24 ต.ค. เวลา 04:08 • ข่าว

"หยุดเล่นเดี๋ยวนี้!

เตือนตลาดทอง
เข้าสู่ "ดงนักเลง"
ตลาดทองคำกำลังอยู่ในภาวะผันผวนรุนแรงที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ หลังจากราคาพุ่งทะยานทะลุ 4,300 ดอลลาร์ฯ ก่อนจะดิ่งลงอย่างหนักในชั่วข้ามคืน สร้างความเสียหายให้กับนักลงทุนจำนวนมหาศาล
ท่ามกลางความโกลาหลนี้ นักวิเคราะห์ผู้มากประสบการณ์ได้ออกมาเตือนสติอย่างเฉียบขาดว่า นี่ไม่ใช่เวลาของการเก็งกำไร แต่เป็นเวลาที่ต้อง "หยุดเล่น" เพราะตลาดได้เข้าสู่ "ดงนักเลง" ที่แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญก็ยากจะเอาชนะ
อาจารย์นิพนธ์ สุวรรณประสิทธิ์ กรรมการผู้จัดการ สถาบันการลงทุนคิวไอคิวพี บริษัทหลักทรัพย์ ไอร่า จำกัด (มหาชน) ได้ให้สัมภาษณ์กับ Money Chat Thailand เพื่อวิเคราะห์สถานการณ์ที่เกิดขึ้น
โดยชี้ว่าการร่วงลงอย่างรุนแรงของราคาทองคำในรอบนี้ ไม่ใช่ผลกระทบจากปัจจัยพื้นฐาน อย่างสงครามการค้าหรือข่าวของคุณโดนัลด์ ทรัมป์ แต่เป็นปรากฏการณ์ทางเทคนิคที่เรียกว่า "Force Sell"
การทะยานขึ้นของราคาทองคำก่อนหน้านี้ถูกขับเคลื่อนด้วยภาวะ "FOMO" (Fear Of Missing Out) หรือกลัวตกรถของนักลงทุนรายย่อยทั่วโลก ที่แห่กันเข้าซื้อทองคำแท่งและเก็งกำไรในตลาดฟิวเจอร์ส จนดันราคาสูงขึ้นไปอย่างรวดเร็ว เมื่อราคาเริ่มปรับตัวลง
ได้กระตุ้นให้เกิดการบังคับขายเพื่อตัดขาดทุนในกลุ่มนักลงทุนที่ใช้เลเวอเรจสูง ซึ่งการขายนี้ได้กดราคาให้ต่ำลงอีก และจุดชนวนให้เกิดการ Force Sell เป็นทอดๆ ต่อเนื่องกันไปตามโซนเวลาของตลาดโลก ตั้งแต่ลอนดอนไปจนถึงนิวยอร์ก สร้างความผันผวนมหาศาลดังที่เห็น
อาจารย์นิพนธ์ได้ให้คำแนะนำที่ชัดเจนและหนักแน่นแก่นักลงทุนในภาวะเช่นนี้ว่า สิ่งที่ดีที่สุดคือหยุดเล่นไปก่อน "ผมท้าทายเลย ให้คุณเก่งจากไหนด้วย ... คุณเข้าไปเล่น คุณจะเสีย" อาจารย์นิพนธ์กล่าว พร้อมอธิบายว่า
ตลาดในภาวะนี้มีความผันผวนสูงมากจนไม่สามารถคาดการณ์ทิศทางในระยะสั้นได้ ไม่ว่าจะใช้วิชาเทคนิคอลขั้นสูงเพียงใดก็ตาม การพยายามเข้าไปเทรดในตอนนี้เปรียบเหมือนการ "ฝ่าดงนักเลง" ซึ่งเป็นไปไม่ได้ที่จะเอาชนะ
โดยเฉพาะนักลงทุนที่ขาดทุนจากการร่วงลงครั้งนี้ อาจารย์นิพนธ์เตือนว่า "อย่าคิดเอาคืนตอนที่มันยาก" เพราะคนกลุ่มที่ยังคงพยายามเทรดในตลาดที่ผันผวนสูง คือกลุ่มคนที่เสียเงินและต้องการเอาคืน ซึ่งท้ายที่สุดมักจะจบลงด้วยการสูญเสียเงินทั้งหมดที่ได้กำไรมา หรือแม้กระทั่งหมดตัว
อาจารย์นิพนธ์ได้วิเคราะห์แนวโน้มของสินทรัพย์สำคัญ โดยยึดตามทฤษฎีและการวิเคราะห์ทางเทคนิคเป็นหลัก
📍 ทองคำ (Gold): การปรับฐานรอบนี้คาดว่าจะกินเวลาประมาณ 3 เดือนครึ่ง หรือจนถึงช่วงเทศกาลตรุษจีนปีหน้า จึงจะเริ่มกลับเป็นขาขึ้นที่ง่ายต่อการลงทุนอีกครั้ง โดยคาดว่าจุดต่ำสุดของรอบนี้อาจอยู่ที่บริเวณ 3,900 - 3,950 ดอลลาร์ฯ แต่จะเป็นการเคลื่อนไหวที่ผันผวนและคาดเดาได้ยากมาก (ท่อนที่ยาก)
📍 ทองคำแท่ง (Physical Gold): สำหรับคนที่ซื้อเพื่อการออมระยะยาวหรือป้องกันความเสี่ยงสงครามโลก ไม่จำเป็นต้องตื่นตระหนก เพราะเป็นการสะสมมูลค่าตามวัตถุประสงค์อยู่แล้ว
📍 โกลด์ฟิวเจอร์ส (Gold Futures): คือการเก็งกำไรล้วนๆ ซึ่งในภาวะตลาดปัจจุบันมีความยากและเสี่ยงสูงมาก แนะนำให้อยู่เฉยๆ หรือหากจำเป็นต้องเทรด ให้ใช้ไทม์เฟรมที่สั้นมากๆ (เช่น 15 นาที) และใช้เงินในสัดส่วนที่น้อยที่สุด
📍 บิทคอยน์ (Bitcoin): สถานการณ์แตกต่างจากทองคำโดยสิ้นเชิง ในทางเทคนิค บิทคอยน์กำลังแสดงสัญญาณ Divergence (สัญญาณขัดแย้งที่บ่งชี้การอ่อนตัว) ในกราฟรายสัปดาห์และรายเดือนอย่างชัดเจน อาจารย์นิพนธ์ชี้ว่ากลุ่ม Bitcoiners ตัวจริง (นักลงทุนระยะยาว)
จะไม่ไล่ซื้อที่ราคานี้แต่จะรอสะสมเมื่อราคาย่อตัวลง คนที่ขับเคลื่อนราคาในปัจจุบันคือนักเก็งกำไรที่เข้ามาตามกระแส FOMO ซึ่งคล้ายกับสถานการณ์ของทองคำก่อนที่จะร่วงลงอย่างหนัก ดังนั้น บิทคอยน์จึงยังไม่ใช่เวลาที่จะเข้าลงทุนในตอนนี้
อาจารย์นิพนธ์แนะนำให้นักลงทุนตั้งสติ และอยู่เฉยๆ ในช่วง 2 สัปดาห์นี้เพื่อรอให้ตลาดสงบลง ใช้เวลาไปกับการฝึกสติแทนการพยายามเอาชนะตลาดที่เป็นไปไม่ได้
และเมื่อตลาดเริ่มกลับมามีทิศทางที่ชัดเจนขึ้น จึงค่อยกลับเข้าไปลงทุนในสินทรัพย์ที่มีอนาคต เช่น หุ้นเทคโนโลยีในจีนและสหรัฐฯ ซึ่งเป็นการลงทุนคนละส่วนกับการเก็งกำไรในทองคำ
โดย : Money Chat
โฆษณา