23 ต.ค. เวลา 05:10 • ปรัชญา
เรามองว่า ควรต้องแยกคำว่า "มี หรือได้" ออกไปจาคำว่าธรรมะก่อนค่ะ ถ้าเราเป็นพุทธศาสนิกชน และต้องการที่จะเข้าใจพระธรรมตามคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ถูกต้อง (ค่อยๆสร้าง สัมมาทิฐิ) เพื่อค่อยๆละ ความสงสัยใคร่รู้ (ค่อยๆละ วิจิกิจฉา) เราจำเป็นต้องทำความเข้าใจคำว่า "ธรรมะ" ให้กระจ่างแจ้งที่สุดเท่าที่สติปัญญาเรา พอจะใคร่ครวญได้ค่ะ
คำว่าธรรมะ ในพระไตรปิกฎ ถอดแปลมาจากภาษาบาลี บาลีมาจากสันสกฤต ทั้งฮินดูและพุทธ นำคำว่าธรรมะ มาจากภาษาสันสกฤต แต่ฮินดูบอกว่า
ธรรมะ หมายถึง หน้าที่อันถูกต้องตามธรรมชาติและศีลธรรม
สิ่งที่แต่ละคนควรประพฤติปฏิบัติตาม
ฐานะ หน้าที่ และกฎของจักรวาล
โดยนัยนี้ ลองตรองดูค่ะ
.....................................
หากคุณเกิดมาแล้วต้องทำงาน
เป็นเพชรฆาต หรือผู้ทำหน้าที่ประหารชีวิต
หรือคุณเกิดมาเป็นพระราชา ที่จำต้องสั่งฆ่าศัตรู
เพื่อปกป้องแผ่นดินและคนในแผ่นดิน
...................
คุณจะตัดสินพวกเขาว่าไม่มีธรรมะได้หรือ?
และศาสนาพุทธบอกว่า
ธรรม หมายถึง ลักษณะของสภาวธรรมที่มีจริง
คือ จิต เจตสิก รูป นิพพาน
ธรรมใดเกิดขึ้น ธรรมนั้นมีปัจจัยทำให้เกิดขึ้น
โดยนัยนี้ ลองตรองดูอีกครั้งด้วยตัวอย่างเดียวกันค่ะ
.........................
หากคุณเกิดมาแล้วต้องทำงาน
เป็นเพชรฆาต หรือผู้ทำหน้าที่ประหารชีวิต
หรือคุณเกิดมาเป็นพระราชา ที่จำต้องสั่งฆ่าศัตรู
เพื่อปกป้องแผ่นดินและคนในประเทศ
...............................
คุณจะตัดสินพวกเขาว่าไม่มีธรรมะได้หรือเปล่า?
พระพุทธเจ้าไม่เคยตัดสินใคร แม้แต่องคุลีมาล
ยังทรงมีคำตอบให้เลยว่า "เพราะมีเหตุปัจจัย"
จะเห็นได้ว่า ทั้งฮินดูและพุทธ ให้ความหมายที่สอดคล้องต้องกันอย่างมาก เพียงแต่ศาสนาพุทธ (โดยพระศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า) ทรงแยกให้เห็นถึง "ความละเอียดยิบของการเกิดดับของจิตแต่ละดวง" ที่ไวจนไม่มีอะไรจะเปรียบได้เลย ไม่มีมนุษย์หน้าไหนตามได้ทัน พระศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงสอนโดยอาศัยยกตัวอย่างว่า เพราะจิตแต่ละดวง มีเหตุมีปัจจัยให้ต้องมาทำอย่างนั้น อย่างนี้ หน้าที่นั้น หน้าที่นี้ เพราะมี "ชาติ" (การเกิด การผุดเกิด ซึ่งมิได้หมายถึง ชาตินี้หรือชาติหน้า แต่อย่างใด)
สรุปก็คือ มนุษย์ทุกคนที่เกิดมา
ล้วนกำลังปฏิบัติธรรมะกันอยู่ทุกคน ดิ้นรนกันอยู่
เพราะมันมีเหตุมีปัจจัย ให้เขาต้องเกิดมา
พร้อม จิต เจตสิก และรูป
แตกต่างกันไปในแต่ละคน ไม่เหมือนกันเลยสักคน
บางคนอยากรวย ทำให้ตายก็ไม่รวย
ในขณะที่บางคน จนอยู่ดีๆ ก็รวยเพราะหวยขึ้นมาได้
.............................
ถ้าเราเพียรไม่ไปยึด หรือเพ่งเล็งที่ผู้อื่น
หรือไปทึกทักว่าเขาต้องพุดจาอย่างนี้ ปฏิบัติอย่างนั้น
ไม่ไปตัดสินที่พฤติกรรมผู้อื่น
แค่นี้ก็นับว่าเราได้พยายามๆ
จะปฏิบัติให้ถึงซึ่งความหลุดพ้นแล้วล่ะค่ะ
ขอบคุณคำถามค่ะ
โฆษณา