23 ต.ค. เวลา 05:31 • บันเทิง

มาเป็นคู่

...
มีใครชอบเปิดไฟนอนบ้าง
ผมเองก็เป็นหนึ่งในนั้นครับ
ซึ่งเดิมทีผมไม่ได้ชอบเปิดไฟนอน
แต่มันจำเป็น
...
ผมมีประสบการณ์หลอน ๆ มาฝากครับ
เรื่องนี้ผมได้พบเจอมาเมื่อ 2 ปีก่อน
เป็นช่วงที่ผมได้เลื่อนตำแหน่งเป็นผู้จัดการสาขา
แต่มันก็ต้องย้ายไปประจำสาขาที่ต่างจังหวัด
ถึงจะไม่ค่อยอยากไป
เพราะไม่อยากห่างกับแฟน
แต่โอกาสแบบนี้ก็ไม่มีบ่อย ๆ
อีกทั้งก็ได้เพิ่มเงินเดือนขึ้นมาอีกพอสมควร
คิดว่าทำงานไปสักพักค่อยทำเรื่องขอย้ายมาที่เดิม
ผมเลยตัดสินใจไปครับ
...
สาขาที่ผมต้องไปประจำการ
เป็นจังหวัดใหญ่ในภาคอีสาน
โดยอันดับแรกที่ผมต้องหาก็คือที่พัก
ที่เล็งไว้ผมอยากจะได้เป็นอพาร์ตเมนต์ครับ
ไม่อยากจะเช่าเป็นบ้านเพราะอยู่แค่คนเดียว
หลังจากที่หาอยู่นาน
ผมก็ไปสะดุดตากับอพาร์ตเมนต์แห่งหนึ่ง
เป็นอพาร์ตเมนต์ 4 ชั้น
สภาพก็กลางเก่ากลางใหม่
ไม่แย่ครับ
อีกอย่างอยู่ห่างจากที่ทำงานแค่ 3 กิโลเมตร
บริเวณโดยรอบก็สะดวกสบาย
ทั้งร้านอาหารและร้านสะดวกซื้อ
ผมเลยรีบดิ่งเข้าไปถามถึงห้องว่างทันที
คนที่ดูแลเป็นคุณลุงครับ
อายุน่าจะประมาณ 60 ปีแล้ว
พอสอบถามไปผมก็ต้องผิดหวัง
เพราะทุกห้องเต็มหมดแล้ว
ผมก็พยายามถามอยู่นานครับ
เนื่องจากที่นี่มันสะดวกสบายมากที่สุดแล้ว
จนขณะที่ผมกำลังจะหันหลังเดินกลับ
“เดี๋ยวก่อนไอ้หนุ่ม”
ลุงผู้ดูแลส่งเสียงเรียกผมไว้
“ลุงมีห้องพิเศษอยู่ห้องนึง ถ้าอยากจะอยู่ที่นี่จริง ๆ”
พอลุงพูดมาแบบนั้นผมก็หูผึ่งเลยครับ
รีบหันกลับมาถามรายละเอียดทันที
ก็ได้ความว่าห้องนี้อยู่ที่ชั้น 3
เดิมทีจะเอาไว้ให้ญาติของลุงมาพักเวลามาเยี่ยม
แต่เห็นว่าผมอยากอยู่ที่นี่มาก
เลยจะเปิดให้เป็นพิเศษ
...
ไม่ต้องคิดเลยครับ
ผมตกลงทำสัญญาและวางมัดจำเรียบร้อย
ค่าห้องเองก็ไม่แพงครับ
เรียกได้ว่าผมแฮปปี้กับทุกอย่างตอนนี้
ตึกนี้จะมีบันไดอยู่ด้านขวาของตัวตึก
พอขึ้นไปก็จะเป็นโถงทางเดิน
พอเลี้ยวขวาจากบันไดไป
ขวามือก็จะเป็นห้องพักเรียงกันไป
ฝั่งซ้ายมือจะเป็นระเบียง
แต่ละชั้นจะมีอยู่ 10 ห้อง
โดยห้องของผมจะเป็นหมายเลข 309
เป็นห้องรองสุดท้ายเกือบสุดทางเดิน
พอมองไปที่ห้องหมายเลข 310
ผมก็เห็นว่ามีรองเท้าส้นสูงสีขาววางอยู่
คิดว่าเจ้าของห้องคงเป็นผู้หญิง
ภายในห้องก็ดูสะอาดสะอ้านดีครับ
มีเตียงนอนขนาดใหญ่
ห้องน้ำก็กว้างขวาง
ด้านหลังห้องเป็นระเบียงพร้อมโซนครัวเล็ก ๆ
ลงตัวมากสำหรับผม
...
ชีวิตประจำวันของผมก็จะออกไปทำงานตอนเช้า
หาอะไรกินเสร็จกลับมาถึงห้องก็จะประมาณ 2 ทุ่ม
ทุกครั้งที่กลับ
ผมก็จะมองเห็นว่าหน้าห้อง 310 มีรองเท้าส้นสูงสีขาวคู่เดิมวางอยู่เสมอ
ซึ่งผมก็แปลกใจนะครับ
อยู่ที่นี่มาอาทิตย์หนึ่งแล้ว
แต่ยังไม่เคยเจอเจ้าของห้อง 310 เลย
คิดว่าเวลาทำงานคงไม่ตรงกัน
เพราะถ้าจะบอกว่าไม่มีคนอยู่
สภาพของรองเท้าคู่นั้นมันก็ดูสะอาดมากไม่มีฝุ่นเกาะ
เหมือนรองเท้าที่มีคนใส่อยู่ตลอด
จนกระทั่ง...
...
...ตึ้งง...
ตอนที่ผมกำลังนอนคุยโทรศัพท์อยู่บนเตียง
ผมก็ได้ยินเสียงกระแทกที่ผนังห้องหัวเตียง
ผมสะดุ้งเพราะเสียงมันดังมาก
เสียงนั้นดังมาจากในห้อง 310 ครับ
ยังไม่ทันได้ทำอะไร
ผมก็ได้ยินเสียงปาข้าวของเหมือนมีการทะเลาะกันภายในห้อง
พอลองเอาหูไปแนบฟังที่ผนัง
ก็ได้ยินเสียงร้องไห้เบา ๆ ของผู้หญิงคนหนึ่ง
ปะปนไปกับเสียงพูดอะไรสักอย่างซึ่งผมก็ฟังไม่ถนัด
“ทะเลาะอะไรกันดึก ๆ ดื่น ๆ วะ”
ผมก็ได้แต่พูดกับตัวเองเบา ๆ
ผ่านไปสักพักเสียงมันก็เงียบลง
ถึงจะสงสัยแต่ผมก็ไม่ได้ชอบยุ่งเรื่องของชาวบ้านอะไร
...
จากวันนั้นเว้นมาได้หนึ่งวัน
ก็เอาอีกแล้วครับ
จากที่ดูน่าจะเป็นเวลาเดิม
มีเสียงดังเหมือนขว้างอะไรมาใส่ผนังห้อง
ตามมาด้วยเสียงคนทะเลาะและร้องไห้
แต่ดูเหมือนวันนี้มันจะรุนแรงกว่ารอบแรก
เพราะมันมีเสียงผู้หญิงกรีดร้องขึ้นดังจนผมได้ยินชัด
ผมคิดว่ามันชักจะรุนแรงผิดปกติแล้ว
ก็ไม่รู้ว่าตอนนั้นทำไมผมถึงอยากเป็นพลเมืองดี
ผมก็เคาะไปที่ผนังว่าเขาคงจะได้ยินแล้วหยุดทะเลาะ
แต่ก็ไม่เป็นผลครับ
ทั้งเสียงปาข้าวของและเสียงกรีดร้องยังคงดังอยู่เหมือนเดิม
ผมเลยเดินออกจากห้องกะว่าจะไปเคาะที่ประตู
เผื่อจะช่วยอะไรได้บ้าง
เพราะจากเสียงที่ได้ยินมันดูรุนแรงมาก
พอเดินออกมาหางตาผมก็เหลือบไปเห็นประตูห้อง 308 มันเปิดอยู่ครึ่งบาน
แล้วก็มีผู้ชายคนหนึ่งยืนมองอยู่ที่ช่องประตูนั้น
“พี่มาดูด้วยกันหน่อยครับ”
“ห้อง 310 เขาทะเลาะกันแรงมาก”
“ผมได้ยินเสียงกรีดร้องกลัวว่าผู้หญิงจะเป็นอันตราย”
ผมรีบหันไปพูดกับพี่ผู้ชายห้อง 308
“โอ้ยน้อง อย่าไปยุ่งเลย”
“เรื่องผัว ๆ เมีย ๆ เขา”
“เขาทะเลาะกันประจำแหละ”
พูดจบพี่เขาก็เข้าห้องปิดประตูไปเลยครับ
ผมก็ได้แต่ยืนเกาหัว
เขาคงจะอยู่มานาน
ได้ยินจนชินแล้วมั้ง
แต่ไอ้ผมก็ไม่สบายใจอยู่ดี
จึงเดินไปที่ห้อง 310
หน้าห้องตอนนี้ก็มีรองเท้าส้นสูงคู่นั้น
แต่ตอนนี้ทั้ง 2 ข้างมันวางอยู่กันคนละทิศละทาง
เหมือนเจ้าของสะบัดรองเท้าก่อนเข้าห้องไป
“คุณครับ ๆ”
“มีอะไรใจเย็น ๆ กันนะครับ”
“เสียงมันดังรบกวนห้องอื่นเขา”
ผมก็เคาะประตูแล้วกึ่งพูดกึ่งตะโกนเข้าไปในห้อง
ทันใดนั้นเสียงทุกอย่างก็เงียบลง
ราวกับถูกปิดสวิตช์
ผมก็โล่งใจไป
ทีแรกนึกว่าจะถูกตะโกนด่าเพราะไปยุ่งเรื่องของเขา
พอเห็นทุกอย่างสงบผมก็เข้าห้องนอนตามปกติ
โดยที่ผมไม่รู้เลยว่า
การกระทำในวันนั้น
มันคือจุดเริ่มต้นที่ทำให้ผมต้องเปิดไฟนอนมาจนถึงทุกวันนี้
...
เช้าวันต่อมาผมก็ออกไปทำงานตามปกติ
แต่ก่อนจะไป
มันก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองห้อง 310
ซึ่งตอนนี้หน้าห้องผมเห็นว่ารองเท้าส้นสูงคู่นั้น
มันกลับมาวางคู่กันอย่างเป็นระเบียบเหมือนเช่นทุกวันแล้ว
“เขาคงดีกันแล้วมั้ง”
ผมได้แต่คิดในใจแล้วก็เดินออกไป
คืนนั้นผมก็กลับมาที่อพาร์ตเมนต์ประมาณ 4 ทุ่ม
ดึกกว่าทุกวัน
ขณะที่ผมกำลังจะเดินพ้นบันไดขึ้นมาถึงชั้น 3
...ตึก ตึก ตึก...
ผมก็ได้ยินเสียงของรองเท้าส้นสูงครับ
ลักษณะคือเป็นการเดินช้า ๆ ไปตามโถงทางเดิน
ผมก็คิดว่าน่าจะเป็นเจ้าของห้อง 310
เพราะเท่าที่อยู่มาสักพัก
ผมก็ไม่เคยได้ยินเสียงใครใส่รองเท้าส้นสูงเดินในชั้น 3 เลย
เพราะเท่าที่เห็นหน้าห้องอื่น ๆ
ก็จะมีแต่รองเท้าแตะกับรองเท้าผ้าใบ
วันนี้เธอคงจะกลับมาเวลาเดียวกันพอดี
ผมเลยคิดว่าอยากจะทักทายทำความรู้จักกันเอาไว้หน่อย
เผื่อว่ามีอะไรจะได้ช่วยเหลือกันได้
ผมจึงรีบเดินเลี้ยวจากบันไดเข้าโถงทางเดิน
แต่ปรากฏว่า...
ที่โถงทางเดินตอนนี้ไม่มีใครอยู่เลยครับ
พอเดินมาถึงห้อง
ก็เห็นว่าหน้าห้อง 310 มีรองเท้าวางอยู่แล้ว
ผมงงมาก
เพราะก่อนจะเลี้ยวมา
ผมยังได้ยินเสียงเดินอยู่เลย
มั่นใจว่าห่างกันแค่ไม่กี่ก้าว
ทำไมเธอเข้าห้องได้เร็วจัง
ผมก็ไม่อยากคิดมาก
อาจจะเป็นเสียงสะท้อนจากชั้นอื่นก็ได้
เวลาเที่ยงคืน
ขณะที่ผมกำลังนอนคุยโทรศัพท์กับแฟน
...ก๊อก ก๊อก ก๊อก...
ก็มีเสียงคนมาเคาะประตูห้องผม
พอลุกไปเปิด
ผมก็พบกับความว่างเปล่าครับ
ไม่มีใครอยู่
“เสียงจากห้องอื่นมั้ง”
แล้วผมก็ปิดประตูไป
...ก๊อก ก๊อก ก๊อก...
ผ่านไปไม่นานก็เอาอีกแล้ว
มีเสียงมาเคาะประตู
ผมก็ชั่งใจฟังอยู่
จนมั่นใจแน่แล้วว่าเป็นห้องตัวเอง
แต่พอเปิดออกไปก็ไม่พบใครอีกแล้วครับ
คราวนี้ผมเริ่มหงุดหงิดขึ้นมา
คิดว่ามีคนมาแกล้งเคาะ
“ตัวไม่รู้ว่าใครมาแกล้งเคาะห้องเค้า”
“เที่ยงคืนดึกดื่นเล่นอะไรไม่เกรงใจกันมั่งเลย”
ผมก็บ่นกับแฟนไป
...ก๊อก ก๊อก ก๊อก...
แล้วเสียงเคาะมันก็มาอีกแล้วครับ
รอบนี้ผมโมโหมาก
บอกให้แฟนวางสายไปก่อน
ผมจะย่องไปที่ประตู
รอมันเคาะแล้วจะเปิดออกไปทันที
กะว่ายังไงก็จับตัวคนที่แกล้งได้แน่
พอเสียงเคาะดังขึ้น
ผมก็กระชากประตูเปิดออกทันทีครับ
สิ่งที่ผมเจอคือ...
ความว่างเปล่า
ถึงตอนนี้ผมเริ่มใจแป้วแล้ว
คิดว่ามันชักจะไม่ปกติแล้ว
เพราะถ้าเป็นคนแกล้งจริง ๆ
ต่อให้วิ่งเร็วแค่ไหนผมก็ต้องเห็น
นี่ไม่ใช่แค่ไม่เห็นตัว
แม้แต่เสียงวิ่งหรือเดินก็ยังไม่มี
พอจะรีบปิดประตูห้อง
เหลือบมองไปที่พื้นแล้วผมก็ต้องตกใจ
เพราะหน้าห้องของผมตอนนี้
มันมีรองเท้าส้นสูงสีขาวคู่นั้นวางอยู่
ผมไม่รู้ว่ามันมาอยู่หน้าห้องผมได้ยังไง
เพราะตอนเข้าห้องก็เห็นอยู่ว่ามันอยู่ที่ห้อง 310
พอคิดถึงเสียงเคาะปริศนาบวกกับรองเท้าที่มาอยู่หน้าห้อง
มันก็ทำให้ผมเริ่มขนลุก
ผมใช้เท้าเตะรองเท้าคู่นั้นไปทางห้อง 310
ไม่สนใจว่ามันจะไปอยู่ในสภาพไหน
พอหมุนตัวกลับมาก็ต้องสะดุ้งอีกรอบ
เพราะประตูห้อง 308 เปิดอยู่
และพี่ผู้ชายก็มองมาที่ผมผ่านช่องประตูเหมือนเดิม
ตอนนั้นผมไม่สนใจอะไร
ปิดห้องแล้วเข้านอนทันที
...
เช้าวันต่อมา
พอออกมาจากห้อง
สิ่งแรกที่ผมทำคือมองไปยังหน้าห้อง 310
ผมเห็นว่ารองเท้าส้นสูงคู่นั้นยังอยู่ในลักษณะกระจัดกระจาย
หลังจากที่โดนผมเตะกระเด็นไปเมื่อคืน
บอกตามตรงว่าตอนนี้ผมเริ่มรู้สึกไม่ดีกับห้อง 310 แล้ว
เย็นวันนั้นผมก็กลับมาตามเวลาปกติคือ 2 ทุ่ม
ก็ทำกิจวัตรเสร็จพร้อมจะเข้านอนเหมือนอย่างเคย
...ตึก ตึก ตึก...
หูผมก็ได้ยินเสียงเดิน
เสียงเดินจากทางบันไดมาตามทางเดินเรื่อย ๆ
ในความเงียบตอนเกือบจะตี 1 แบบนี้
ผมได้ยินชัดมาก
และก็มั่นใจว่ามันเป็นเสียงของรองเท้าส้นสูง
เสียงนั้นก็ดังเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อย ๆ
จนมาถึงหน้าห้องของผม
ผมใจเต้นแรง
เหงื่อเริ่มซึมออกมาตามตัว
แล้วมันก็หายไปครับ
เสียงเดินนั้นเงียบลงตรงหน้าห้องของผม
...ก๊อก ก๊อก ก๊อก...
จากนั้นผมก็สะดุ้ง เพราะมันมีเสียงเคาะประตูดังขึ้น
แน่นอนครับว่าให้ตายยังไงผมก็ไม่ลุกไปเปิดเด็ดขาด
เสียงเคาะประตูดังอยู่ไม่นานก็เงียบไปอีก
ตอนนั้นผมกลัวมาก
ไม่รู้ว่าตอนนี้ตัวเองเจอกับอะไรอยู่
แล้วผมก็หลับไปตอนไหนไม่รู้
...ตึก ตึก ตึก...
ผมมารู้สึกตัวตื่นเพราะได้ยินเสียงบางอย่าง
ซึ่งผมอยู่ในท่านอนตะแคงซ้ายชิดขอบเตียง
พอลืมตา เงี่ยหูฟังดี ๆ
ผมก็ขนลุกสั่นนอนเป็นปลิดทิ้ง
เพราะจำได้แม่นว่ามันคือเสียงของรองเท้าส้นสูง
และที่สำคัญ...
ตอนนี้เสียงนั้นมันดังอยู่ในห้องของผม
ผมใจหายวาบ
จะพลิกตัวกลับ
แต่ทว่า...
ผมขยับตัวไม่ได้เลยครับ
นอนตัวแข็ง ทำได้แค่กระพริบตามองพื้นข้างเตียง
...ตึก ตึก ตึก...
แล้วสิ่งที่ผมไม่อยากเจอเลยก็คือ
เสียงนั้นมันกำลังเดินมาทางผม
เดินจากปลายเตียง แล้วค่อย ๆ อ้อมมาทางข้างเตียงที่ผมนอนตะแคงอยู่
ใจผมเต้นแรงแทบจะหลุดออกมา
ภาพที่ผมเห็นคือ...
ขาของผู้หญิงกำลังเดินมา
และมาหยุดต่อหน้าของผม
ซึ่งในท่านอนตะแคงนี้
ผมจะเห็นตั้งแต่บริเวณหน้าแข้งลงมาจนถึงเท้า
ในแสงสลัวที่ลอดผ่านผ้าม่านมา
ผมเห็นและจำได้ดีเลยว่า
รองเท้าที่เธอใส่อยู่นั้น
มันคือรองเท้าส้นสูงสีขาว
มากกว่านั้นคือ...
มันมีเสียงร้องไห้ค่อย ๆ ดังขึ้น
และสิ่งที่ผมเห็นต่อมา...
ผิวของเธอจากที่เป็นสีผิวธรรมดา
มันเริ่มซีดลงเรื่อย ๆ
จนมันขาวซีดแทบจะเป็นสีเดียวกับรองเท้า
ก่อนที่เท้าคู่นั้นจะค่อย ๆ ถอยหลัง
แล้วเดินกลับไปทางปลายเตียง
นั่นคือภาพสุดท้ายของผม
ผมจอดับไปไม่รู้เรื่อง
...
มาสะดุ้งตื่นอีกครั้ง
พบว่าตอนนี้ตัวเองนอนหงายอยู่
เสื้อผ้าและที่นอนชุ่มไปด้วยเหงื่อ
จับโทรศัพท์มาดูเวลาก็ตี 3 กว่าแล้ว
ผมมองไปรอบห้องอย่างหวาดระแวง
พยายามโทรหาแฟนแต่ก็ไม่รับ
คงจะหลับไปแล้ว
ผมลุกขึ้นมานั่งเพราะไม่กล้านอนแล้ว
กำลังจะลุกไปเปิดไฟให้ทั่วทั้งห้อง
ปรากฏว่าผมไปเหยียบเข้ากับอะไรบางอย่างที่ปลายเตียง
พอหันมองผมก็แทบช็อก
เพราะมันคือรองเท้าส้นสูงสีขาวคู่เดิมนั้น
ตอนนี้มันวางอยู่ที่ปลายเตียงของผม
เห็นเท่านั้นแหละครับ
ผมก็สติแตกโวยวายวิ่งออกจากห้อง
รองเท้าไม่ใส่
...ตึก ตึก ตึก ตึก ตึก ตึก...
ผมแทบจะเป็นบ้าไปอีก
เพราะขณะที่ผมกำลังวิ่งไปที่บันได
มันก็มีเสียงวิ่งตามหลังมา
ใช่ครับ
มันเป็นเสียงรองเท้าส้นสูงนั่นแหละที่ดังไล่หลังผมมา
ผมไม่กล้าหันไปมอง
แหกปากร้องวิ่งลงบันไดไป
จนกระทั่งผมลงมาถึงชั้น 1 ได้
เสียงที่วิ่งตามจึงหายไป
ผมวิ่งออกมาหน้าตึก
พยายามหาที่ไฟสว่างอยู่
โชคดีมากครับที่โทรศัพท์มันติดมือมาด้วย
ผมเลยโทรหาลูกน้องที่ทำงานให้ช่วยมารับผมหน่อย
...
เช้าวันต่อมาผมเป็นไข้เลยครับ
ต้องนอนพักอยู่ที่บ้านลูกน้อง
พอดีขึ้นบ้างก็ชวนลูกน้องมาช่วยเก็บของที่ห้อง
ไม่ไหวจะอยู่ต่อแล้วครับ
ผมลงมาเจอกับลุงกำลังขับรถเข้ามาพอดี
เลยเข้าไปโวยวายกับแก
เล่าเรื่องทุกอย่างที่ผมเจอให้ฟัง
สิ่งที่ผมได้รับคือสีหน้าที่เรียบเฉย
พร้อมกับประโยคสั้น ๆ
“เอ็งจะย้ายออกเลยมั้ยล่ะ”
แล้วลุงแกก็เดินไปหยิบเงินมัดจำมาคืนให้ผมครับ
ผมก็ได้แต่รับเงินมาโดยที่ไม่ได้คำตอบอะไรเพิ่มเติม
...
เรื่องราวทั้งหมดผมได้รู้จากลูกน้องที่ทำงาน
ซึ่งก็อาศัยอยู่แถวนี้มานาน
เขาไม่รู้ว่าผมพักอยู่ที่อพาร์ตเมนต์นี้
ไม่งั้นก็จะห้ามผมเอาไว้
เรื่องของเรื่องคือ
เจ้าของห้อง 310 คือลูกสาวของลุงผู้ดูแลนั่นแหละ
เธอทำอาชีพเป็นผู้หญิงกลางคืน
รองเท้าส้นสูงที่เห็นนั้น
เป็นรองเท้าคู่โปรดของเธอที่จะใส่ออกไปทำงานประจำ
อยู่มาเธอก็มีแฟน
และแฟนของเธอก็อยากให้เธอเลิกทำอาชีพแบบนั้น
เพราะหึง ไม่อยากให้ผู้ชายคนอื่นมายุ่งด้วย
แต่เธอก็ไม่ยอม
จนมีปากเสียงกันหลายครั้ง
จนมาครั้งสุดท้าย
ทั้งคู่ก็ทะเลาะกันอีกด้วยประเด็นหึงหวง
แต่เหมือนมันจะรุนแรงกว่าทุกครั้ง
คนที่อยู่อพาร์ตเมนต์บอกว่าได้ยินเสียงปาข้าวของดังมาก
ตามมาด้วยเสียงกรีดร้อง เสียงโวยวาย
แต่ก็ไม่มีใครอยากเข้าไปยุ่ง
เพราะเห็นแบบนี้อยู่เป็นประจำ
แต่ทว่า...
ผ่านไป 2 วัน
ลุงแกไม่เห็นลูกสาวออกจากห้องไปทำงาน
แกเลยขึ้นไปเคาะห้องดู
เห็นว่ารองเท้าคู่โปรดยังอยู่หน้าห้อง
แต่เคาะเรียกยังไงก็ไม่มีใครมาเปิด
เห็นท่าไม่ดี แกเลยใช้กุญแจสำรองไขเข้าไป
ลุงแกไปพบลูกสาวนอนเสียชีวิตอยู่บนเตียง
ในสภาพนอนหงาย
อ้าปากค้าง ตาเบิกโพลง
ที่คอมีรอยเขียวช้ำ
เรื่องก็ถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาตรวจสอบ
สาเหตุของการตายคือโดนบีบคอจนขาดอากาศหายใจ
คนที่อยู่ในเหตุการณ์บอกว่าเห็นลุงร้องไห้แทบจะขาดใจ
ได้แต่เอารองเท้าส้นสูงคู่นั้นมากอด
เป็นภาพที่ดูหดหู่มาก
ด้วยที่ลุงมีลูกสาวคนเดียว
แน่นอนว่าผู้ต้องสงสัยก็คือแฟนหนุ่ม
แต่ก็พบว่าแฟนหนุ่มได้ผูกคอตายอยู่ภายในห้องพักของตัวเอง
สภาพศพก็ไม่ค่อยต่างจากผู้หญิงเท่าไหร่
คาดว่าพอฆาตกรรมแฟนสาวแล้ว
ตัวเองก็มาผูกคอตายตาม
และห้องที่แฟนหนุ่มผูกคอตายก็คือห้อง 308 นั่นแหละ
...
ฟังถึงจุดนี้ผมสะดุ้งเลยครับ
ขนมันลุกโดยอัตโนมัติ
“เมื่อกี้บอกว่าเขาผูกคอตายที่ไหนนะ”
ผมถามลูกน้องกลับไปเพราะไม่อยากเชื่อหูตัวเอง
มันก็ย้ำกลับมาว่าห้อง 308
คือด้วยที่ห้องมันใกล้กัน
ลูกสาวลุงอยู่ห้อง 310
ส่วนผู้ชายอยู่ห้อง 308
พอเจอกันบ่อยเข้าเลยสนิทจนตกลงคบหากัน
และจากเหตุการณ์นี้เอง
ทำให้ต้องปิดทั้งห้อง 310 และห้อง 308 ไม่ให้ใครมาเช่า
เพราะคนที่เช่าห้อง 309 และห้องอื่น ๆ ถัด ๆ ไปก็ทยอยย้ายออกกันหมด
เพราะบอกว่าโดนผีหลอก
ผมหูอื้อไปหมด
เหมือนตัวเองจะเป็นลม
แสดงว่าตัวเองเข้าไปอยู่ในห้องตรงกลาง
ขนาบ 2 ข้างด้วยห้องที่มีคนตาย
และก็คงไม่ต้องถามว่า...
2 ครั้งที่ผมเห็นว่าห้อง 308 เปิดประตูออกมา
พร้อมกับพี่ผู้ชายคนนั้นที่คุยกับผม
คงเป็นแฟนหนุ่มคนนั้นที่ผูกคอตาย
...
จนถึงตอนนี้ผมก็ยังเคืองลุงไม่หาย
ไม่รู้ว่าทำไมแกถึงให้ผมเข้าไปอยู่ห้องนั้นกันแน่
จะว่าลุงแกแกล้ง หรือผมแค่ซวยเองดี
จากเรื่องนี้เองก็ทำให้ผมไม่กล้าปิดไฟนอนอีก
และเกิดอาการระแวงทุกครั้งที่ได้ยินเสียงรองเท้าส้นสูง
ขอให้เป็นเรื่องสุดท้ายที่ต้องเจอ
เพราะมาเป็นคู่แบบนี้ผมก็ไม่ไหวเหมือนกัน
...จบ...
เรื่องโดย ลานฝึกผี
ภาพโดย Chatgpt
โฆษณา