Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
“วันละเรื่องสองเรื่อง”
•
ติดตาม
23 ต.ค. เวลา 16:13 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี
🚀 “The Algorithm” ของ Elon Musk "กฎเหล็กที่สร้าง Tesla และ SpaceX"
(บทเรียนจริงจากชีวประวัติโดย Walter Isaacson เมื่อหน้าที่ของผู้นำคือการฆ่ากระบวนการที่โง่ ก่อนที่มันจะฆ่าองค์กร)
====
💡 อัลกอริธึมแห่งการคิดแบบผู้นำ
หนังสือ Elon Musk โดย Walter Isaacson ไม่ได้เป็นเพียงชีวประวัติของชายผู้สร้าง SpaceX และ Tesla แต่คือ “ตำรากลยุทธ์ของคนลงมือจริง” ที่เปิดโปงเบื้องหลังวิธีคิดและการตัดสินใจที่กล้าหาญเกินมนุษย์ทั่วไป Musk คือคนที่ไม่ยอมรับคำว่า “ทำไม่ได้” และไม่ศรัทธาในระบบที่ไม่มีใครกล้าตั้งคำถาม เขาเชื่อว่า “องค์กรจะไม่ล้มเหลวเพราะคนโง่ แต่จะตายเพราะคนเก่งที่หยุดตั้งคำถาม”
หัวใจของแนวคิดนี้ถูกสรุปไว้ในสิ่งที่เขาเรียกว่า “The Algorithm” คือ กฎเหล็ก 5 ขั้นตอน ที่เป็นเหมือนรหัสพันธุกรรมของนวัตกรรมในทุกบริษัทที่เขาสร้าง ไม่ว่าจะเป็น Tesla, SpaceX, หรือ Neuralink และมันคือ “ระบบคิด” ที่ออกแบบมาเพื่อฆ่าความซับซ้อนและเร่งความเร็วของการสร้างสิ่งใหม่อย่างต่อเนื่อง
====
⚙️ The Algorithm หรือขั้นตอนของการทลายระบบที่ช้าเกินไปของ Musk คือ?
1. "Question the Requirements” = ทุก Requirement ต้องมีเจ้าของชื่อชัดเจน
* ในองค์กรทั่วไป คำว่า “ฝ่ายนั้นสั่ง” หรือ “แผนกนี้ขอไว้” มักเป็นคำอ้างที่ไม่มีเจ้าของ
* Musk จึงบังคับให้ทุกข้อกำหนดต้องมี “ชื่อคน” กำกับ เพื่อให้รู้ว่าใครเป็นผู้รับผิดชอบ และเขาจะตั้งคำถามทันทีว่า “สิ่งนี้จำเป็นจริงไหม?”
* เพราะในประสบการณ์ของเขา ข้อกำหนดที่แย่ที่สุดมักมาจาก “คนฉลาด” ที่ไม่มีใครกล้าท้วง
2. "Delete the Part or Process” = ลบทิ้งให้มากที่สุดเท่าที่ทำได้
* “ความเร็วไม่ได้เกิดจากการเพิ่ม แต่จากการลบ”
* Musk กล่าวไว้เช่นนั้น เขาย้ำว่าถ้าคุณลบไปแล้วต้องใส่กลับมาไม่ถึง 10% แปลว่าคุณลบน้อยเกินไป
* ตัวอย่างคลาสสิกคือกรณี “จุกยางใต้ท้องรถ Tesla” ที่ทำให้ไลน์การผลิตชะงัก เมื่อเขาถามว่าทำไมต้องอุดรู ไม่มีใครตอบได้ จนพบว่าเหตุผลคือ “กันน้ำเข้าพรมเมื่อรถลุยน้ำท่วม” Musk จึงสั่งยกเลิกทันที เพราะการผลิตให้ทันเป้าหมายสำคัญกว่าการป้องกันปัญหาที่แทบไม่เคยเกิดขึ้นเลย
3. "Simplify and Optimize" = ทำให้ง่ายก่อนปรับปรุง
* หลังจากลบสิ่งไม่จำเป็นออกไปแล้วเท่านั้น ถึงจะเริ่มทำให้กระบวนการที่เหลือง่ายขึ้น
* Musk มองว่าความผิดพลาดขององค์กรส่วนใหญ่คือ “พยายามปรับปรุงสิ่งที่ควรถูกลบทิ้งไปตั้งแต่แรก”
* เขาเตือนเสมอว่า “ความเรียบง่ายคือความหรูหราสูงสุดของระบบ” และการซับซ้อนเกินไปคือศัตรูของนวัตกรรม
4. "Accelerate Cycle Time" = เร่งรอบการทำงานให้เร็วขึ้น
* Musk เชื่อว่า “ถ้าคุณเร่งในสิ่งที่ผิด คุณแค่เร่งให้พังเร็วขึ้นเท่านั้น” การเร่งต้องเกิดหลังจากที่ลบและปรับให้ง่ายแล้วเท่านั้น
* ใน SpaceX เขาใช้หลักนี้ลดเวลาการผลิต Falcon 9 จาก 12 เดือน เหลือเพียง 3 เดือน โดยตัดขั้นตอนอนุมัติที่ซ้ำซ้อน และให้อำนาจวิศวกรตัดสินใจหน้างานได้ทันที เขาเรียกสิ่งนี้ว่า “Engineering by Physics, not by Politics.”
5. “Automate” = ทำให้อัตโนมัติในสิ่งที่ถูกต้องเท่านั้น
* Musk มักพูดกับทีมว่า “การทำ Automation คือกับดักของคนฉลาด” เพราะถ้าคุณทำให้ระบบที่ผิดอัตโนมัติ คุณจะเพียงแค่ทำให้ความผิดพลาดเกิดขึ้นเร็วขึ้นเท่านั้น
* Automation ต้องเป็นขั้นตอนสุดท้าย หลังจากที่ทุกอย่างถูกตรวจสอบแล้วว่า “ถูกต้องและจำเป็นจริง”
====
🧠 จาก “จุกยาง” สู่ “จรวดคืนสู่โลก” = วิธีคิดแบบฟิสิกส์มากกว่าอำนาจ
* กรณี “จุกยางอุดรู” กลายเป็นตัวอย่างในตำนานที่สะท้อนวัฒนธรรมของ Musk คือ "การตัดสินใจบนพื้นฐานของตรรกะ ไม่ใช่ตำแหน่ง"
* เขาเชื่อว่าทุกคนในองค์กรมีสิทธิ์โต้แย้งได้ หากมีข้อมูลที่ดีกว่า แนวทางนี้เองที่ทำให้ SpaceX กล้าท้าทาย NASA ด้วยแนวคิด “จรวดนำกลับมาใช้ซ้ำได้” (Reusable Rockets) ซึ่งปัจจุบันได้กลายเป็นมาตรฐานใหม่ของวงการอวกาศ
* และนี่คือสิ่งที่ Musk เรียกว่า “การบริหารด้วยกฎของฟิสิกส์” เมื่อข้อเท็จจริงสำคัญกว่าลำดับชั้น มันทำให้เขากลายเป็นผู้นำที่กล้าทำในสิ่งที่คนอื่นไม่กล้า แม้จะต้องแลกด้วยแรงเสียดทานในองค์กร แต่ผลลัพธ์ที่ได้คือ “นวัตกรรมที่เดินเร็วกว่าโลก”
====
⚔️ ผู้นำในภาวะสงคราม (The Wartime CEO)
Walter Isaacson เรียก Musk ว่า “Wartime CEO” หรือผู้นำที่พร้อมชนทุกสมรภูมิ เขาไม่บริหารด้วยการประนีประนอม แต่ด้วย “การลงมือ” และ “การเผชิญหน้า” ในช่วงเวลาที่บริษัทอยู่ในภาวะวิกฤต
เช่นตอนที่ Tesla เกือบล้มละลายในปี 2018 หรือ SpaceX ยิงจรวดล้มเหลวติดกันถึงสามครั้ง Musk เลือกจะยืนอยู่กลางสนามรบด้วยตนเอง ไม่ใช่เพียงออกคำสั่งจากห้องประชุม หลักคิดของเขาเรียบง่ายแต่ทรงพลัง และสะท้อนแนวทางของผู้นำที่ไม่กลัวความจริง
1. "ผู้นำต้องลงสนามเอง" – หัวหน้าทีมซอฟต์แวร์ต้องเขียนโค้ดได้ หัวหน้าทีมโซลาร์ต้องเคยติดตั้งจริง Musk เคยนอนในโรงงาน Fremont เพื่อเร่งผลิต Model 3 ด้วยตัวเอง และมักเดินตรวจไลน์การผลิตกลางดึก เพื่อเรียนรู้ปัญหาที่เกิดขึ้นจริงในพื้นที่
2. “อย่าสนิทกับเพื่อนร่วมงาน/ลูกน้อง/ผู้มีอำนาจจนกลัวพูดความจริง" – เขาเชื่อว่า “ความเกรงใจ” คือศัตรูของนวัตกรรม เพราะมันทำให้ทีมไม่กล้าท้าทายไอเดียของผู้นำ ใน SpaceX เขาสนับสนุนให้พนักงานโต้แย้งเขาได้ทันที หากมีข้อมูลที่ดีกว่า บางครั้งการประชุมที่ดูเหมือนจะตึงเครียด กลับจบลงด้วยการได้แนวคิดใหม่ที่ช่วยประหยัดงบได้หลายล้านดอลลาร์
3. "ผิดได้ แต่อย่ามั่นใจแบบผิดๆ" – Musk อนุญาตให้ทีมทำผิดพลาดได้ แต่ต้องมาพร้อมบทเรียนและข้อมูลรองรับ เขามักพูดว่า “อย่าใช้ความรู้สึกแทนข้อมูล” เพราะความมั่นใจที่ไร้การพิสูจน์ด้วยหลักฐานคือหายนะของการตัดสินใจ
4. "อย่าสั่งในสิ่งที่ตัวเองไม่กล้าทำ"– ในวัฒนธรรมของ Musk ผู้นำต้องพร้อมรับผิดในสิ่งที่ตัวเองสั่งให้ทีมทำ เช่น ในช่วงที่ SpaceX กำลังเร่งทดสอบระบบเชื้อเพลิง เขาเองก็สวมชุดป้องกันและเข้าไปอยู่ในพื้นที่เสี่ยง เพื่อแสดงให้เห็นว่า “ไม่มีใครอยู่เหนือภารกิจ”
5. "กฎเดียวที่ห้ามละเมิดคือกฎฟิสิกส์” – ทุกอย่างสามารถถูกท้าทายได้ ยกเว้นความจริงทางธรรมชาติ เขามักพูดกับทีมว่า “เราทำตามข้อมูล ไม่ใช่ตามตำแหน่ง” นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมหลายครั้ง SpaceX สามารถพัฒนาเทคโนโลยีที่ NASA ยังไม่กล้าทำ เพราะเขาใช้ฟิสิกส์และตรรกะเป็นหลัก ไม่ใช่ระบบราชการหรือความกลัวที่จะผิดพลาด
====
🌍 ทำไม “The Algorithm” ถึงใช้ได้กับทุกองค์กร?
หัวใจของ “The Algorithm” ไม่ได้อยู่ที่เทคโนโลยี แต่อยู่ที่ “ระบบคิดแบบนักฟิสิกส์” (First-Principles Thinking) ที่มองปัญหาโดยแยกทุกองค์ประกอบออกมาอย่างเป็นระบบ ก่อนจะประกอบกลับใหม่ด้วยเหตุผลแทนความเคยชิน
Musk มักสอนให้ทีมย้อนกลับไปถามคำถามพื้นฐานที่สุดว่า “ทำไมเราต้องทำแบบนี้?” ซึ่งเป็นคำถามที่องค์กรใหญ่จำนวนมากลืมถามไปแล้ว?
* ลองมองตัวอย่างองค์กรอย่าง Toyota ที่ใช้หลัก Kaizen ในการปรับปรุงงานเล็กๆ อย่างต่อเนื่อง หรือ Netflix ที่กล้ารื้อระบบอนุมัติหลายชั้นแล้วแทนที่ด้วย "freedom and responsibility" เพื่อให้ทีมตัดสินใจได้เองโดยไม่ต้องรออนุมัติ
* ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นการใช้แนวคิดแบบเดียวกับ The Algorithm คือการคิดจากรากเหง้า ไม่ยึดติดพิธีกรรมเดิมๆ และสร้างระบบที่โปร่งใสและเคลื่อนไหวเร็วกว่าเดิม
ในยุคที่องค์กรจำนวนมากจมอยู่กับพิธีกรรมการบริหาร เช่น
* รายงานที่ไม่มีใครอ่าน
* KPI ที่ไม่สะท้อนผลลัพธ์จริง
* และระบบอนุมัติที่ทำให้คนเก่งหมดไฟ เป็นต้น
The Algorithm จึงกลายเป็นเครื่องเตือนใจสำคัญว่า “สิ่งที่ดีที่สุดบางอย่างในองค์กร อาจไม่ใช่สิ่งที่เราสร้างเพิ่มขึ้นมา แต่คือสิ่งที่เรากล้าลบทิ้งอย่างมีสติ”
====
✨ดังนั้น ให้ “ฆ่ากระบวนการที่โง่” ก่อนที่มันจะฆ่าองค์กร
The Algorithm คือบทเรียนแห่งยุคเร่งสปีด ที่ผู้นำทุกคนควรเรียนรู้ มันสอนเราว่า กลยุทธ์ที่แท้จริงไม่ได้อยู่ที่การสร้างสิ่งใหม่เพียงอย่างเดียว แต่คือการกล้าทำลายสิ่งเก่าที่ไม่จำเป็น เพื่อคืนพื้นที่ให้กับนวัตกรรมและความจริง
“อย่าปล่อยให้กระบวนการที่โง่ฆ่านวัตกรรม เพราะหน้าที่ของผู้นำ คือการฆ่ามันก่อนเสมอ” — Elon Musk
====
Source: หนังสือ Elon Musk โดย Walter Isaacson
#วันละเรื่องสองเรื่อง #ElonMusk #Leadership #Innovation #Tesla #SpaceX #TheAlgorithm #WartimeCEO
elonmusk
นวัตกรรม
เทคโนโลยี
1 บันทึก
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย