Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
“วันละเรื่องสองเรื่อง”
•
ติดตาม
25 ต.ค. เวลา 03:34 • หุ้น & เศรษฐกิจ
🇹🇭 เศรษฐกิจแห่งการสานต่อ
ทำไม “การปรับตัว” จึงคือการถวายพระเกียรติสูงสุดในยามนี้?
เพราะการ “ยกเลิกทุกอย่าง” อาจไม่ใช่คำตอบที่ถูกต้อง และนี่คือยุทธศาสตร์ที่ภาครัฐ เอกชน และประชาชนสามารถร่วมกันนำพา เพื่อเปลี่ยนความหดหู่ให้กลายเป็นพลังในการ “สานต่อ” คุณค่าของชาติ
====
💥 “บทเรียนจากความสับสน” เมื่อความตั้งใจดีอาจทำร้ายเศรษฐกิจโดยไม่รู้ตัว?
* ในช่วงเวลาแห่งความสูญเสียของคนทั้งชาติ สิ่งที่เกิดขึ้นพร้อมกันคือ “ความสับสน” ว่าควรแสดงความอาลัยอย่างไรให้เหมาะสม?
* หลายองค์กรเลือกทางที่ดูปลอดภัยที่สุด คือ “เตรียมยกเลิกทุกกิจกรรม” ด้วยเหตุผลแห่งความเคารพ แต่ในอีกมุมหนึ่ง การหยุดนิ่งเช่นนี้กลับสร้างผลกระทบต่อเศรษฐกิจ วงจรธุรกิจ และแรงงานนับล้านคนโดยไม่ได้ตั้งใจ?
* ผู้จัดอีเวนต์หลายรายเริ่มกังวลถึงการยกเลิกงานที่เตรียมไว้เป็นแรมเดือน ร้านอาหารต้องคืนเงินมัดจำ พนักงานอิสระหรือฟรีแลนซ์ไม่มีรายได้ ธุรกิจขนาดเล็กที่อยู่ปลายน้ำของห่วงโซ่เศรษฐกิจจึงได้รับผลกระทบเป็นลูกโซ่โดยไม่ทันตั้งตัว ความตั้งใจดีในการ “ไว้ทุกข์” จึงอาจกลายเป็นแรงกระแทกที่ทำให้เศรษฐกิจชะงักงัน
ซึ่งในความเป็นจริง “การแสดงความอาลัย” ไม่จำเป็นต้องเท่ากับ “การหยุดทุกอย่าง” การปรับตัวอย่างมีสติและศิลปะ คือการแสดงความจงรักภักดีอย่างมีเกียรติ และในขณะเดียวกัน ก็ช่วยคงเสถียรภาพทางเศรษฐกิจไว้ได้ด้วย
====
⚖️ ความจริงที่ต้องทำความเข้าใจร่วมกัน? “สังคมไทยต้องมองให้ครบทุกมิติ”
1. ข้อเท็จจริงด้านข้อกำหนด — ประกาศสำนักพระราชวังที่ให้ไว้ทุกข์ 1 ปี ครอบคลุมเฉพาะพระบรมวงศานุวงศ์และข้าราชสำนัก ไม่ได้มีผลบังคับใช้กับภาคเอกชน การเข้าใจผิดว่าทุกกิจกรรมต้องยุติจึงเป็นเรื่องที่ควรได้รับการสื่อสารอย่างถูกต้องจากภาครัฐ เพื่อไม่ให้เกิดการตีความเกินขอบเขต
2. ข้อเท็จจริงด้านเศรษฐกิจ — เศรษฐกิจไทยเปราะบางในหลายมิติ ทั้งการบริโภคภายในประเทศที่ชะลอตัวและการท่องเที่ยวที่ยังไม่ฟื้นเต็มที่ การหยุดกิจกรรมทางเศรษฐกิจ เช่น งานอีเวนต์ คอนเสิร์ต หรืองานประชุมธุรกิจ จึงไม่ได้กระทบเฉพาะผู้จัดงาน แต่ส่งผลถึง SME ร้านอาหาร โรงแรม ร้านค้าปลีก และแรงงานอิสระในระบบซัพพลายเชนทั้งประเทศ การหยุดกิจกรรมเช่นนี้จึงเสมือน “การตัดเส้นเลือดฝอยของประเทศ” ที่หล่อเลี้ยงเศรษฐกิจจริงๆ
3. ข้อเท็จจริงด้านจิตใจและสังคม — ในห้วงเวลาแห่งความโศกเศร้า ประชาชนต้องการพื้นที่ทางใจในการร่วมรำลึก แต่ในขณะเดียวกันก็ต้องการ “ความหวัง” เพื่อก้าวต่อไป การสร้างกิจกรรมที่สงบ เรียบง่าย แต่มีพลังทางจิตใจ จึงสามารถเป็นทั้งการเยียวยาและการขับเคลื่อนสังคมได้พร้อมกัน เช่น การจัดนิทรรศการภาพถ่าย การแสดงศิลปวัฒนธรรมที่สะท้อนคุณงามความดี หรือการจัดเวทีจิตอาสาเพื่อสังคม
4. ข้อเท็จจริงด้านสังคมและคนรุ่นใหม่ — คนรุ่นใหม่เติบโตขึ้นในโลกที่เปิดกว้างและเชื่อในเหตุผล การบังคับให้ทุกคนแสดงออกในรูปแบบเดียวกันอาจสร้างผลสะท้อนในทางลบ การสื่อสารที่เน้น “เหตุผลและความเข้าใจ” มากกว่า “คำสั่งและการห้าม” จะช่วยให้คนรุ่นใหม่รู้สึกมีส่วนร่วมในการแสดงความอาลัยอย่างจริงใจ และยังเป็นการส่งต่อวัฒนธรรมแห่งความเคารพในรูปแบบที่เข้ากับยุคสมัย
5. ข้อเท็จจริงด้านนโยบายและการสื่อสารสาธารณะ — รัฐบาลและสื่อมวลชนมีบทบาทสำคัญในการชี้ทิศทางและสร้างสมดุลระหว่างความเหมาะสมกับความจำเป็นทางเศรษฐกิจ หากสื่อสารชัดเจน ประชาชนจะเข้าใจและปฏิบัติได้อย่างมีเหตุผล โดยไม่รู้สึกว่าความจงรักภักดีต้องแลกด้วยการหยุดชีวิตทั้งหมด
6. ข้อเท็จจริงด้านเทคโนโลยีและสื่อออนไลน์ — โลกดิจิทัลในปัจจุบันสามารถเปลี่ยน “อารมณ์สังคม” ได้ในชั่วข้ามคืน การแชร์ข้อความหรือภาพในเชิงรุนแรงอาจสร้างความเข้าใจผิดได้ง่าย ในทางกลับกัน หากใช้แพลตฟอร์มออนไลน์เพื่อถ่ายทอดเรื่องราวดีๆ เช่น พระราชกรณียกิจ หรือแรงบันดาลใจจากพระราชดำรัส ก็สามารถสร้างพลังบวกและเสริมภาพลักษณ์ประเทศในเวทีโลกได้อย่างงดงาม
====
💡 จาก “การยกเลิก” สู่ “การปรับตัว” = “ถวายพระเกียรติด้วยการสานต่ออย่างมียุทธศาสตร์”
* การจดจำพระมหากรุณาธิคุณไม่ใช่การหยุดนิ่งอยู่กับความเศร้า แต่คือการ “สานต่อสิ่งดีงาม” ที่พระองค์ทรงสร้างไว้ การปรับตัวจึงไม่ใช่การลดความสำคัญของพิธีการ แต่คือการต่อยอดให้ความเคารพนั้นมีชีวิตและมีพลังมากขึ้น
* ภาคธุรกิจสามารถปรับวิธีจัดกิจกรรมให้อยู่ในกรอบความเหมาะสม เช่น การจัดงานรำลึกเชิงศิลปวัฒนธรรม การใช้ดนตรีหรือแสงสีที่เรียบง่าย หรือการจัดนิทรรศการที่สร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้เข้าร่วม ขณะที่สื่อสามารถเปลี่ยนจากการรายงานข่าวเศร้าอย่างต่อเนื่อง มาเป็นการเล่าเรื่องราวการ “สานต่อ” ที่ทำให้ประชาชนรู้สึกภาคภูมิใจและมีกำลังใจที่จะสร้างสิ่งดีงามต่อไป
* ตัวอย่างเช่น จังหวัดท่องเที่ยวสามารถจัด “สัปดาห์แห่งความดีงาม” ที่ผสานนิทรรศการพระราชกรณียกิจเข้ากับงานหัตถกรรมท้องถิ่น เพื่อสร้างรายได้ให้กับชุมชน ขณะที่ภาคเอกชนสามารถร่วมสนับสนุนโครงการสาธารณประโยชน์ เช่น กองทุนการศึกษา โครงการสิ่งแวดล้อม หรือกิจกรรมจิตอาสา เพื่อแสดงความจงรักภักดีผ่าน “การทำประโยชน์จริง” มากกว่าการหยุดเฉยๆ
* สมเด็จพระพันปีหลวงทรงเป็นแบบอย่างแห่งความอ่อนโยน ความงาม และความเข้มแข็ง พระองค์เสด็จฯ ไปทั่วประเทศเพื่อสร้างรอยยิ้มและความหวังให้ราษฎร พระราชจริยวัตรนี้สะท้อนแนวคิดที่ว่า “ความงดงามของชาติอยู่ที่การให้” และนั่นคือสิ่งที่เราทุกคนสามารถสานต่อได้ผ่านการทำงานอย่างมีหัวใจ
====
🧭 ตัวอย่างแนวทางการปรับตัวเชิงสร้างสรรค์ของภาคธุรกิจ จากพิธีกรรมสู่เศรษฐกิจแห่งคุณค่า?
1. จาก “สนุกสุดเหวี่ยง” → สู่ “อิ่มใจและชื่นใจ” — เปลี่ยนจากงานเฉลิมฉลองที่มุ่งความบันเทิงสู่กิจกรรมที่สร้างประสบการณ์ทางวัฒนธรรม เช่น งานดนตรีอคูสติก งานศิลปะที่เชื่อมโยงชุมชน หรือกิจกรรมแสดงศิลป์พื้นบ้านที่ให้คนมีส่วนร่วมได้จริง
2. จาก “เสียงอึกทึก” → สู่ “เสียงหวานเย็นใจ” — ลดความดัง เพิ่มความลึกของอารมณ์ เช่น คอนเสิร์ตการกุศลที่เน้นบทเพลงให้แรงบันดาลใจแทนเสียงพลุและแสงไฟฟู่ฟ่า
3. จาก “พลุเอิกเกริก” → สู่ “แสงไฟแห่งแรงบันดาลใจ” — ใช้เทคโนโลยี เช่น โดรนแปรอักษร หรือแสงเลเซอร์ที่ถ่ายทอดข้อความแห่งความดีงาม แทนการจุดพลุเสียงดัง เพื่อแสดงความเคารพและนวัตกรรมไปพร้อมกัน
4. จาก “ความสุขของเรา” → สู่ “การเผื่อแผ่” — จัดกิจกรรมที่มีองค์ประกอบของการให้ เช่น บริจาครายได้ส่วนหนึ่งเพื่อช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาส หรือสร้างโครงการ CSR ที่ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของคนในชุมชน
5. จาก “งานเฉพาะกลุ่ม” → สู่ “การมีส่วนร่วมของชุมชน” — เปิดพื้นที่ให้ชุมชนท้องถิ่นเข้ามามีบทบาท ทั้งในฐานะผู้จัด ผู้ผลิต หรือผู้ร่วมสร้างกิจกรรม เพื่อให้เกิดเศรษฐกิจหมุนเวียนในพื้นที่จริง
6. จาก “กิจกรรมครั้งเดียว” → สู่ “ความยั่งยืนระยะยาว” — ปรับกิจกรรมให้ต่อยอดได้ เช่น การจัดนิทรรศการถาวร หรือการพัฒนาแบรนด์สินค้าท้องถิ่นที่เกิดจากกิจกรรมรำลึก เพื่อสร้างผลลัพธ์เชิงบวกในระยะยาวทั้งต่อเศรษฐกิจและสังคม เป็นต้น
1
====
✨ ดังนั้น การสานต่อคือเศรษฐกิจแห่งความหวัง?
* การปรับตัวไม่ใช่การลดทอนความอาลัย แต่คือการแปลงความเศร้าให้กลายเป็นพลังสร้างสรรค์ของชาติ
* ธุรกิจในชุมชนสามารถจัด “ตลาดแห่งการสานต่อ” ที่นำเสนอสินค้าท้องถิ่นพร้อมเล่าเรื่องแรงบันดาลใจจากพระราชดำรัสเรื่องความพอเพียงและความเพียร
* ภาครัฐสามารถออกมาตรการสนับสนุน เช่น การลดหย่อนภาษีสำหรับกิจกรรมที่ส่งเสริมคุณค่าทางสังคม หรือโครงการ “เศรษฐกิจวัฒนธรรม” ที่ช่วยกระตุ้นตลาดสร้างสรรค์ให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง
* ในระดับประชาชน การแสดงความอาลัยไม่จำเป็นต้องอยู่แค่ในพิธี แต่เกิดขึ้นได้ผ่านการกระทำในชีวิตประจำวัน เช่น การช่วยเหลือเพื่อนบ้าน การร่วมกันพัฒนาโรงเรียนในชุมชน หรือการปลูกต้นไม้เพื่อสิ่งแวดล้อมในนามการถวายความดี
“การยกเลิก” ไม่ใช่การให้เกียรติ แต่ “การเดินหน้าด้วยหัวใจที่เคารพ” คือการถวายเกียรติอย่างลึกซึ้งและยั่งยืนที่สุด เพราะเศรษฐกิจที่ยังเติบโตได้อย่างมีคุณค่าคือการแสดงออกถึงพลังของชาติที่ไม่ยอมแพ้ต่อความโศกเศร้า แต่เลือกจะเปลี่ยนมันให้กลายเป็นแรงผลักดันสู่อนาคตที่ดีกว่า
#วันละเรื่องสองเรื่อง #เศรษฐกิจ #การปรับตัว #วัฒนธรรม #ภาวะผู้นำ #SoftPower #การไว้ทุกข์ #ประเทศไทย
เศรษฐกิจ
เศรษฐกิจไทย
บันทึก
2
1
1
2
1
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย