24 ต.ค. เวลา 07:17 • ปรัชญา
มันมีวิธีสังเกตอยู่ครับ คงต้องอิงคำสอนของหลวงพ่อจรัญ ฐิตธัมโม วัดอัมพวันจังหวัดสิงห์บุรีนะครับ
ธรรมะจริงๆ มันมีหลายชั้น เหมือนโรงเรียนที่มีตั้งแต่ประถม มัธยม จนถึงมหาวิทยาลัย
คนทั่วไปส่วนใหญ่ก็จะอยู่ในชั้นประถมของธรรมะ คือเริ่มรู้จักตัวเองบ้าง เริ่มรู้จักเหตุผล และเริ่มพยายามไม่ทำชั่ว
ส่วนคนที่ขึ้นชั้นมัธยม จะเริ่มเห็นความจริงของโลกมากขึ้น เข้าใจทุกข์มากขึ้น
รู้ว่าการเอาชนะคนอื่นไม่ได้ทำให้พ้นทุกข์
แต่ถ้าเป็นชั้นมหาวิทยาลัย มันต้องมี บารมี
คำว่าบารมีนี่ คนเข้าใจผิดกันเยอะมาก
บารมีไม่ได้แปลว่ามีลูกน้องเยอะ มีบริวารเยอะ หรือมี connection กว้าง
นั่นมันคนละเรื่องกับธรรมะเลย
บารมีในทางธรรม หมายถึง ความกล้าหาญ
กล้าที่จะทำในสิ่งที่ถูก ทำเพื่อธรรมะ ไม่ใช่ทำเพื่อชื่อเสียงหรือผลประโยชน์
กล้าที่จะพูด กล้าที่จะชี้เหตุผลตามความจริง แม้จะขัดใจใครก็ตาม
นี่แหละครับเรียกว่ามีบารมี
กล้าที่จะทำเพื่อความดี ไม่ใช่ทำเพื่อเงินหรือความกลัว
คนที่มีบารมีจริง เขาจะว่าไปตามเหตุ ไม่ตามกระแส
เห็นสิ่งที่ผิดก็กล้าชี้ เห็นสิ่งที่ควรแก้ก็กล้าทำ
ไม่กลัวว่าใครจะว่าอะไร นี่คือบารมีที่แท้จริง
มันไม่เกี่ยวกับการมีอำนาจทางโลกเลย
คนมักเข้าใจผิดว่ามีคนตามมากคือมีบารมี
ไม่ใช่ครับ มันคนละแบบคนละเรื่อง
พฤติกรรมของคนที่ได้ธรรม ไม่ใช่รูปแบบของการนั่งสงบนิ่งๆ เงียบๆ แล้วไม่ยอมทำอะไร
ไม่ใช่ว่าเวลามีเรื่องในหน้าที่ก็ไม่พูด ไม่ชี้แจง ปล่อยไปเฉยๆ แล้วอ้างว่าอุเบกขา
จริงอยู่ครับว่าอุเบกขาเป็นหลักธรรมที่สำคัญ
แต่ก่อนจะไปถึงข้ออุเบกขา ต้องผ่านทั้งหมดก่อน คือ พรหมวิหาร 4
เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา
นี่คือหลักธรรมของผู้ใหญ่ที่ควรมี
ต้องมีเมตตา เห็นอกเห็นใจ
มีกรุณา อยากให้คนอื่นพ้นทุกข์
มีมุทิตา ยินดีในความดีของคนอื่น
แล้วสุดท้ายค่อยเป็นอุเบกขา คือวางใจได้อย่างเข้าใจ
ไม่ใช่เฉยเพราะไม่อยากยุ่ง
สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ การมองตามความเป็นจริง
สิ่งที่เห็นจริง ไม่ใช่ปาฏิหาริย์ ไม่ใช่สิ่งเหนือธรรมชาติ
แต่คือการพูดคุยตามความจริงที่ปรากฏ ไม่บิดเบือน
เพราะธรรมะคือธรรมชาติ ไม่มีอะไรซ่อนอยู่หลังคำสวยหรู
ถ้ามีคุณธรรมสูงถึงขั้นสูงที่สุดจริงๆ
ก็จะถึงจุดที่ต้อง ทิ้งภารกิจ
มันหมายถึงหมดภารกิจแล้วนั่นแหละครับ
ไม่ว่าจะเคยยิ่งใหญ่มาแค่ไหน เป็นกษัตริย์ เป็นผู้พิพากษา เป็นแม่ทัพ หรือเป็นผู้ต่อสู้เพื่อชาติ
สุดท้าย ภพ หรือ ชาติ ก็ยังเป็นรูปแบบของความทุกข์อย่างหนึ่ง
คนมีธรรมะลึกซึ้งจะเห็นตรงนี้ และรู้ว่าอะไรคือบุญ อะไรคือบาป
บาปก็ส่วนบาป บุญก็ส่วนบุญ ต้องแยกให้ออก
ผู้ที่มีธรรมะลึก มีหิริโอตัปปะสูง จะไม่สามารถดำรงอยู่ในอาชีพที่เกี่ยวข้องกับการเบียดเบียนได้
เขาจะทิ้งอาชีพนั้นเองโดยธรรมชาติ
เหมือนอย่างองคุลีมาล ตอนเป็นฆาตกร เขาไม่อาจบรรลุธรรมได้ แต่มีศรัทธา
เมื่อทิ้งแล้ว เปลี่ยนชีวิตใหม่ในผ้าเหลือง เขาถึงบรรลุธรรม
1
มันต้องละ ก่อนรู้
เพราะไม่มีผู้พิพากษาคนไหนบรรลุธรรมบนบัลลังก์ที่ตัดสินคนไปประหารชีวิต
ไม่มีเพชฌฆาตคนไหนเข้าถึงธรรม
ในขณะที่เอาปืนเล็งหัวนักโทษ
เพราะนั่นคือกรรม ไม่ว่าจะฆ่าคนเลวหรือคนดี กรรมก็ยังเป็นกรรม
1
นี่คือความจริงตามธรรมชาติครับ
ผู้ที่เข้าถึงธรรมมีหลายระดับ แต่ถ้าเข้าถึงระดับสูงสุด
เขาจะต้องทิ้งสิ่งเหล่านี้ไปเอง
นั่นแหละคือการหมดภารกิจจริงๆ ครับ
โฆษณา