิวสือปาที่เลิ่กลั่กมองคนโน้นที คนนี้ที เชิ่อใครดี ขานรับแทบไม่ทัน "ขอรับ"
.
แม่ทัพเก๊ "เมื่อครู่เจ้าบอกโรงเตี้ยมนี้ไม่สะอาด ข้าจะให้นักพรตนี้หลั่งเลือดที่นี่ ภายหน้าโรงเตี้ยมของเจ้าจะสะอาดหมดจด"
.
แล้วแม่ทัพเก๊ก็ใช้ดาบพาดคอของนักพรตเก๊ ที่ทำท่ากลัวตายสมบทบาทในระดับออสการ์สาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยมยังไงยังงั้น
.
หลิวสือปาพูดละล่ำละลักเพราะตกใจ "อย่าฆ่าคนเลย นายท่าน ข้ากลัว ท่านนักพรตเหตุใดจึงกล้าขัดแย้งกับท่านแม่ทัพเล่า"
.
นักพรตเก๊ "ก็ได้ ก็ได้ ข้าจะไม่ช่วงชิงห้องพักกับเจ้าก็ได้ ข้าพักห้องซ้ายก็ได้ พอใจไหม"
.
แม่ทัพเก๊ "นักพรตเต๋าเช่นเจ้าไม่สมควรพักโรงเตี้ยมของราชการเสียด้วยซ้ำ กล้าดีอย่างไรมาทำตัวเสมอข้า" ผลักนักพรตแล้วสั่ง
.
"หลิวสือปา หาห้องเก็บฟืนสักห้องให้เขาอยู่ รอเมื่อฝนหยุดตกก็ไสหัวเขาไปเสีย"
.
นักพรตเก๊ "เจ้า..."
.
หลิวสือปารีบดึงตัวนักพรต "ไปเถอะท่าน ไปเถอะ"
.
หลิวสือปารีบนำนักพรตเก๊ออกจากห้องโถงแล้วบอกว่า "ท่านกล้าไปต่อปากต่อคำกับผู้เชี่ยวชาญการต่อสู้ได้อย่างไร อยากลำบากอย่างนั้นหรือ"
.
นักพรตเก๊ "บอกข้ามาเขาชื่อแซ่อะไร ข้าจะรายงานพฤติกรรมของเขาต่อองค์หญิง"
.
หลิวสือปา "ได้ กลับเข้าไปข้างในข้าจะถามให้ ข้าจะพาท่านไปที่ห้องเก็บฟืนทางขวานั่นก่อน ห้องนั้นกว้างขวางพอๆกับห้องซ้ายบนเลยทีเดียว แล้วอีกเดี๋ยวข้าจะนำเหล้าชั้นดีไปให้ท่านอบอุ่นร่างกายจะได้ใจเย็นลง"
.
นักพรตเก๊ "เจ้านี่ช่างรู้ความยิ่งนัก วันหน้าหากข้ารวย" มองม้วนภาพในมือ "ข้าจะไม่ลืมเจ้าเป็นอันขาด"
.
แม่ทัพเก๊สั่งหลิวสือปาต้มน้ำมาล้างเท้าให้ แล้วยังสั่งให้ห่มผ้าให้ ดับไฟเทียนไขให้ก่อนที่เขาจะนอน เรียกว่าใช้งานคุ้มค่าเงินที่จ่ายจริง ๆ หลิวสือปาที่รับใช้อย่างยิ้มแย้มจะคิดเช่นใดไม่อาจรู้
.
ดึกสงัดคืนนั้นท่ามกลางเสียงลมพัดแรงจนโคมกระดาษที่แขวนหน้าโรงเตี้ยมแกว่งไกว ห้องที่ซูอู๋หมิงในรูปนักพรตเก๊ถูกรมด้วยยาที่ทำให้ไม่ได้สติ
.
แล้วใบหน้าของหลิวสือปาที่ผมเผ้ารุงรังดูอย่างไรก็ไม่ใช่คนปกติ มาแยกเขี้ยวยิงฟัน กางกงเล็บมือที่ดูราวฉีกเนื้อคนเป็นชิ้นๆได้ ใบหน้านั้นก้มลงดูซูอู๋หมิงด้วยท่าทางน่ากลัวแต่ดูอีกทีเหมือนเด็กที่ยังไม่โต
.
หลูหลิงเฟิงก็โดนรมยาสลบเช่นกัน เขาพักทึ่ห้องชั้นบนขวาห้องที่ชุยอู๋จี้เคยพัก ด้วยกลไกเดียวกันเกิดช่องกว้างทั้งคนทั้งที่นอนเลื่อนไปตามทางลาด
ส่งหลูหลิงเฟิงลงไปที่ใต้ล่างที่ซึ่งหลิวสือปามนุษย์ประหลาดมาแยกเขี้ยวยิงฟันกางกงเล็บแต่ไม่ได้ทำอะไร
.
ทั้งซูอู๋หมิงและหลูหลิงเฟิงถูกห่อตัวแล้วลากไปยังห้องใหญ่ห้องหนึ่ง หลิวสือปาพูดกับหลิวสือปาที่ผมเผ้ารุงรังพูดภาษาคนไม่ได้ ได้แต่เพียงส่งเสียง ย่าส์ ๆ ราวสัตว์ประหลาดก็ไม่ปาน
.
จบตอน 2/1 ภาพปกจากวิกิพีเดัย ลิงภูเขาจมูกเชิดสีทอง
บันทึก
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย