23 ต.ค. เวลา 06:01

รู้หรือไม่ 🤔 รายได้หลักของผู้สูงอายุในไทย (ตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป)

มาจากลูกเป็นหลัก
การสำรวจผู้สูงอายุของประเทศไทยในปี 2567
พบว่ารายได้หลักในการดำรงชีพส่วนใหญ่มาจากลูก ✅
ถือเป็นรายได้ที่สำคัญที่สุดสูงถึงร้อยละ 35.7
• รองลงมาคือรายได้จากการทำงาน ร้อยละ 33.9
• เบี้ยยังชีพจากทางราชการ ร้อยละ 13.3
• เงินบำเหน็จหรือบำนาญ ร้อยละ 6.8
• รายได้จากคู่สมรส ร้อยละ 5.6
• และดอกเบี้ยจากเงินออมหรือการขายทรัพย์สิน ร้อยละ 1.6
และมีแนวโน้มว่ารายได้ที่สำคัญที่มาจากลูกนี้มีแนวโน้มลดลงอย่างมาก⤵️
เมื่อเทียบกับในอดีต ปี 2545
เห็นได้จากการสำรวจประชากรสูงอายุในประเทศไทย
โดยสำนักงานสถิติแห่งชาติ พบว่า ในปี พ.ศ. 2564
แหล่งรายได้หลักของผู้สูงอายุมาจากลูกเป็นหลักที่ร้อยละ 32.18 ⤵️
และรายได้หลักจากลูกนี้มีแนวโน้มลดลงอย่างมากเมื่อเทียบกับ
ปี 2545 ที่มีสัดส่วนสูงถึงร้อยละ 58.47 🧐
หากเทียบกับข้อมูลที่มีการสำรวจในปัจจุบันเมื่อปี 2567
รายได้หลักที่มาจากลูกก็ลดลงอย่างมาก
( ปี 2567 รายได้จากลูกอยู่ที่ ร้อยละ 35.7)⤵️
🤔ข้อสังเกตอีกประเด็น คือ 💰
แหล่งรายได้ของผู้สูงอายุที่มาจากเบี้ยยังชีพมีแนวโน้มสูงขึ้นเป็นร้อยละ 19.18 ⤴️
เมื่อเทียบกับปี 2545 ที่ผู้สูงอายุพึ่งพารายได้จากเบี้ยยังชีพเพียงร้อยละ 1.37
เหตุที่สูงขึ้นในมุมมองของผู้เขียนอาจเป็นเพราะนโยบายจากภาครัฐ
ที่มีการสนับสนุนสวัสดิการผู้สูงอายุมากขึ้น
จากผลการสำรวจปี 2567 พบว่า ผู้สูงอายุ (ไม่รวม ผู้ที่ไม่มีรายได้)
โดยส่วนใหญ่มีรายได้เฉลี่ยต่อปีในช่วง 30,000 – 49,999 บาท (ร้อยละ 21.6)
รองลงมารายได้เฉลี่ยต่อปี 100,000 – 299,999 บาท (ร้อยละ 20.2)
รายได้เฉลี่ยต่อปี 50,000 – 69,999 บาท (ร้อยละ 18.4)
รายได้เฉลี่ยต่อปี 300,000 บาทขึ้นไป (ร้อยละ 7.0 )
และน้อยที่สุดคือผู้มีรายได้เฉลี่ยต่ำกว่า 10,000 บาท (ร้อยละ 3.4)
ซึ่งรายได้เฉลี่ยของผู้สูงอายุอยู่ที่ 10,728 บาทต่อเดือน
ต่ำกว่ารายได้เฉลี่ยต่อหัวของคนไทยในปี 2567
ซึ่งอยู่ที่ประมาณ 22,050 บาทต่อเดือน
นอกจากนี้ผลการสำรวจเงินออมของผู้สูงอายุในประเทศไทยปี 2567 พบว่า
ผู้อายุส่วนใหญ่ร้อยละ 44 ไม่มีเงินออม ❌
และสัดส่วนของการออมของผู้สูงอายุ ส่วนใหญ่อยู่ที่ 25,500 -69,999 บาท ✅
🟢📢ปัจจุบันรัฐบาลได้มีนโยบายประเทศไทยเข้าสู่การเป็นสังคมสูงวัยอย่างสมบูรณ์ (Complete aged society) เนื่องจากมีประชากรอายุ 60 ปีขึ้นไป มากกว่าร้อยละ 20 ของประชากรทั้งหมด ด้วยนโยบาย หลัก 3 ข้อได้แก่
🏥💰1. การส่งเสริมและสนับสนุนการจัดตั้งระบบสวัสดิการสำหรับผู้สูงอายุในด้านการเงินและสุขภาพ ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุโดยไม่ต้องพึ่งพาการทำงานเพียงอย่างเดียวเพิ่มมากขึ้น
⌛️👷2. การสนับสนุนการพัฒนางานและสภาพแวดล้อมการทำงานที่เอื้อต่อผู้สูงอายุ เช่น การทำงานจากบ้านหรือการทำงานที่มีความยืดหยุ่นในเวลา เพื่อให้ผู้สูงอายุสามารถทำงานได้ตามความสามารถและสุขภาพของตน
👵👴3. การส่งเสริมการรณรงค์สร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับบทบาทและการให้เกียรติผู้สูงอายุในสังคมเพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่เป็นมิตรและสนับสนุนการมีส่วนร่วมของผู้สูงอายุในกิจกรรมต่าง ๆ ของชุมชน
จากการวิเคราะห์ข้อมูลข้างต้นเเล้วชวนคิด ชวนวางแผนอยากชวนทุกท่าน
ที่ได้อ่านบทความนี้ลองฉุกคิด สะกิดการวางแผนทางการเงินของท่านสักหน่อยว่า🤔
ตัวเราเองได้เตรียมเงิน หรือความพร้อมสำหรับการเกษียณเพียงพอหรือแล้วหรือยัง
ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของภาครัฐในข้อที่ 1 ที่มุ้งเน้นการจัดตั้งระบบสวัสดิการทางด้านการเงินและสุขภาพสำหรับผู้สูงอายุเป็นสำคัญ
แล้วลองคิดดูสิว่าหากรอเพียงภาครัฐสนับสนุนเพียงอย่างเดียว
ความต้องการของเราในผลลัพธ์ทางการเงินเมื่อเกษียณนั้นจะเพียงพอหรือไม่❓
หากคิดตามไม่ทันให้ลองนึกภาพสวัสการของผู้สูงอายุที่ได้ในปัจจุบันเทียบกับความต้องการและความจำเป็นของตัวท่านเอง🩷
จะดีกว่าไหมหากเราสามารถวางแผนเกษียณได้ด้วยตนเอง และยังได้รับสวัสดิการจากรัฐเพิ่มเติมในวันที่เราแก่ตัวลง ✅
บางคนอาจคิดว่าเราเพิ่งจะอายุ 25 30 35 หรือ 40 ปีเอง
ยังเหลือเวลาอีกตัง 20 ปี ถึงจะเกษียณ ค่อยคิดตอน 50 60 ก็ได้
การคิดเรื่องเกษียณจะไม่เร็วเกินไปหรอ 🤔
แต่ในปัจจุบันเริ่มมีการเลิกจ้างในอายุ 45 ปี ในบางบริษัทแล้ว
และเชื่อเถอะว่าการเตรียมความพร้อมไม่มีคำว่าเร็วไป
ลองคิดอีกมุมหากเราเริ่มเร็วหมายความว่าเรามีเวลามากขึ้นในการเตรียมความพร้อมทางการเงินด้านนี้ต่างหาก ✅
แต่เหนือสิ่งอื่นใด
การเตรียมความพร้อมดังกล่าวหรือการวางแผนทางด้านการเงิน
เป็นเรื่องเฉพาะบุคคลที่แต่ละคนสามารถออกแบบเองได้
เพื่อให้เป็นประโยชน์ต่อคนเองมากที่สุด และไม่เป็นภาระ
ถือว่าเป็นการวางแผนทางการเงินที่บรรลุเป้าหมายแล้ว💡
—————————————————
หากท่านใดที่สนใจอยากปรึกษาการวางแผนเกษียณ
สามารถติดต่อได้ที่เพจ ชวนคิดชวนวางแผน
หากเห็นว่าบทความนี้เป็นประโยชน์
สามารถกดไลก์ กด แชร์เพื่อแบ่งปันเรื่องราวชวนคิดในบทความนี้
หวังว่าชวนคิดชวนวางแผน จะเป็นอีกหนึ่งช่องทางให้ทุกท่านคิดถึงอนาคต
ทางการเงินและเริ่มวางแผนไปด้วยกัน
สำหรับบทความนี้ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่านและแลกเปลี่ยนกันนะคะ
ซึ่งในบทความต่อไปเราจะมาแชร์กันว่าการวางแผนเกษียณ
เราจะใช้เงินมากเท่าไหร่ถึงจะพอ ? ฝากชวนคิดไว้ แล้วมาแชร์กันค่ะ
————————————————-
เขียนโดย อัจฉราภรณ์ มงคลคำ
ชวนคิด ชวนวางแผน
ที่มา : สำนักงานสถิติแห่งชาติ (2567)
คอลัมน์เศรษฐเสวนา จุฬาฯทัศนะ (2567)
แพรวไพลิน วงษ์สินธุวิเศษ (2568)
————————————————
#วางแผนการเงิน #วางแผนเกษียณ
#ผู้สูงอายุ #genz #genx #GenY
#ชวนคิดชวนวางแผนbyfangmtl
โฆษณา