24 ต.ค. เวลา 16:02 • หนังสือ
ไทยแลนด์

ตำนาน"ฉี่เฉี่ยวหัว" บันทึกเลือดรุ่นสุดท้ายยุค90

(EP1)**ตอน: 3 ครั้งที่"ยมทูต"ได้แค่เฉียด *
ผู้เขียน: ชายผู้ที่ผ่านเรื่องราวมาแล้ว
คำนำผู้เขียน (ข้อมูลย่อๆ ตัวละคร)
ชื่อตัวละคร: "ฉี่ เฉี่ยว หัว"
ปีเกิด: 1993 (พ.ศ. 2536)
**แนวเรื่อง:**รักเพื่อนมากถึงใหนถึงกันไม่เคยทิ้งเพื่อนแม้แต่ครั้งเดียวไม่ว่าจะเจอสถานะการไดๆ ไม่ใช่คนรูปร่างใหญ่หรอกนะครับ ส่วนสูงแค่ 165 หนัก 50 ตั้งแต่อายุ 15จนถึงปัจจุบันนี้ ตัวไม่ใหญ่เลยต้องอาสัยเครื่องทุ่นแรงช่วยตลอดครับแต่สิ่งสำคัญที่สุดที่ช่วยให้ผมรอดตๅยทุกครั้งก็คือ "สมอง"นี่แหละครับ ผมใช้" สมอง ก่อนใช้ กำลัง เสมอ "ครับ (เกิดเหตุปะทะกันทีไรต้องเห็นเลือดหรือไม่ก็ฟื้นโรงพยาบาลแต่มีคนบอกว่า ใจใหญ่เกินตัว บันเทิง (โหด-มัน-ฮา)ประมาณว่า"ใจถึงพึ่งตื่น" อ่ะครับ อิอิ!
จุดประสงค์: แชร์ประสบการณ์ถึงประสบการณ์จริง ให้เป็นแนวตลกๆแก้เครียดบางคนอาจจะได้ยินแค่คำล่ำลือ
ช่วงเวลาที่เล่า: ย้อนกลับไปปี พ.ศ. 2551 ขณะนั้นผู้เขียนอายุ 15 ปี ซึ่งอยู่ในช่วง ยุคสมัยที่ใครหลายคนรู้จักดีและเรียกมันว่า (ยุค90)นั่นเอง
บริบทสังคมยุค 15 ปี: จะบอกว่าเป็นอีกยุคสมัยเถื่อนพอๆกันกับ(ยุค2499)ก็ว่าได้ครับเรื่อง "ตีรันฟันแทงหรือว่ายิงกัน" เป็นเรื่องปกติของวัยรุ่นมีทุกวัน ทุกวันจริงๆครับไม่เว้นแม้กระทั่ง" วันพระ"กันเลยทีเดียว..
ลักษณะนิสัย/ประวัติผู้เขียน:
ชอบทำอะไรที่ "สุดๆ"
รักเพื่อนฝูง เป็นคนที่ไม่ชอบ อธิบาย เท่าไหร
รับจบคนเดียวในทุกเรื่องครับ ประสบการของผมตั้งแต่อายุ 15-28ปี ถือว่าราคาแพงพอได้ครับ เท่าที่จำได้ตั้งแต่เข้าวงการนี้มาได้ใช้เงินจ่ายไปก็ประมาณ ครึ่งล้าน น่าจะได้ครับ เข้าคุกแทบจะทุกเดือน ส่วนมากก◌็จะเป็นคดี"พยายามฆ่า+ทำร้ายร้ายร่างกายจนสาหัส" ทั้งนั้นครับ ยกเว้นคดียาเสพติดซึ่งผมไม่เคยมีประวัติแม้แต่ครั้งเดียวทั้งๆที่ผมก็เอาหมดอะไรที่ผิดกฏหมาย แต่เน้นไปทางสายนักเลงซะมากกว่าครับ ที่กำลังจะเล่าให้ฟังจะว่าขายความชั่วตัวเองก็ได้ครับ ผมทำผิดจริงๆผมยอมรับครับ แต่ก็พอจะมีข้อคิดดีๆและคติไว้เตือนใจอยู่ในใจความเรื่องนี้อยู่บ้าง ไม่ถือว่าไร้สาระ100%นะครับ..เอาล่ะเกิ่นหัวมาเยอะแล้ว ผมขอเข้าเรื่องเลยนะครับ ขอเล่าถึงช่วงที่ผม
เริ่มเข้าสู่เส้นทางสายนักเลงตั้งแต่อายุ 15 ปี
มีคนรู้จักและนับถือพอสมควร (ถึงอายุ 28 ปี)
ความเชื่อมโยงกับยุค 90 หรือจัดอยู่ในกลุ่มคน(เจน Y): ผมเกิดทันช่วงปลายของยุค 90 พอดีถือว่าเป็นรุ่นสุดท้ายของยุคนี้เลย
ก่อนจะเล่าผมขอฝาก**คำเตือนสำหรับผู้ชมหรือน้องๆรุ่นใหม่ที่กำลังก้าวเข้าสู่วัยคะนองด้วยนะครับ #อย่าทำแบบนี้นะ ไม่ดี ไม่เอาอย่าหาทำ มันหมดยุคสมัยแล้วนะครับ
เรื่องเล่าในบทความนี้สื่อเพื่อความบันเทิง: ไม่แนะนำให้ลอกเลียนแบบ ห้ามเด็ดขาด!
ไม่เหมาะสำหรับ "คนโลกสวย": เรื่องจริงและมีพยานรู้เห็น
คติประจำใจปัจจุบัน: "ไม่มีมิตรแท้ และศัตรูที่ถาวร และก็ เกเรแต่ไม่เนรคุณ" ทุกคนผิดพลาดได้ก็แก้ไขใหม่ได้ การให้อภัยคือผู้ชนะ เด้อ!
เหตุการณ์ที่ 1: รอดเพราะดอกแก๊บเปียก (กระสุนด้าน) นั่นเอง...รอดเฉย
สถานการณ์: ทะเลาะวิวาทตามประสาวัยรุ่น ผู้เขียนเป็นคนเลือดร้อนและตัดสินใจเปลี่ยนมิตรเป็นศัตรู
การเผชิญหน้า: ไปหา "คู่กรณี" ที่หน้าบ้านในเวลากลางคืน โดยไม่รู้ว่าคู่กรณีแอบซุ่มอยู่
ช่วงเวลาวิกฤติ: ได้ยินเสียงกดไกปืน "กั้บ! กั้บ! กั้บ!" 2-3 ครั้ง จากคู่กรณีที่จ่อปืนมาที่หน้าอกในระยะประชิด
ผลลัพธ์: ปืนยิงไม่ออก (กระสุนด้าน/ดอกแก๊บเปียก) คู่กรณีวิ่งหนีไปในเงามืด
ความรู้สึกของผู้เขียน: "งง" กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และเพิ่งมารู้ภายหลังว่าเป็นกระสุนด้าน
ข้อสรุปของเหตุการณ์: เป็นครั้งแรกที่เผชิญหน้ากับความตายแบบจังๆ และรอดมาได้อย่าง "งงๆ"
เหตุการณ์ที่ 2: ศึกดวลปืน 1-1
บริบท: เหตุการณ์เกิดขึ้นจริงในยุค 90 (2551) คล้ายกับเรื่องราวอันธพาลครองเมืองยุค 2499
สถานที่: กลางหมู่บ้าน
การเตรียมตัว: ผู้เขียนและวัยรุ่นคนอื่นๆ มักจะนั่งเล่นรวมกลุ่มกันทุกวัน พอค่ำก็จะเตรียมพร้อมรับมือกับการก่อกวนจากวัยรุ่นต่างหมู่บ้าน
การเผชิญหน้า: วัยรุ่นต่างถิ่นขับมอเตอร์ไซค์วนเข้ามาในหมู่บ้าน ผู้เขียนสังเกตเห็นและเตรียมตัวหยิบปืนที่พกติดตัวมาบรรจุกระสุน
การดวล: เมื่อวัยรุ่นต่างถิ่นชะลอรถและล้วงอาวุธ ผู้เขียนลุกขึ้นและเล็งปืนไปที่คู่กรณี ต่างฝ่ายต่างยิงเกือบพร้อมกันในระยะห่างไม่ถึง 200 เมตร
ผลลัพธ์:
เสียงปืนดังสนั่น: ทำให้คนในหมู่บ้านแตกตื่น
คู่กรณีหนีไป
ผู้เขียน: โดนเต็มๆ ที่ต้นแขนซ้าย เสื้อขาดเป็นรู แต่แขนไม่เป็นอะไร มีแค่รอยกระสุน (กระสุนไม่เข้า)
เพื่อนที่ซ้อนท้าย: โดนกระสุนเข้ากลางหลังเต็มๆ และฝังใน (ห่างจากจุดที่ยิง 50-60 ม.)
ความรู้สึกของผู้เขียน: "งงแล้วงงอีก" เพราะคนที่น่าจะโดนเต็มๆ คือตัวเอง แต่เพื่อนกลับโดน
ข้อคิด: "บ่มีของขลังหยังจักแนว อย่าถามหาเด้อ..." (ไม่มีของขลังอะไรเลย อย่าถามหา)
เหตุการณ์ที่ 3: แผลนี้จำไม่ลืม...ถูกล่อไปเชือดนิ่มๆ
ผู้เขียน: อ้างว่าเป็นเรื่องที่ "แสบมาก" และ "จำไม่ลืม"
คติประจำใจ: "คนรู้ก็รู้ คนที่ไม่รู้" จะไม่เชื่อว่าเป็นเรื่องจริง
จุดเริ่มต้น: มีงานหมอลำที่หมู่บ้านข้างๆ ห่างออกไปไม่ถึง 10 กม. มีน้องมาชวนไปเที่ยว
การเตรียมตัว: ผู้เขียนและกลุ่มวัยรุ่นเตรียมอาวุธ (ทั้งเบาและหนัก) อย่างมั่นใจ
แผนของคู่กรณี: ไปถึงงานแล้วสั่งให้น้องขับรถเข้าไปดูลาดเลา ส่วนกลุ่มผู้เขียนซ่อนอาวุธ แต่เด็กที่เข้าไปดูลาดเลากลับบิดรถหนีกลับมาอย่างรวดเร็ว พร้อมกับมีเสียงปืนลูกซองสั้น "อิโบ๊ะ!" ยิงตามตูดมา
การไล่ล่า (ยกที่ 1: ปืน):
ผู้เขียนและน้อง 2 คนพยายามบิดรถหนี แต่คู่กรณีบิดตามมาติดๆ
เมื่อถึงระยะหวังผล คู่กรณีเล็งปืนมาที่น้องๆ ทั้ง 2 คน
ผู้เขียนใช้ "เหล็กแบนๆ" ครูดไปกับถนนลูกรัง ทำให้เกิดฝุ่นและเศษหินกระเด็นใส่คู่กรณี ทำให้เสียศูนย์เล็ง
คู่กรณีเปลี่ยนเป้าหมายมาที่ผู้เขียนที่ถือเหล็ก
คู่กรณีเล็งปืนมาที่ผู้เขียนในระยะหวังผล ยิงปืนดังสนั่นข้างหู
ผลลัพธ์: ผู้เขียนรู้สึก "มืดไปหมด" นึกว่าตัวเองตายแล้ว แต่รอดมาได้ และคนที่โดนกระสุนจริงๆ คือมือของคนขับรถ (เพื่อนที่ซ้อน) ซึ่งกระสุนแฉลบไปโดน
การไล่ล่า (ยกที่ 2: ไม้ยาวๆ):
คู่กรณียังคงไล่ตามมา และเปลี่ยนจากปืนเป็น "ไม้ยาวๆ"
คู่กรณีใช้ไม้ฟาดน้องที่ขับรถอย่างไม่ยั้ง ผู้เขียนสงสารน้องมาก
การตัดสินใจของผู้เขียน: ให้คนขับจอดรถและให้น้องขับหนีไป ส่วนผู้เขียนจะลงไปสู้กับคู่กรณีตัวต่อตัว (มีแค่เหล็กแบนสั้นๆ)
ความกล้าหาญ: ผู้เขียนวิ่งเข้าไปหาคู่กรณีอย่างบ้าคลั่ง
พลิกผัน: เมื่อผู้เขียนวิ่งเข้าไปถึงตัว คู่กรณีกลับเปลี่ยนใจ หันหลังวิ่งกลับขึ้นรถและหนีไปเฉยๆ
ข้อสรุปของเหตุการณ์: ทุกคนกลับบ้านครบและปลอดภัย เป็นเหตุการณ์ที่ "หนักกว่าจะรอด"
ข้อคิด: การรอดชีวิตมาจาก "บารมีของพ่อ-แม่" ผู้เขียนย้ำว่า "ฮักพ่อ-ฮักแม่ ให้หลายๆ เด้อวัยรุ่น อ้ายสนับสนุน!"
บทสรุป
จุดประสงค์ของเรื่องเล่า: เพื่อความบันเทิงสำหรับวัยรุ่น
ข้อคิดเตือนใจ: สิ่งที่ดีให้นำไปทำตาม สิ่งที่ไม่ดีอย่าหาทำ
ยืนยันความจริง: เรื่องที่เล่ามาทั้งหมดเป็นเรื่องจริง (มีพยานอ้างอิง) ไม่ใช่เรื่องแต่ง
เชิญชวน: ให้ติดตามตอนต่อไป และคอมเมนต์หากอยากฟังเรื่องจริงจากชีวิตผู้เขียนอีก
โฆษณา