24 ต.ค. เวลา 06:42 • ความคิดเห็น
เราไล่เรื่องความเข้าใจใสซื่อก่อนนะ (ออกตัวก่อนนะคะ เราไม่ได้กล่าวโทษ "ครูบาอาจารย์" นะคะ เรารู้ว่าคำนี้แตะไม่ได้เลย แต่เรากล่าวโทษตัวเองล้วนๆ ขอแสดงความนอบน้อม)
พระพุทธเจ้า คือผู้คิดค้นท่านั่งสมาธิ และการนั่งสมาธิคนแรกของโลก นั่งสมาธิแล้วสามารถไปนรก หรือไปสวรรค์ก็ได้ และความสามารถในการนั่งสมาธิไปสวรรค์ หรือนรกได้นั้น เป็น "ปัตจัตตัง" รู้ได้เฉพาะตน คนที่นั่งสมาธิไปสวรรค์ หรือนรกได้ คือผู้มีของเก่า อย่าลบหลู่ อย่าสงสัย อย่าถามจุกจิก ยิ่งสงสัยมาก ยิ่งละวิจิกิจฉาไม่ได้ จะไม่มีทางบรรลุโสดาปัตติผล เดี๋ยว...ยิ่งพูดยิ่งอยากรู้ อย่างไรหนูก็ละไม่ได้ค่ะจารย์!
ข้อเท็จจริงคือ : พระพุทธเจ้า ทรงนำท่านั่งสมาธิมาจากครูอาจารย์ คือ พรหมณ์โยคี หรือครูโยคี ท่านคือมนุษย์ธรรมดา เป็นเจ้าชายที่มีครูสอนมาก่อน ครูโยคี สอนการควบคุมลมหายใจให้ท่าน นั่งไปจนไม่รู้สึกถึงลมหายใจ ไม่รู้สึกถึงตัวตน เพื่อปลดปล่อยตัวตน แต่ท่านนำมาศึกษาต่อยอดปฏิบัติ แล้วท่านก็เห็นสิ่งที่ละเอียดยิบมากกว่าที่ครูอาจารย์สอน นั่นคือ การเกิดดับของจิตแต่ละดวงยิบๆ ไม่ใช่ soul แบบที่จารย์สอนว่ามนุษย์มี subtle body and soul แต่ทรงบอกว่า แม้ขณะที่ยังอยู่ในร่างนี้ ก็มีจิตเกิดดับๆๆ ต่อเนื่องเป็นสายนะจารย์!
1
พระพุทธเจ้า คือผู้คิดค้นกฎแห่งกรรม และการเวียนว่าย ได้เป็นคนแรกของโลก และพระพุทธเจ้าแรกคลอดเดินได้ 7 ก้าว และพระพุทธเจ้าเหาะเหินเดินอากาศได้ และมนุษย๋สมัยก่อนเหาะเหินเดินอากาศได้ ถ้าฝึกพลังจิตให้แก่กล้า และแม่ชีลอยน้ำ คือผู้วิเศษ บรรลุมรรค ต้องกราบไหว้สาธุๆ และพระพุทธเจ้าก่อนเสด็จดับขันธ์ ทรงฉันเนื้อสุกรอ่อน เพราะแปลมาจาก สูกรมัทวะ (Sūkara-maddava)
ข้อเท็จจริงคือ : ทรงเป็นมนุษย์ธรรมดามีตัวตนจริง... และมีครูอาจารย์เหมือนพวกเรา และทรงเป็นมังฯ เพราะสมัยนั้นนับถือพรหมณ์ ดังนั้น มันจึงไม่ใช่เนื้อสุกร แต่มันคือเห็ดที่สุกรชอบกิน เมืองปาวา ในรัฐอุตรประเทศ ที่นายจุนทะ ซึ่งเป็นพ่อครัวท้องถิ่นอาศัยอยู่ ประกอบอาชีพปศุสัตว์ และการเกษตร จึงยังมีคนเถียงต่ออีกว่า อาจจะเป็นเนื้อหมูอ่อนก็ได้ พุทธองค์ยังเคยบอกเลยว่า เนื้อสัตว์กินได้นะ แต่ตรึกให้ดี ท่านบอกข้อแรกเลยว่า สัตว์ต้องไม่ได้ถูกฆ่าเพื่อถวายโดยเฉพาะ ดังนั้น นายจุนทะ คงไม่ฆ่าหมูเพื่อถวายโดยเฉพาะมั้ย?
1
การสอนให้เพ่งลูกแก้วกลมใสนั้นไม่ถูกต้อง เพราะนั่งสมาธิมันต้องดูลมหายใจเข้าออกอย่างเดียว ไปเพ่งลูกแก้วใส จะบ้าหรือเปล่า เธอก็ไปเชื่อเขา สอนประหลาด! เหมือนสร้างอุโบสถจานบินนั่นแหละ มีที่ไหนเขาสร้างกันแบบนั้น
ข้อเท็จจริงคือ : พระไตรปิฏก ทรงมีพูดเรื่องกสิณ ท่าน Innovate คำว่ากสิณ โดยพัฒนามาจาก Yoga ในพระเวท ซึ่งพระเวทให้โฟกัสไปที่วัตถุ การหายใจและการสร้างภาพในหัว (เป็นที่มาของ Manifestation ที่ฮ็อตฮิตกันจนทุกวันนี้ ของฮินดูเขาล้วนๆนะเธอจ๋า)
แต่กสิณ ของพระองค์คือ ไม่ให้สร้างภาพใดๆ ในหัว! อย่าหลอกตัวเองลูกกก จงหยุดเดี๋ยวนี้ แต่อนุญาตให้โฟกัสไปที่วัตถุใดๆนั่นแหละ เพื่อให้เป็นที่ยึดที่เกาะของจิตใจให้ได้ก่อน แต่ไม่ใช่เพื่อให้จิตนิ่ง จิตจะนิ่งได้ยังไง๊! จารย์ผมก็พูดไปเรื่อย! เอาใจให้นิ่งก่อน ใจนิ่งได้หรือยัง? เอาตรงนี้ก่อน แต่ที่สุด ท่านก็บอกว่าให้ลอง "เจริญอานาปานสติ" ไม่ต้องไปหาวัตถุดที่ยึดที่เกาะใดๆ ลองดูนะลูกกก เพื่อฝึกการค่อยๆละคลายจากเครื่องยึด ดังนั้นการเพ่งกสิณลุกแก้วใส ผิดตรงไหน มันเป็นแค่เครื่องมือ?
1
ส่วนเรื่องอุโบสถจานบิน
เราคิดว่าป่านนี้ หลายคนคง
ได้รับทราบข้อเท็จจริงกันไปหมดแล้ว
.............................
ที่จริงเรามีเยอะกว่านี้นะ
แต่เอาแค่นี้แหละ
.....................
เดือนหน้าจะไปพาราณสียาว
อาจจะเริ่มเขียน spiritual ไดอารี่ละ อิอิ
โฆษณา