24 ต.ค. เวลา 12:05 • การ์ตูน

EP : 1,341 คิบะ อนุญาตให้ฆ่า Murder License

งานของ อ.Shinji Hiramatsu อาจไม่ใช่ทางสำหรับผมนัก นี่คือความคิดช่วงที่ผมกำลังโตในยุค 90 ครับ เพราะทั้งๆที่เป็นอีกคนนึงที่ยังพอหางานอ่านได้ในเมืองไทย และมีแฟนอยู่ไม่น้อย แต่สารภาพตามตรงเลยว่าผมเลี่ยงที่จะอ่านงานของ อ. อยู่เสมอในตอนนั้น
เพราะในมุมมองส่วนตัวของผม ผมว่างานของ อ. ออกแนวสมจริงและดูจริงจังมากไปซักหน่อยในแง่เนื้อหา เรื่องราวของเหล่าตัวเอกที่ต้องลงโทษผู้กระทำความผิดแบบที่กฎหมายไม่สามารถลงโทษได้ แม้มันจะเป็นพล็อตที่ผมไม่ได้มีปัญหาอะไร ออกจะชอบด้วยซ้ำ แต่ความสมจริง ที่อ. ใส่เข้ามา ทำให้ผมรู้สึกว่ามันไม่ค่อยแฟนตาซีหรืออ่านเอาสนุกซักเท่าไหร่
ด้วยวัยของผมในช่วงนั้นด้วยมั้งครับตอนนั้น ผมอาจจะเน้นไปที่เรื่องแนวแฟนตาซีหรือมีส่วนผสมของความเบาสมอง รักโรแมนติกหรือต่อสู้สายโชเน็นตามยุคนิยมซะเป็นส่วนใหญ่ เลยไม่มีใจมาให้อ่านงานดังๆของ อ. ซักเท่าไหร่ แม้จะบอกว่าไม่ได้อ่าน แต่จริงๆ ผมก็ชอบงานสายต่อสู้กับปีศาจของ อ. อย่างเรื่อง “พรานล่าปีศาจ” อยู่นะครับ ผมว่าเรื่องนี้ภาพสวย อ่านง่าย ไม่ต้องคิดอะไรมากกับเส้นทางการแก้แค้นของพระเอกเรากับเหล่าปีศาจ เรื่องนี้จึงเป็นหนึ่งในความทรงจำที่ดีกับงานของ อ. ชินจิ สำหรับผมครับ
กาลเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว แม้ในอดีตมีเพียงเรื่องเดียว(ที่จำได้)ที่ผมได้อ่านงานของ อ. ชินจิ มาก็ตาม แต่ในปัจจุบันผมกลับเจอการหยิบงานระดับอมตะของ อ. ชินจิ มานำเสนอกันให้อ่านอีกครั้งในรูปแบบความสมบูรณ์ของผู้อ่านในยุคนี้ ยุคที่แค่ได้อ่าน มันไม่เพียงพออีกต่อไป และผมก็คิดว่า ผมพร้อมแล้วที่จะมาทำความรู้จัก อ.ชินจิ อย่างจริงๆ จังๆ กับผลงานระดับขึ้นหิ้งของ อ. ที่แฟนๆ ไม่มีใครไม่รู้จักแน่นอนกับเรื่องนี้ “คิบะอนุญาตให้ฆ่า” ครับ
... แม้จริงๆแล้ว “อิตางากิ ชิเกมาสะ” จะดำรงตำแหน่งในฐานะนายกรัฐมนตรี ผู้นำสูงสุดของประเทศญี่ปุ่นก็ตาม แต่ปัญหาที่เขาได้พบเจอและต้องดูแลนั้นไม่ใช่เพียงแค่ปัญหาจากการบริหารประเทศเท่านั้น ยังมีปัญหาเกี่ยวกับอาชญากรรมและความรุนแรงในรูปแบบต่างๆที่ไม่อาจมากมายที่ไม่อาจจะใช้เวทีปกติ หรือตัวบทกฎหมายลงโทษผู้กระทำความผิดเหล่านี้ได้ เพราะมันเกี่ยวข้องกับเรื่องราวอันใหญ่โตมากกว่าที่คนทั่วไปในสังคมจะเข้าใจได้
และเมื่อเจอปัญหาแบบนี้ รหัสคำสั่ง “จงฝังคมเขี้ยวลงไปซะ” ก็จะถูกสั่งลงไปยังผู้มีหน้าที่ที่ได้รับอนุญาตให้สังหารได้อย่างถูกต้อง นั่นคือหน้าที่ของเขา “คิบะ” ชายหนุ่มที่มีหน้าฉากและหลังฉากแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง กับเรื่องราวของมือสังหารผู้ครอบครองใบอนุญาตฆ่า จากผู้นำสูงสุดใน “คิบะอนุญาตให้ฆ่า”
ก่อนหน้านี้ไม่นานผมเพิ่งเคยรีวิวผลงานของ อ. ชินจิ ที่หยิบตัวละครดัง 2 คนในมังงะที่โด่งดังของ อ. มาเขียนร่วมกันอย่างเรื่อง “อนุญาตให้ฆ่า & แบล็คแองเจิล”(ชื่อตรงๆ ไม่อ้อมค้อมดีนะครับ) นั่นเป็นครั้งแรกที่ทำให้ผมรู้จัก คิบะ ตัวละครหลักในครั้งนี้ครับ
เพราะแบบนั้น แม้นี้จะเป็นการอ่านงานเรื่องนี้ครั้งแรก แต่ไม่ใช่ครั้งแรกจริงๆที่ผมได้รู้จักกับ คิบะ ครับ แต่เป็นครั้งแรกที่ผมได้รับรู้เรื่องราวออริจินอลของเรื่องนี้ ซึ่งเป็นมังงะที่โด่งดังมากๆของ อ. เลยทีเดียว ด้วยความนิยมที่มากมายของเรื่องนี้ เรื่องนี้จึงมีเนื้อหาและรายละเอียดของตัวมันเองที่มากมาย ดูได้จากจำนวนเล่มครับ อย่างเวอร์ชั่นที่กำลังอ่านอยู่นี้กว่า 22 เล่ม ถือว่าเป็นจำนวนไม่น้อยเลยสำหรับมังงะเรื่องนึง
อย่างที่ผมเกริ่นไป จากความทรงจำของผม งานของ อ. ค่อนข้างมีจะมีความจริงจัง สมจริง แม้จะเป็นเรื่องราวของการต่อสู้กับเหล่าร้าย ที่มีเนื้อหาที่เข้าใจได้ง่ายไม่ยากอะไรก็ตาม
แต่เพราะการถ่ายทอดที่มุ่งเน้นให้มันดูสมจริงกับเรื่องราวความขัดแย้งหลายๆอย่างทางสังคม ปฎิบัติการล่าสังหารที่มีเนื้อหาแตกต่างกันไปในแต่ละเคส และการมุ่งเน้นให้เรารู้สึกว่า มันเป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นได้ในสังคมของมนุษย์เรา
เพราะความตั้งใจที่ถูกถ่ายทอดมาอย่างชัดเจนในผลงานของ อ. Shinji นี้เอง เป็นสิ่งที่ผมสัมผัสได้ในผลงาน ซึ่งผมถือว่าเป็นจุดเด่นของงาน อ. เขานะ แบบว่าพอเห็นงานเขียนของ อ. เมื่อไหร่ ความรู้สึกของความสมจริงและจริงจังในเนื้อหาและการถ่ายทอดของ อ. จะเด้งเข้ามาในหัวของผมอย่างชัดเจน
แต่เพราะแบบนี้แหล่ะ มันทำให้ผมไม่ได้มองหางานของ อ. มาอ่านในอดีต ซึ่งเทียบกับตอนนี้ ที่ผมโตขึ้นมาก จะบอกว่ามันเป็นจังหวะที่ดีและถูกต้องก็ได้ ในการได้มาอ่านงานที่ดูสมจริงและจริงจังแบบนี้ครับ
“คิบะอนุญาตให้ฆ่า” มีการเล่าเรื่องราวในแบบเป็นตอนๆ ที่มีเนื้อหาแต่ละเคสของปฎิบัติการไม่สั้นจนเกินไปนัก คือไม่ได้เล่าให้จบในตอนเดียว จะราวๆ 2-3 ตอนต่อเรื่องราว ข้อดีคือ มีรายละเอียดให้เราอ่านได้มากขึ้นและดูไม่เร่งรีบเกินไป แต่ขณะเดียวกันเรื่องราวในแต่ละตอนก็รวบรัด และนำเสนอได้ใจความดีไม่ตกหล่นสิ่งที่เรื่องแนวนี้ควรนำเสนอครับ
แม้เรื่องนี้จะเป็นงานแนวต่อสู้ ปฎิบัติการตามล่าสังหารเหล่าผู้กระทำความผิด ซึ่งเรื่องราวแนวนี้ มีอยู่หลายเรื่องที่หยิบไปเขียน แต่สิ่งที่แตกต่างและมีเอกลักษณ์ ชวนให้จดจำได้ดีมากๆนั่นก็คือ การผูกอำนาจการสังหารของพระเอกเรา คิบะ ให้มีความถูกต้องในแง่ได้รับการรองรับจากผู้มีอำนาจสูงสุดของประเทศ
อาจจะไม่ถึงกับไม่เคยมีเรื่องราวแบบนี้ แต่ส่วนใหญ่ที่หากมีอำนาจรัฐเข้ามาเกี่ยว มักจะออกไปแนวทางภารกิจที่ดูใหญ่ รู้จักเป็นวงกว้าง หรือไม่ก็ออกแนวปฎิบัติการทางสงครามอย่างชัดเจน เพราะแบบนั้น เรื่องนี้จึงมีความเฉพาะในเชิงอำนาจที่ตัวเอกได้รับครับ
และมันก็น่าแปลกไม่น้อยที่ อ. เขาชัดเจนมาก ที่จะให้ตำแหน่งที่มีอำนาจและตัวตนชัดเจน อย่างตำแหน่ง นายก เป็นจุดเริ่มต้น ซึ่งปกติ เขาจะหยิบมาใช้ในบางจังหวะ แต่เรื่องนี้ชัดเจนตั้งแต่ต้นจนจบ แน่นอนรายละเอียดของตัวละครนายกมันมีเรื่องราวและมีมิติหลายอย่างที่แตกต่างและเฉพาะมากกว่าเรื่องอื่น ตรงนี้เป็นการเพิ่มความลึกและความสัมพันธ์ของผู้สั่งและผู้รับอำนาจที่น่าสนใจไม่น้อยเลยครับ
ในแง่นึงปกติผู้สั่ง และ ผู้รับคำสั่ง ในเรื่องราวแนวนี้ มักจะมีความสัมพันธ์เชิง นายและ บ่าว อย่างชัดเจน แต่เรื่องนี้ฉีกออกไป เพิ่มมิติตรงจุดนี้มากขึ้น ซึ่งหากมองในแง่นี้ ผมว่าเรื่องนี้พยายามซ้อนมิติในหลายๆจุด บนเนื้อหาและเรื่องราวของตัวละครให้มันแตกต่างจากงานแนวนี้ที่มีอยู่ในตลาดมังงะครับ
ที่เห็นชัดเจน นอกจากความสัมพันธ์ของ ผู้สั่ง กับ ผู้รับคำสั่งแล้ว ก็ยังเป็นตัวพระเอกเรา “คิบะ” ที่มีเอกลักษณ์อันโดดเด่นแตกต่างจากตัวละครเรื่องอื่นๆ ที่แฟนๆ จดจำได้ดี นั่นคือ ร่างที่เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาได้ระหว่าง ชายหน้าหวานมือสังหารหุ่นดี กับ แพทย์สาวสวย ผู้มีหน้าที่ดูแลสุขภาพนายกที่อยู่ข้างกายในหลายๆเหตุการณ์สำคัญ แค่ตรงนี้ก็มีอะไรให้พูดถึงมากมายแล้วครับ
การสร้างให้ตัวละครตัวเดียวมีภาพทั้ง 2 เพศ แบบนี้ ในยุคนั้น ถือว่าสร้างความแตกต่างและเอกลักษณ์เฉพาะของงานตัวเองได้ดีมากๆ นอกจากจะเรียกความนิยมให้กับนักอ่าน ในหลายๆจังหวะที่ใช้ความเป็นผู้หญิงแล้ว ทุกช่วงทุกตอนของเรื่องราว ก็สามารถแทรกและใช้ประโยชน์ทั้งทางตรงในเนื้อหาและทางอ้อมในการเล่าเรื่องราวให้เนื้อหามันน่าสนใจสำหรับผู้อ่านแบบผมได้เป็นอย่างดี
ไม่แน่ใจในช่วงนั้น มุมมองของการมองตัวละครเอกในภาพหญิงสาวเป็นอย่างไร เพราะหากจำไม่ผิดเรื่องนี้ถูกเขียนไว้ตั้งแต่ปี 1988 ยาวมาเรื่อยๆ ด้วยปีที่ถูกสร้าง สังคมและมุมมองทั้งทางตรงและทางอ้อมอย่างสังคมมังงะ ตัวละครสาวแบบนี้ สามารถถูกจัดให้เป็นอีกแบบได้อย่างไม่ยากเย็น มันไม่สามารถเล่าและนำเสนอโดยให้ได้รับความนิยมได้อย่างง่ายๆ ทุกเรื่อง เหมือนตัวละครชายก็อาจจะเป็นความฉลาดของ อ. ที่บิดให้ออกมาเป็นแบบนี้ครับ
การสลับไปมาระหว่าง ชายและหญิงได้มันดูสอดคล้องกับเรื่องราวในเรื่องที่ผู้มีอำนาจต้นขั้วเป็นคนของรัฐบาลได้เป็นอย่างดี แถมภารกิจหลายครั้ง ใช้ประโยชน์ความเป็นผู้หญิงเข้าช่วยได้ ผมถือว่าเป็นความก้าวหน้าของการเล่าเรื่องที่ดูอิงกับความเป็นสากลในฝั่งตะวันตกอย่างชัดเจนในสายตาของผมนะครับ
นอกจากนั้น การสร้างให้ตัวเอกอย่างคิบะ มีความสามารถที่จะต่อกรกับเหล่าร้ายที่มีความเก่งกาจหลากหลายรูปแบบ เพราะมีหลายภารกิจ ตั้งแต่บุคคลธรรมดา จนถึงระดับประเทศ ได้อย่างดูน่าสนใจ
การทำให้เขามีรากฐานของวิชามาจากนินจา อันนี้ผมมองว่าเป็นความเรียบง่ายที่เข้าท่าเอามากๆ หยิบจับภาพลักษณ์ที่ทุกคนรู้จักอยู่แล้วว่านี่คือตัวตนที่มีเฉพาะในญี่ปุ่น แถมสามารถพลิกเอาความเป็นนินจานี้ มาใช้ต่อสู้ด้วยวิชาที่บางครั้งอาจดูเหนือจริงไปเยอะ ก็ยังทำให้เรารู้สึกถึงความเป็นไปได้เพราะนี่คือนินจา อันนี้ผมมองว่ามันถูกหลักของการผสมผสานสิ่งที่เป็นไปได้ยากให้ดูสมจริงในแง่การเล่าได้เป็นอย่างดี
เอาเข้าจริง แม้ผมจะรู้สึกในตอนเด็กว่า งานของ อ. มีความสมจริงและดูจริงจังสูงก็ตาม แต่สิ่งที่ผมไม่ได้รู้สึกมาก่อนเลยว่าเรื่องนี้ทำถึง คือความ “ดุเดือด” ของภาพการต่อสู้และภารกิจสังหารเลยครับ อาจจะเป็นเพราะไม่ได้อ่านแบบต่อเนื่อง หรืองานภาพในยุคอดีตถูกเซ็นเซอร์แบบเยอะด้วยแหล่ะครับ ที่สำคัญการเล่าที่ไม่ได้มุ่งเน้นให้มันดูฉูดฉาดหรืออยากเล่าแบบบรรยากาศสมจริงมากกว่ากว่ามีสีสัน ความดูดุเดือดและดุดัน สำหรับผมแล้วเรื่องนี้ไม่ได้ถูกมองว่าเป็นอย่างนั้นตั้งแต่อดีต
แต่พอมาได้อ่านในครั้งนี้ ด้วยรูปแบบของการอันเซน ตามแบบฉบับความสมบูรณ์ของต้นฉบับ ผมกลับพบว่า เรื่องนี้โครตดุดันและติดเรทอย่างมาก เพราะนอกจากตัวมันเองต้องนำเสนอเรื่องราวความโหดร้ายของเหล่าตัวร้ายในแต่ละตอนที่ทำวรีกรรมเลวๆจนยากจะให้อภัย จะได้ตรงกับคอนเซปการตามล่าสังหารแล้ว ภารกิจในแต่ละครั้ง มันดุเดือดและรุนแรงด้วยตัวมันเองอยู่ตลอดเวลา
ภาพของการนำเสนอการฟาดฟันแบบเกลือจิ้มเกลือ อันไร้ความคิดของคำว่าปราณีให้กับเหล่าผู้ร้ายที่เราสามารถมอบคำว่า “สมควรบาย” ให้อย่างชัดเจน ทำให้การทำภารกิจของพระเอกเรา ไม่มีคำว่าปราณีให้เห็น ซึ่งแฟนๆก็รู้ดีว่า ด้วยงานวาดของ อ. ที่ไม่เป็นสองรองใครนั้น มันถ่ายทอดความรู้สึกแบบนี้ได้ดีขนาดไหน ไม่ต้องแปลกใจที่ว่าดุเดือดที่ผมว่ามันถูกสื่อสารออกมาได้ชัดเจนมากๆในเวอร์ชั่นอันเซนครั้งนี้
ยังไม่รวมกับหลายฉากที่จะบอกว่าเกือบทุกตอนก็ว่าได้ ที่เราจะได้เห็นการใช้ประโยชน์ของร่างสาวของคิบะ ร่วมทำภารกิจทั้งแบบเต็มใจและไม่เต็มใจ อยู่เสมอ ทำให้มีซีนติดเรท ทั้งจากเรื่องเพศสภาพและความรุนแรงให้เห็นตลอดทั้งเรื่อง
เป็นความแปลกใหม่ที่ผมไม่คิดว่าจะได้เห็นจากเรื่องนี้ซักเท่าไหร่ เอาจริงๆอ่านแล้วรู้สึกว่าเรื่องนี้ในแง่ความติดเรท มันน้องๆเรื่อง “มือปราบปืนดุ MadBull 34 “ ที่เป็นมังงะแสนจี๊ดจ๊าดของพวกเรานักอ่านยุค 90 ซะด้วยซ้ำ การอ่านครั้งนี้จึงสร้างภาพจำใหม่ของความดุเด็ดเผ็ดมันส์ของเรื่องนี้เข้าอย่างจังเลยครับ
ผมขอพูดถึงเรื่องนี้คร่าวๆแค่นี้ดีกว่า เพราะแค่นี้ก็ยาวเกินไปแล้ว แถม ณ เวลานี้ผมได้อ่านแค่ครี่งทางของเรื่องนี้เอง ตามการเปิดพรีของ สนพ ที่จัดทำเรื่องนี้ครับ เรามาเข้าเรื่องงานผลิตตามกระบวนการเล่าเรื่องของผมกันดีกว่านะครับ
“คิบะอนุญาตให้ฆ่า” ในเวอร์ชั่นนี้เป็นอีกหนึ่งผลงานจากค่ายที่มีฐานลูกค้าเหนียวแน่นเจ้านึงอย่าง Cat Comics ครับ ซึ่งเรื่อง “อนุญาตให้ฆ่า & แบล็คแองเจิล” ที่ผมได้กล่าวเอาไว้ ก็เป็นผลงานของ ค่ายนี้ด้วยเช่นกัน ทำให้เห็นว่าในช่วงต่อไปนี้ทางค่ายน่าจะหางานของ อ. Shinji Hiramatsu ออกมาให้อ่านกันเป็นระยะอย่างแน่นอน
โดยในครั้งนี้ทางค่ายทำตัวเล่มออกมาด้วยขนาด BB ตอบสนองกับสายตาของวัยรุ่นยุค 90 อย่างเราๆได้เป็นอย่างดี ด้วยปกสองชั้น ปกนอก พิมพ์ภาพสี สีสันสวยงาม คมชัด จัดจริง ส่วนปกด้านในเลือกใช้ภาพเดียวกับหน้าปก และเลือกพิมพ์เป็นสีเหมือนปกนอกซะด้วย บอกเลยว่าสวยงามและดูแพงขึ้นอย่างชัดเจน ส่วนตัวชอบปกในเป็นสีครับ ถอดปกนอกออกเอาไปอ่านข้างนอกก็ยังดูสวยงามเช่นเดิม แม้ต้นทุนจะสูงขึ้นอย่างชัดเจนก็ตาม ตรงจุดนี้เป็นสิ่งที่ค่ายเลือกที่จะทำออกมาให้สมบูรณ์มากขึ้นครับ
ตัวเล่มเปิดอ่านแบบญี่ปุ่น ด้านในพิมพ์เป็นภาพขาวดำทั้งหมด บนกระดาษกรีนรีด งานพิมพ์คมชัดเช่นเดิม งานสกีนก็ดูเนียนตา ไม่เจอปัญหาอะไร งานแปลก็ทำออกมาได้ดี อาจจะมีบางจุดช่วงต้นๆที่อ่านแล้วดูไม่เรียบนิดนึง แต่หลายคนอาจจะไม่รู้สึกก็ได้ ภาพรวมถือว่าทำออกมาได้ดีตามมาตรฐานของงานไพเรทยุคนี้ คุ้มค่าผู้จ่ายเงินทุกคนอย่างแน่นอน
เอาล่ะนี่เป็นแค่ครึ่งแรกของงานคลาสิคและขึ้นหิ้งของ อ. ในโลกที่คนชั่วไม่สมควรจะได้อยู่บนโลกใบนี้อีกต่อไป งานที่มีเอกลักษณ์และการวางตำแหน่งและรายละเอียดของตัวละครเอาไว้ให้ชวนคิด พร้อมความดุเดือดแบบเต็มพิกัดกับงานอันเซนที่มีให้เห็นตลอดทั้งเรื่อง เนื้อหาระดับชาติขนาดนี้ เรื่องนี้อัดแน่นเกินกว่าจะมองข้ามได้นะครับ อยู่ในลิสคลาสิคและไม่ควรพลาด จัดเลยครับ
***คะแนนที่ให้ไว้สำหรับอ่านเล่ม 11 จบเท่านั้น อนาคตหากได้อ่านจนจบเล่ม 22 จะมารีวิวและให้คะแนนอีกครั้ง***
ภาพ 9/10 (เรียบแต่เดือด)
เรื่อง 9/10 (เรื่องเดือดระดับสังคมจนถึงระดับโลก)
ความประทับใจ 9/10
#Manga #รีวิวการ์ตูน #ยังไม่จบ #CatComics #การ์ตูนแนวสะท้อนสังคม #การ์ตูนแนวสืบสวนสอบสวน #MangaAnimeReviews #การ์ตูนแนวต่อสู้ #9คะแนน #คิบะอนุญาตให้ฆ่า #หนังสือการ์ตูน #Rate18 #การ์ตูนแนวรวมเรื่องสั้น #เธอๆอ่านเรื่องนี้หรือยัง
โฆษณา