เมื่อวาน เวลา 00:00 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี

🤝 ไม่ใช่เรื่องไกลตัว! ชายอัมพาตควบคุม-รู้สึกผ่านมือคนอื่นได้ ด้วย "รากฟันเทียมสมอง"

ลองจินตนาการว่าคุณสามารถสัมผัสสิ่งของต่างๆ ได้... โดยใช้มือของคนอื่นราวกับว่าเป็นมือของคุณเอง! นี่ไม่ใช่พล็อตหนังไซไฟ หรือพลังเทเลพาธีเหนือธรรมชาติ แต่มันคือความสำเร็จครั้งล่าสุดของวงการแพทย์ ที่อาจเปลี่ยนชีวิตผู้ป่วยอัมพาต และเปิดประตูสู่การ “เชื่อมต่อประสบการณ์” ระหว่างมนุษย์ในแบบที่เราไม่เคยคาดคิดมาก่อน
“เราได้สร้างการเชื่อมต่อระหว่าง จิตใจ-กับ-ร่างกาย ของคนสองคนที่แตกต่างกัน” แชด บูตอง (Chad Bouton) จากสถาบัน Feinstein Institutes for Medical Research ในนิวยอร์กกล่าว
🔗 เรื่องราวของคีธ โทมัส: ความหวังที่ฝังในสมอง
หัวใจของเรื่องราวนี้คือ คีธ โทมัส (Keith Thomas) ชายวัย 40 กว่า ที่เป็นอัมพาตตั้งแต่ช่วงอกลงไปหลังจากอุบัติเหตุ เขาไม่สามารถเคลื่อนไหวหรือรับความรู้สึกใดๆ ที่มือได้เลย
แต่ในปี 2023 ทีมวิจัยได้ทำการผ่าตัดฝังชุดขั้วไฟฟ้าขนาดจิ๋ว (electrodes) เข้าไปในสมองส่วนที่ควบคุมการเคลื่อนไหวและความรู้สึกของมือขวาของเขา ทำให้อ่านสัญญาณประสาทของเขาได้
ด้วยการส่งสัญญาณเหล่านี้ไปยังคอมพิวเตอร์ที่ใช้ AI ถอดรหัส แล้วส่งคำสั่งแบบไร้สายไปยังขั้วไฟฟ้าที่แปะอยู่บนแขนของโทมัส เขาก็สามารถใช้ “ความคิด” เพื่อสั่งให้กล้ามเนื้อหดและคลายตัว ขยับมือของตัวเองได้เป็นครั้งแรกในรอบหลายปี! ยิ่งไปกว่านั้น เซ็นเซอร์ที่ติดอยู่บนมือของเขายังส่งสัญญาณ “การสัมผัส” กลับไปยังรากฟันเทียมในสมอง ทำให้เขารู้สึกเหมือนได้จับวัตถุนั้นจริงๆ
🕹️ ก้าวข้ามขีดจำกัด: ควบคุมและรู้สึกผ่านร่างผู้อื่น
นี่คือจุดที่เรื่องราวก้าวไปสู่พรมแดนใหม่... ทีมวิจัยได้ทดลองให้โทมัสใช้ระบบเดียวกันนี้ เพื่อควบคุมและรับความรู้สึกผ่านมือของคนอื่น!
Human avatar experimental paradigm for object grasping and sensory discrimination.
ในการทดลองหนึ่ง ผู้หญิงคนหนึ่งได้สวมขั้วไฟฟ้าที่แขนและเซ็นเซอร์รับแรงกดที่นิ้ว... และในขณะที่เธอไม่ได้พยายามขยับมือเลยแม้แต่น้อย โทมัสสามารถใช้ความคิดของเขาสั่งให้มือของผู้หญิงคนนั้นกำและแบได้
ที่น่าทึ่งยิ่งกว่านั้นคือ เขาสามารถรับรู้ความรู้สึกผ่านเซ็นเซอร์บนมือของผู้หญิงคนนั้นกลับมายังสมองของเขาเองได้! เขาสามารถบอกความแตกต่างระหว่างลูกเบสบอล, ลูกบอลโฟมนุ่มๆ และลูกบอลที่แข็งกว่าได้ในขณะที่ปิดตาอยู่ แม้จะมีความแม่นยำเพียง 64% ซึ่งบูตองเชื่อว่าจะพัฒนาให้ดีขึ้นได้
“มันรู้สึกแปลกมากๆ เลยครับ” โทมัสกล่าว “แต่ในที่สุด คุณก็จะชินกับมันไปเอง”
🌈 ไม่ใช่แค่เรื่องไซไฟ แต่คือการฟื้นฟูที่มีชีวิตชีวา
เทคโนโลยีนี้ก็ไม่ได้หยุดอยู่แค่การทดลองที่น่าทึ่ง มันได้ถูกนำไปใช้เพื่อช่วยเหลือผู้อื่นแล้วจริงๆ
ในการทดลองอีกชิ้น โทมัสได้ช่วย เคธี เดนาโปลี (Kathy Denapoli) ผู้หญิงอีกคนที่เป็นอัมพาต ให้สามารถหยิบกระป๋องเครื่องดื่มขึ้นมาดื่มได้สำเร็จ ซึ่งเป็นสิ่งที่เธอทำเองได้ยากมาก และหลังจากที่ได้ทำงานร่วมกับโทมัสเพียงไม่กี่เดือน แรงบีบมือของเดนาโปลีก็เพิ่มขึ้นเกือบสองเท่า!
แม้ว่าการฟื้นฟูด้วยวิธีอื่นอาจให้ผลลัพธ์คล้ายกัน แต่ทั้งโทมัสและเดนาโปลีต่างก็พบว่าการทำงานร่วมกันนั้นมีส่วนร่วมและสร้างกำลังใจได้มากกว่าการทำกายภาพบำบัดเพียงลำพัง
“มันมีประโยชน์มากที่ได้คุยกัน ถามไถ่สารทุกข์สุกดิบ มันทำให้คุณรู้สึกดีกับตัวเอง และทำให้พวกเขารู้สึกดีกับตัวเองด้วย” โทมัสกล่าว
⚔️ ดาบสองคมแห่งอนาคต
แน่นอนว่าเทคโนโลยีที่ทรงพลังเช่นนี้ย่อมมาพร้อมกับคำถามเชิงจริยธรรมที่ซับซ้อน บูตองยอมรับว่ายังต้องมีการถกเถียงและวางกรอบอีกมาก ก่อนที่เทคโนโลยีนี้จะได้รับการอนุมัติให้ใช้ในวงกว้างทางการแพทย์
เขาก็ยังมองไปไกลกว่านั้น... ในทางทฤษฎี เทคโนโลยีนี้อาจมีการใช้งานนอกเหนือจากทางการแพทย์ เช่น การทำให้คนปกติสามารถควบคุมและรับความรู้สึกผ่านร่างของคนอื่นจากระยะไกลได้ “นี่อาจเป็นหนทางใหม่ให้มนุษย์เชื่อมต่อกันในอีกระดับหนึ่งเลยก็ได้”
แน่นอนว่านั่นยิ่งเปิดประเด็นคำถามที่ใหญ่กว่าเดิม “มันดีหรือไม่ดีต่อสังคมกันแน่ ที่ผู้คนจะสามารถควบคุมและรู้สึกผ่านคนอื่นได้?” ฮาริธ อักรัม (Harith Akram) จาก University College London Hospitals กล่าว “คุณลองจินตนาการดูสิว่าคุณอาจจะใช้มันทำร้ายคนอื่นผ่านร่างกายของเขาเอง หรือก่ออาชญากรรมโดยควบคุมร่างกายคนอื่น แล้วบอกว่า ‘ไม่ใช่ฉัน’”
🏡 มองเทคโนโลยีโลก สู่การแพทย์ไทย
แม้จะยังอยู่ในขั้นทดลองและเต็มไปด้วยคำถาม แต่ความก้าวหน้านี้ก็สะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพอันไร้ขีดจำกัดของเทคโนโลยีประสาทเทียม (Neurotechnology) ซึ่งเป็นสาขาที่ประเทศไทยเองก็มีบุคลากรที่มีความสามารถและกำลังทำการวิจัยอยู่เช่นกัน
การพัฒนาเทคโนโลยีที่สามารถ “เชื่อมต่อ” สมองเข้ากับร่างกายหรือแม้กระทั่งสมองของผู้อื่นได้นี้ คือภาพอนาคตของการแพทย์ที่เราต้องจับตามองอย่างใกล้ชิด และเตรียมพร้อมรับมือทั้งในแง่ของโอกาสและความท้าทายเชิงจริยธรรมที่จะตามมา
🎯 สรุปประเด็นสำคัญ
✅ สัมผัสผ่านร่างผู้อื่น: ชายอัมพาตสามารถใช้รากฟันเทียมในสมอง เพื่อควบคุมและรับความรู้สึกสัมผัสผ่านมือของคนอื่นได้สำเร็จเป็นครั้งแรก
✅ เทคโนโลยีเชื่อมสมอง: ระบบนี้ทำงานโดยการอ่านสัญญาณสมองของผู้ป่วย, ใช้ AI แปลผล แล้วส่งคำสั่งไปยังขั้วไฟฟ้าที่แขนของอีกคน พร้อมส่งสัญญาณสัมผัสกลับมายังสมองของผู้ป่วย
✅ ศักยภาพในการฟื้นฟู: เทคโนโลยีนี้ไม่เพียงแต่น่าทึ่ง แต่ยังแสดงให้เห็นถึงศักยภาพในการเป็นเครื่องมือช่วยฟื้นฟูผู้ป่วยอัมพาตที่มีส่วนร่วมและสร้างกำลังใจได้ดีกว่าเดิม
✅ คำถามเชิงจริยธรรม: ความก้าวหน้านี้ได้จุดประกายคำถามเชิงจริยธรรมที่สำคัญเกี่ยวกับอนาคตของการเชื่อมต่อระหว่างมนุษย์ และความเป็นไปได้ในการนำไปใช้ในทางที่ผิด
💬 แล้วคุณล่ะครับ...
ถ้าเทคโนโลยีนี้ถูกพัฒนาจนสมบูรณ์... คุณอยากจะลอง ‘เชื่อมต่อ’ และสัมผัสประสบการณ์ผ่านร่างกายของใคร หรืออยากจะลองทำอะไรเป็นสิ่งแรกครับ?
🔎 แหล่งอ้างอิง
1. Cater, E., et al. (2025). Cortically Interfaced Human Avatar Enables Remote Volitional Grasp and Shared Discriminative Touch. medRxiv. http://doi.org/p9hb
🙏 ถึงผู้อ่านทุกท่าน
ผมตั้งใจทำเนื้อหาเชิงสารคดีในเพจนี้ขึ้นมา เพื่อสร้างพื้นที่แห่งความรู้ที่เข้มข้นและเข้าถึงง่ายสำหรับทุกคน เนื้อหาทุกชิ้นเกิดขึ้นจากการค้นคว้าและเรียบเรียงอย่างสุดความสามารถโดยไม่มีองค์กรใดสนับสนุน
ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาตั้งแต่เดือนเมษายน ผมมีความสุขที่ได้แบ่งปันเรื่องราวต่างๆ และใช้ทุนทรัพย์ส่วนตัวในการดำเนินงานมาโดยตลอดด้วยความเต็มใจ แต่เมื่อเพจยังไม่มีรายได้เข้ามาเลย การที่จะสร้างสรรค์ผลงานดีๆ ต่อไปในระยะยาวก็เป็นเรื่องที่ท้าทายมากขึ้นทุกที
หากคุณชื่นชอบและเห็นคุณค่าของงานที่ผมทำ การสนับสนุนเล็กๆ น้อยๆ จากคุณจะเป็นพลังสำคัญอย่างยิ่ง เปรียบเสมือน 'ค่ากาแฟ' ที่ช่วยต่อลมหายใจ และทำให้ผมสามารถเดินหน้าสร้างสรรค์ผลงานคุณภาพต่อไปได้ เพื่อให้พื้นที่แห่งการเรียนรู้ของเรายังคงอยู่
ผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้รับความเมตตาจากทุกท่าน เพื่อให้เพจนี้ได้เดินต่อไปครับ
Link สนับสนุนค่ากาแฟ [https://ezdn.app/witlyofficial]

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา