Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
บอกให้รวย
•
ติดตาม
23 ต.ค. เวลา 15:59 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี
สนามบินบังคับrc อยุธยา
หัวใจของการเข้าใจ “แรง G” ที่นักบินรบต้องเผชิญเลยครับ ✈️
🔹 ความหมายโดยพื้นฐาน
แรง G ในการบินแบ่งเป็น 2 ทิศหลักคือ
G บวก (+Gz) → แรงที่ดึงร่างกาย ลงด้านล่างของลำตัว (ตามแนวแรงโน้มถ่วงโลก)
G ลบ (−Gz) → แรงที่ดึงร่างกาย ขึ้นด้านบนของลำตัว (สวนทางแรงโน้มถ่วงโลก)
> “z” หมายถึงแนวตั้ง (หัว–เท้า) ของนักบินครับ
🔸 G บวก (+Gz) — “ดึงขึ้นฟ้า”
เกิดเมื่อเครื่องบิน ดึงหัวขึ้นอย่างรวดเร็ว เช่น
ตอน “pull-up” หลังจากบินต่ำ
หรือขณะเลี้ยวแนวดิ่ง (loop, high-G turn)
ผลต่อร่างกาย
เลือดถูกดึง ลงไปขาและลำตัวส่วนล่าง
สมองขาดเลือดชั่วคราว
เกิดอาการ:
1. Gray-out – มองเห็นเป็นสีเทา
2. Tunnel vision – เห็นเฉพาะตรงกลาง
3. Black-out – ตาบอดชั่วคราว
4. G-LOC – หมดสติ (ถ้าแรงเกิน 8–9 G โดยไม่ป้องกัน)
ตัวอย่างจริง
นักบิน F-16 อาจเจอ +9 G ในระหว่างเลี้ยวหนีข้าศึก
จึงต้องใส่ G-suit และฝึกเกร็งกล้ามเนื้อเพื่อดันเลือดกลับขึ้นสมอง
🔸 G ลบ (−Gz) — “ดิ่งหัวลง”
เกิดเมื่อเครื่องบิน ดันหัวลงอย่างรวดเร็ว เช่น
ตอน “push-over” จากการดิ่งพุ่งขึ้นแล้วกลับหัวลง
ผลต่อร่างกาย
เลือดถูกดึง ขึ้นไปยังหัวและตา
ความดันในเส้นเลือดสมองและตาสูงขึ้นมาก
อาการที่เกิดขึ้น:
1. Red-out – มองเห็นเป็นสีแดงจากเลือดคั่งในดวงตา
2. รู้สึกปวดหัว มึน หรือจุกที่ตา
3. หากรุนแรงอาจเส้นเลือดฝอยในตาแตกได้
> G ลบ เพียง −3 G ก็อันตรายแล้ว นักบินจึงมักหลีกเลี่ยงการบินที่สร้างแรง −G สูงครับ
🔹 เปรียบเทียบสรุป
รายการ G บวก (+Gz) G ลบ (−Gz)
ทิศทางของแรง ดึงร่างกายลงขา ดึงร่างกายขึ้นหัว
สาเหตุหลัก ดึงเครื่องขึ้น / เลี้ยวแรงๆ ดันเครื่องลง
ผลต่อเลือด ไหลลงขา ไหลขึ้นหัว
อาการ มืด ตาพร่า หมดสติ มองเห็นแดง มึนหัว
ความอันตราย เกิดได้บ่อย แต่ รับได้ถึง 8–9 G เกิดน้อย แต่อันตราย ที่ −3 G ขึ้นไป
การป้องกัน G-suit + เทคนิคเกร็งกล้าม หลีกเลี่ยงท่าทางที่สร้าง −G
“แรง G” (อ่านว่า “แรงจี”) ที่นักบินรบรู้สึกได้ระหว่างการบิน เกิดขึ้นจาก การเร่งความเร็ว (acceleration) หรือ การเปลี่ยนทิศทางของการเคลื่อนที่อย่างรวดเร็ว ของเครื่องบินครับ
🔹 1. ความหมายของ “แรง G”
1 G = แรงโน้มถ่วงของโลกที่เรารู้สึกขณะยืนอยู่บนพื้นโลก
หมายถึงแรงเท่ากับน้ำหนักตัวของเราเอง
ถ้านักบินอยู่ในสภาวะที่มีแรงมากกว่า 1 G เช่น 9 G
หมายความว่า ร่างกายเขาต้องรับแรงมากถึง 9 เท่าของน้ำหนักตัวจริง
เช่น นักบินหนัก 70 กิโลกรัม
→ ขณะรับแรง 9 G ร่างกายเขาจะรู้สึกเหมือนหนักถึง 630 กิโลกรัมเลยครับ!
🔹 2. สาเหตุการเกิดแรง G ระหว่างการบิน
แรง G เกิดจาก การเร่งหรือชะลอความเร็ว และ การเปลี่ยนทิศทาง ของเครื่องบิน
เช่น
สถานการณ์ ลักษณะการเคลื่อนไหว ผลที่นักบินรู้สึก
ดึงเครื่องขึ้นเร็วๆ (Pull-up) เครื่องบินเปลี่ยนทิศขึ้นบนอย่างรวดเร็ว เกิด แรง G บวก (+Gz) — เลือดไหลลงส่วนล่าง รู้สึกตัวหนัก
ดิ่งลงเร็วๆ (Push-over) เครื่องบินเปลี่ยนทิศลงอย่างรวดเร็ว เกิด แรง G ลบ (−Gz) — เลือดไหลขึ้นหัว รู้สึกมึนหัว ตาพร่า
เลี้ยวแรงๆ (High-speed turn) เปลี่ยนทิศทางแบบโค้งแคบที่ความเร็วสูง เกิดแรง G มาก (อาจถึง 7-9 G ในเครื่องขับไล่รุ่นใหม่)
เร่งจาก 0 ไปเร็วมากๆ เพิ่มความเร็วในเส้นตรง เกิดแรง G ไปทางหลัง (รู้สึกถูกดันติดเบาะ)
🔹 3. ผลต่อร่างกายของนักบิน
เมื่อรับแรง G สูงเกินไป:
เลือดไหลลงขา → เลือดไปเลี้ยงสมองไม่พอ
อาจเกิดอาการ
gray-out (เห็นภาพสีเทา)
black-out (หมดสติชั่วคราว)
G-LOC (G-induced Loss of Consciousness) หมดสติจริงๆ
🔹 4. วิธีป้องกันของนักบินรบ
1. 🩸 ใส่ชุด G-suit
ชุดนี้จะพองลมอัดต้นขาและท้องเมื่อรับแรง G
ช่วยดันเลือดกลับขึ้นไปที่หัวใจและสมอง
2. 💪 ฝึกกล้ามเนื้อและเทคนิคการหายใจพิเศษ (Anti-G straining maneuver)
เกร็งกล้ามท้อง-ขา และหายใจเป็นจังหวะเพื่อต้านแรง G
3. 🛩️ ออกแบบเครื่องบินให้รองรับแรง G ได้มาก
เช่น F-16 หรือ F-15 สามารถรับได้ถึง 9 G อย่างปลอดภัย
🔹 สรุปสั้นๆ
แรง G เกิดจากการเปลี่ยนความเร็วหรือทิศทางของเครื่องบิน
→ ร่างกายนักบินถูกเร่งด้วยแรงมากกว่าปกติหลายเท่า
→ จึงรู้สึกหนักมาก หรือเลือดไหลไปทิศทางใดทิศหนึ่งอย่างรุนแรง
ขอบคุณภาพเครื่องบิน F15 RC จาก อาจารย์สุริยา มากครับ และขอบคุณข้อมูลประกอบจาก Chat GPT
เรื่องเล่า
การบิน
เทคโนโลยี
บันทึก
2
2
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย