Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
ลานฝึกผี
•
ติดตาม
24 ต.ค. เวลา 16:53 • บันเทิง
ความสุข คราวซวย
...
พึ่งจะเข้าใจคำว่าทุกขลาภก็ตอนเจอเรื่องนี้
พอหักลบกลบกันแล้ว
สุดท้ายที่เหลืออยู่มันคือความสุข หรือจะเป็นความหลอนกันแน่
...
สวัสดีค่ะ
หนูชื่อนาวนะคะ
นาวอยากจะเอาประสบการณ์ขนหัวลุกมาแชร์
เป็นประสบการณ์ที่นาวได้เจอมาพร้อมกับเพื่อน
ในวันที่พวกเราไปดูคอนเสิร์ตกัน
...
เพื่อนของนาวมันชื่อต่ายค่ะ
เรา 2 คนเป็นคนเชียงใหม่
และเราทั้งคู่ได้มารู้จักกันก็เพราะชื่นชอบและติดตามศิลปินคนเดียวกัน
มีอะไรก็จะแชร์ จะส่งให้กันดูประจำ
พอดีช่วงนั้นเป็นช่วงปลายปี
แล้วศิลปินที่พวกเราติดตามกำลังจะเปิดคอนเสิร์ตขึ้น
เหตุการณ์มันก็เริ่มจากที่พวกเราสามารถกดบัตรคอนเสิร์ตได้ค่ะ
ซึ่งพวกเราก็ดีใจกันมาก
เพราะที่ผ่านมากดไม่เคยทันคนอื่นเลยสักครั้ง
พอได้กำหนดการแล้ว
นาวก็ทำการจองที่พักในกรุงเทพทันที
แต่ไม่ว่าจะติดต่อไปที่ไหน
ไม่ว่าจะเป็นโรงแรมหรือหอพัก ต่างก็เต็มกันหมดในบริเวณนั้น
ก็ไม่ได้แปลกใจอะไรค่ะ
เพราะไม่ว่าใครที่จะไปคอนเสิร์ต ยังไงก็ต้องพักแถวนั้นอยู่แล้ว
จะพอมีห้องว่างอยู่บ้าง แต่มันก็ไกลจากสถานที่จัดงานพอสมควร
นาวก็หาอยู่นานค่ะ
จนกระทั่ง...
“มีครับ เหลืออยู่ห้องสุดท้ายพอดีเลยน้อง”
นาวได้ติดต่อไปยังโรงแรมที่สุดท้าย
แล้วก็ได้รับข่าวดีว่ามีห้องว่าง
ตอนนั้นนาวดีใจมาก
รีบจองห้องอย่างไม่ลังเล
...
หนึ่งวันก่อนจัดงาน
นาวกับต่ายก็นัดกันมาขึ้นรถบัสเพื่อออกเดินทาง
ซึ่งพวกเราจะพักกันทั้งหมด 3 คืน
ถือโอกาสลางานเที่ยวไปพร้อมกันเลย
พอมาถึงโรงแรม
พวกนาวก็ได้เป็นห้องเบอร์ 507
โดยโรงแรมนี้จะมีทั้งหมด 10 ชั้น
และพวกนาวได้ชั้น 5
นาวกับต่ายก็เช็กอินพร้อมกับเก็บกระเป๋าเรียบร้อย
ก่อนที่จะออกไปเที่ยวและหาอะไรกิน
เรากลับมาถึงห้องก็ประมาณ 3 ทุ่มค่ะ
ต่างก็พากันรีบอาบน้ำเตรียมพักผ่อนเอาแรง
เพราะวันพรุ่งนี้ก็จะเป็นงานคอนเสิร์ตแล้ว
...
ขณะที่นาวกำลังนอนเล่นโทรศัพท์อยู่บนเตียงรอต่อคิวอาบน้ำ
นาวก็ได้ยินเสียงเหมือนมีอะไรตก
และหางตาก็เห็นเป็นเงาของอะไรบางอย่าง
ร่วงผ่านระเบียงห้องลงไปอย่างรวดเร็ว
นาวเลยลุกไปเปิดผ้าม่าน
พร้อมกับเปิดประตูระเบียงออกไปดู
ซึ่งระเบียงของโรงแรมนี้จะมีความกว้างยื่นออกไปพอสมควร
สามารถยืนด้วยกันได้ประมาณ 3-4 คนเลย
ตัวราวกันระเบียงเองก็สูงเกือบจะเท่าหน้าอกของนาว
มองออกไปก็จะเห็นวิวเมืองตอนกลางคืน
แต่สิ่งที่นาวสนใจตอนนี้คืออะไรบางอย่างที่พึ่งจะร่วงหล่นผ่านระเบียงลงไป
แต่พอนาวก้มลงไปมอง
ก็ไม่เห็นว่าจะมีอะไรหล่นลงไปกองที่ด้านล่างของตัวตึก
แหงนมองขึ้นไปก็ไม่เจออะไรผิดปกติ
นาวจึงกลับเข้าห้องมา
...
หลังจากที่นาวอาบน้ำเสร็จออกมา
นาวก็ไม่เจอต่ายอยู่ที่เตียงค่ะ
หันมองไปรอบ ๆ ก็เจอต่ายยืนอยู่ที่ระเบียงห้อง
“ต่าย แกไปทำอะไรตรงนั้น”
“ชมวิวเหรอ?”
นาวก็ร้องทักต่ายมันออกไปเล่น ๆ
พอต่ายมันกลับเข้ามาในห้อง
มันก็บอกว่าไม่ได้ออกไปชมวิว
แต่ตอนที่มันกำลังเช็ดผมอยู่หน้ากระจก
มันเหลือบไปเห็นว่ามีเงาอะไรบางอย่างอยู่นอกระเบียง
แต่พอเดินออกไปดูก็ไม่เจออะไร
พอได้ยิน นาวก็รู้สึกตงิดในใจ
แต่ก็ไม่ได้เล่าให้ต่ายมันฟังว่านาวก็เจออะไรแปลก ๆ เหมือนกัน
จากนั้นพวกเราก็เข้านอนกัน
...
นาวต้องสะดุ้งตื่นขึ้นเพราะเสียงกรี๊ดของต่าย
พอเปิดไฟหัวเตียง
ก็เห็นว่าตอนนี้ต่ายกำลังนั่งเอาผ้าห่มขึ้นมาปิดหน้าอยู่
นาวบอกให้ต่ายใจเย็นแล้วถามว่าเกิดอะไรขึ้น
ต่ายมันก็บอกว่า
เมื่อคืนมันลุกมาเข้าห้องน้ำ
ตอนเดินจะกลับมานอนที่เตียง
มันก็หันมองไปที่ระเบียง
ซึ่งตอนนี้ผ้าม่านมันถูกรูดแง้มออก
มีช่องว่างให้มองเห็นออกไปด้านนอก
ต่ายมันเจอว่ามีผู้ชายคนหนึ่ง
ยืนอยู่ด้านนอกแล้วเอาหน้ามาแนบที่ประตูระเบียง
โดยหน้านั้นแนบจนบี้ไปกับกระจกมองมาที่ต่าย
ต่ายมันเลยตกใจกรี๊ดพร้อมกับพุ่งขึ้นมาบนเตียง
นาวได้ฟังก็เลยหันไปมองที่ระเบียง
ม่านมันก็เปิดแง้มอยู่จริง ๆ แต่ตอนนี้ไม่มีใครยืนอยู่ด้านนอก
เพื่อความสบายใจ นาวเลยเดินไปรูดม่านให้ปิดสนิทไว้
ปลอบใจว่าต่ายคงตาฝาดไป
อย่าคิดมาก ให้รีบนอน
...
วันต่อมาพวกเราก็ไปร่วมงานคอนเสิร์ตกัน
มันสนุกและมีความสุขมากค่ะ
จนพวกเราลืมเรื่องแปลก ๆ ที่เจอมาทั้งหมดไป
จนกระทั่งถึงคืนที่ 2
นาวกับต่ายก็คิดจะรีบอาบน้ำพักผ่อนกัน
เพราะทั้งเหนื่อยและเพลียมาทั้งวัน
เสร็จแล้วเราก็เข้านอนตามปกติ
...พลั่ก...
นาวรู้สึกตัวขึ้นมาเพราะได้ยินเสียง
เป็นเสียงเหมือนมีอะไรหล่นกระแทกดังมาก
...พลั่ก...
แล้วนาวก็ได้ยินอีกครั้ง
และทำให้รู้ว่าเสียงนั้นมันดังมาจากทางระเบียงห้อง
พอหันไปมองที่ต่าย
ก็เห็นว่ามันนอนหลับเป็นตายไม่รับรู้อะไรทั้งนั้น
ด้วยความสงสัย นาวจึงลุกเดินไปดูที่ระเบียง
พอออกไปมองก็แล้ว
ไปชะโงกดูก็แล้ว
แต่ก็ไม่พบอะไรผิดสังเกต
“หูฝาดไปเหรอ”
พอนาวหันหลังกำลังจะเดินกลับเข้าห้อง
...ฟึ๊บบ...
นาวรู้สึกว่ามันมีอะไรร่วงผ่านหลังของตัวเองลงไป
ได้ยินทั้งเสียงที่แหวกอากาศและแรงลมที่มาปะทะตัว
นาวรีบหันควับไปมอง
รีบชะโงกมองลงไปด้านล่างเพราะคิดว่าต้องมีอะไรตกลงไปแน่
ปรากฏว่า...
นาวไม่เห็นอะไรอยู่บนพื้นเลย
ซึ่งด้านล่างนั้นจะเป็นลานจอดรถ
มีการเปิดไฟเอาไว้หลายดวงทำให้มีแสงสว่างพอมองเห็นได้ชัด
ซึ่งมันก็ไม่มีอะไรจริง ๆ
ตอนนั้นไม่รู้ทำไม
ขนของนาวมันเริ่มลุกตั้งแต่ขาขึ้นไปยันหัว
รีบเข้าห้องปิดประตูทันที
...
วันต่อมาพวกเราก็ออกไปเที่ยวกันค่ะ
ตกกลางคืนก็ไปนั่งกินดื่มกันต่อ
กะเที่ยวกันให้เต็มที่ เพราะพรุ่งนี้ก็ต้องกลับกันแล้ว
กลับมาถึงห้องก็ปาเข้าไปเกือบ 5 ทุ่มแล้ว
นาวก็บอกให้ต่ายไปอาบน้ำก่อนได้เลย
แต่ต่ายมันบอกว่าไม่ไหว
หัวมันหนักไปหมด
ขอนอนเลยแล้วกัน พรุ่งนี้ก่อนกลับค่อยอาบ
นาวก็ไม่ได้ว่าอะไร แล้วตัวเองก็เข้าไปอาบน้ำ
พอออกมาก็เห็นว่าต่ายมันนอนคลุมโปงนิ่งไปแล้ว
ไปเขย่าตัวดูก็นิ่ง สงสัยหลับไปลึก
นาวก็เข้านอนตามไป
...พลั่ก...
เอาอีกแล้วค่ะ
นาวตื่นขึ้นมาเพราะได้ยินเสียงแปลก ๆ อีกแล้ว
เป็นเสียงเหมือนมีอะไรหล่นกระแทกดัง ๆ
คราวนี้นาวเพ่งไปที่ระเบียงเลย
ผ้าม่านถูกดึงมาปิดไว้อย่างมิดชิด
นาวเริ่มจะรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมา
ทั้งมึนหัว ทั้งง่วง อยากจะนอน
“อะไรกันนักหนาวะ”
“มีอะไรก็เอาให้มันชัด ๆ ดิ คนจะนอน”
นาวก็บ่นพร้อมทั้งเดินไปที่ระเบียง
รูดม่านและกระชากประตูเปิดออก
...
ตรงหน้านาว...
มันทำให้นาวแทบจะหัวใจวาย
เพราะที่ราวระเบียงตอนนี้
มันมีร่างของผู้ชายพาดอยู่
ในลักษณะคือหงายหน้า และส่วนหลังวางพาดอยู่บนราวระเบียง
เหมือนกับคนทำท่าสะพานโค้ง
ท่อนล่างพาดออกไปด้านนอก
ส่วนท่อนบนพาดอยู่ด้านใน
ดวงตาเบิกกว้างมองมาที่นาวในสภาพห้อยหัวแบบนั้น
อ้าปากกว้างมีลิ้นห้อยออกมา
มือทั้ง 2 ข้างห้อยลงมาข้างหัว
ทั้งใบหน้าและเนื้อตัวเต็มไปด้วยเลือด
นาวยืนขาแข็ง ทำอะไรไม่ถูก
เพราะร่างนั้นมันอยู่ห่างจากนาวไปไม่ถึง 2 เมตร
จากนั้นปากของผู้ชายคนนั้นก็เริ่มขยับ
เหมือนกับจะพูดอะไรบางอย่าง
มือที่ห้อยอยู่ก็เริ่มแกว่งไปมา
ก่อนที่เขาจะค่อย ๆ ดันตัวเองขึ้นช้า ๆ
แล้วก็เลื่อนออกไปเรื่อย ๆ
เหมือนกับมีใครดึงขาด้านนอก
แล้วในที่สุดร่างนั้นก็หล่นหายลงไปด้านล่าง
พร้อมกับเสียงร้องของผู้ชายที่ลากยาว
ตอนนั้นนาวอยากจะกรี๊ดสุดเสียง
แต่ทว่ามันร้องไม่ออก
คอมันตีบตันไปหมด
...
พอได้สติก็รีบวิ่งกระโจนมาที่เตียง
มุดผ้าห่ม สั่นไปทั้งตัว
นึกขึ้นได้ก็รีบควานหาตัวของต่าย
แต่นาวคลำไม่เจอต่ายค่ะ
พอเปิดผ้าห่มทั้งหมดออกก็พบว่ามีแต่เตียงเปล่า ๆ
นาวเลยเดินไปดูที่ห้องน้ำ
มันก็ว่างเปล่าเหมือนกัน
สรุปคือตอนนี้ต่ายไม่ได้อยู่ในห้องแล้ว
นาวรีบหยิบมือถือออกมายืนโทรที่หน้าห้อง
“ต่าย มึงอยู่ไหนวะ ทำไมมึงทิ้งกู”
“มึงรู้มั้ยว่ากูเจออะไรบ้าง!”
พอต่ายมันรับสายเท่านั้นแหละ
นาวก็พูดใส่มันเป็นชุด
ก็ได้ความว่าตอนนี้ต่ายมันนั่งอยู่ที่ล็อบบี้ด้านล่าง
นาวเลยรีบลงไปหามันทันที
พอถามว่าทำไมมันถึงลงมาอยู่ที่นี่
ต่ายมันก็บอกแค่ว่าเช้าค่อยคุยกัน
พวกเราก็นั่งกันอยู่ยันเช้า
แดดออกถึงกล้าขึ้นมาอาบน้ำเก็บของกัน
ตอนนั้นพวกเราไม่อยากถามอะไรมาก
อยากจะรีบออกจากที่นี่ให้เร็วที่สุด
พากันมานั่งตั้งสติกันที่ร้านอาหารตามสั่งแถวคิวรถ
นาวจึงได้ถามต่ายมันอีกรอบว่าเจออะไร
มันจึงยอมเล่าให้ฟัง
...
มันบอกว่ารู้สึกตัวตื่นขึ้นมาเพราะได้ยินเสียงเหมือนที่นาวได้ยินเลย
เป็นเสียงอะไรหล่นกระแทก
มันก็สลึมสลือเดินไปเปิดผ้าม่านระเบียงดู
แต่ยังไม่ทันได้เปิดประตูเหมือนนาว
และภาพที่มันเห็นก็คือร่างของผู้ชายคนหนึ่ง
นอนหงายพาดอยู่บนราวระเบียง
ทั้งตัวเต็มไปด้วยเลือด
จากนั้นร่างของเขาก็ค่อย ๆ รูดหล่น
แต่ที่ต่ายเจอคือเขาหล่นลงมาด้านในระเบียง
ก่อนที่ร่างนั้นจะกระเสือกกระสนคลานมาเกาะที่กระจก
ต่ายมันบอกอีกว่าตอนนั้นไม่รู้ด้วยฤทธิ์มึนเมา
หรือมันโดนสะกดให้มอง
ซึ่งตัวมันกับร่างผู้ชายคนนั้นตอนนี้ห่างกันแค่กระจกกั้นเท่านั้น
มันได้สติเพราะมีเสียงโทรศัพท์ดังเข้ามา
มันจึงรีบหลับตารูดม่านปิดไว้
แล้วเดินมาหยิบโทรศัพท์กะว่าจะลงไปอยู่ข้างล่าง
จะไม่ขอนอนในห้องแล้ว
ต่ายบอกว่ามันพยายามปลุกนาวแล้ว
ทั้งเรียกทั้งเขย่าแต่นาวก็ไม่ตื่น
มันเลยออกจากห้องมาคนเดียว
ได้ยินแล้วนาวก็ขนลุกเลย
แสดงว่าตัวเองไม่ได้ประสาทหลอนเห็นไปคนเดียว
...
หลังจากกลับมาพวกเราก็ได้เอาเรื่องนี้ไปเล่าให้หลายคนฟัง
จนได้ฟังเรื่องมาจากพี่คนหนึ่ง
ที่เคยไปทำงานอยู่แถวนั้น
ก็ไม่รู้หรอกว่ามันจะเป็นเรื่องจริงมั้ย
แต่พี่เขาเล่าว่า
เมื่อเกือบ 1 ปีที่ผ่านมา
เกิดเหตุคนพลัดตกตึก
เป็นแขกผู้ชายที่พักอยู่ห้องชั้น 10
คนที่มาด้วยบอกว่าผู้ชายคนนั้นเมา
แล้วก็ออกไปสูบบุหรี่ที่ระเบียง
ก็ไม่รู้ว่าไปทำท่าไหนถึงเสียหลักแล้วก็พลัดตกลงมา
แต่ที่สำคัญคือเขาบอกว่า
ร่างของเขาไม่ได้ตกลงไปที่พื้น
แต่ดันไปพาดอยู่ที่ระเบียงห้องพักของชั้นถัด ๆ ลงมา
ซึ่งพี่เขาก็ไม่รู้ว่าเป็นห้องไหน
จากเหตุการณ์ที่เจอกันมา
นาวกับต่ายก็เดากันว่า
ห้องที่ร่างนั้นตกลงมา
อาจจะเป็นห้องที่พวกเราพักกันก็ได้
...
พวกเราก็ไม่ได้โทษอะไรทางโรงแรมหรอกค่ะ
ถือซะว่าพวกเราซวยเอง
เพราะเท่าที่ฟัง ๆ มา
ถ้ามีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น
ทางโรงแรมก็น่าจะปิดห้องนั้นเอาไว้ไม่ให้แขกพัก
แต่ตอนนั้นที่ต้องเปิด
คงเพราะว่ามีการจัดคอนเสิร์ตขึ้น
และต้องการให้มีห้องพักเพียงพอสำหรับรองรับคนที่จะมา
คนที่โดนแจ็กพอตไปได้ห้องเจ้าปัญหา
ก็เลยกลายเป็นพวกเราไป
เหตุการณ์นี้มันก็เลยทำให้นาวกับต่ายจำไม่มีวันลืม
เพราะมันมีหลายอารมณ์มาก
ทั้งความสุข ทั้งความหลอนขนหัวลุก
ถ้ากดบัตรคอนได้แล้วต้องไปเจออะไรแบบนี้
ทุกคนคิดว่ามันคุ้มมั้ย
...จบ...
เรื่องโดย ลานฝึกผี
ภาพโดย Copilot
บันทึก
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย