25 ต.ค. เวลา 06:12 • ความคิดเห็น
1. เวลาอ่านข่าว หรือเสพเรื่องราวคนอื่น ไม่ว่าเขาจะเป็นใครก็ตาม จะสูงต่ำดำขาว คนลาวหรือคนไทย ดารา หรือนักการเมืองใดๆ เราควรเรียนรู้เพียงว่าเรื่องราวนี้ ได้ให้แง่คิดอะไรกับเรา มากกว่าจะไปตัดสินคนนั้นถูก คนนี้ผิด หรือเลือกจะอยู่ข้างโน้นข้างนี้ หรือเข้าข้างคนโน้นคนนี้ หรือมันจะจบอย่างไร ฝ่ายที่เราเลือกไว้จะชนะหรือแพ้ หรือแม้แต่ช่วยเถียงแทนเขา เพราะมันไม่เกิดประโยชน์กับตัวเราเองเลยสักนิด!
2. ทั้งคุณกัน และส.ส.ไอซ์ รักชนก ต่างทำหน้าที่ของตน เพียงแต่ทั้งคู่โลดแล่นฉายแสงอยู่ในสายตาสาธารณะชน ส.ส.เขต 28 อย่างคุณไอซ์ฯ รับเงินเดือนจากเงินภาษีประชาชน เป็นเงินประจำตำแหน่งเดือนละ 71,230 เงินเพิ่มอีกเดือนละ 42,330
รวมค่าตอบแทนต่อเดือนประมาณ 113,560 เงินเดือนมากขนาดนี้ ก็จะต้องทำหน้าที่ให้สมกับเงินเดือนที่ได้รับ และต้องยอมรับว่าสส.ไอซ์ฯ พยายามทำหน้าที่ตนเองอย่างเต็มที่มาโดยตลอด แม้จะได้รับแรงกระแทกกดดันต่างนานา ถูกก่นด่าใดๆ แต่ในเมื่อเลือกจะเดินเส้นทางนี้ ส.ส.ไอซ์ฯ ก็จะต้องยอมรับให้ได้
3. ส่วนคุณกัน เปิดเพจอาสาช่วยผู้คนมาตั้งแต่ปี'59 จนมาดังเปรี้ยงปร้างราวปี'63 และยิ่งโด่งดัง เมื่อมาทำ Collab กับคุณหนุ่มโหนกระแส และเพิ่งจะเปิดมูลนิธิกันจอมพลังช่วยสู้ เมื่อต้นปีมานี้เอง เพราะผู้คนบริจาคเงินกันอย่างมโหฬารจากกรณีปัญหาชายแดนเขมร ดังนั้นก็เป็นธรรมดาและเป็นเรื่องสมเหตุสมผล เพื่อการบริหารจัดการรายได้จากเงินบริจาค จึงควรจะต้องรีบจดจัดตั้งมูลนิธิเสีย เพื่อให้พ้นตัว
มูลนิธิแทบทุกแห่งสามารถเป็นทางผ่าน
ของแหล่งฟอกเงินได้ทั้งหมด!
.............................
วัตุประสงค์ข้อ 39
โดยหลักการไม่ได้ผิดอะไรเลย ย้ำว่าไม่ผิด!
ที่ระบุจะโอนกรรมสิทธิ์กับมูลนิธิธรรมนัส พรหมเผ่า
.................................
เพราะเป็นการโอนกรรมสิทธิ์มูลนิธิต่อมูลนิธิ
ที่มีวัตถุประสงค์เดียวกัน!
....................................
มูลนิธิกันจอมพลังช่วยสู้
ไม่มีชื่อคุณกันเป็นกก. หรือบริหาร
ก็ไม่ผิด! สามารถทำได้!
เพราะหากเกิดความเสียหายใดๆ
กรรมการ หรือบริหารจะต้องรับผิดทั้งแพ่งและอาญา
เรื่องนี้นักธุรกิจเขาทำกันทั่วโลก
แต่ไม่ว่าอย่างไร คุณกันเอง ก็จะต้องยอมรับการถูกตรวจสอบจากส.ส.ไอซ์ และก็แค่ยอมรับเรื่องความสัมพันธ์กับนักการเมือง ด้วยใจนักเลงวาจาสุภาพพูดไปเลย เพราะที่สุดแล้ว หากคุณกัน จะต้องทำงานเพื่อสังคม ก็จำเป็นต้องมีปฏิสัมพันธ์กับนักการเมือง ซึ่งเป็นเรื่องปกติมากๆ เพื่อให้เกิดความราบรื่นในการประสานงานเร่งรัด
เรายกตัวอย่างให้เห็นภาพง่ายๆ มูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี คุณปวีณา หงสกุล เป็นส.ส. มา 6 สมัย ดังนั้น เรื่องการทำงานเพื่อสังคมก็สะดวกในตัว เพราะคุณปวีณาฯ เป็นส.ส. อยู่แล้ว และยังถือนามสกุลบิดานายทหารเรือ "หงสกุล" อีกคำรบหนึ่ง ดังนั้นการเร่งรัดจึงทำได้ง่าย, มูลนิธิองค์กรทำดี (คุณบุ๋ม ปนัดดา) เธอเป็นดารานางงาม มีผู้คนรู้จัก และแน่นอนเธอเองก็สนิทสนมนักการเมืองหลายต่อหลายคน เธอสามารถจะทำทุกอย่างได้โดยสะดวกเพราะมีนักการเมืองสนับสนุนช่วยเหลือ
แต่คุณกัน เป็นเพียงหนุ่มสู้ชีวิตขายบะหมี่ หน้าตาก็ดันไปดุดันเหมือนนักเลง และยิ่งมีบุคลิกนักเลง กร่าง มั่นอกมั่นใจ ก็ยิ่งถูกผู้คนหมั่นไส้ จับจ้องตรวจสอบเป็นปกติ และให้อย่างไรก็จำเป็นต้องมี Backup ผู้มากบารมี เพื่อเป็นกันชนกับเจ้าหน้าที่รัฐ หรือเจ้าหน้าที่บ้านเมือง ซึ่งไม่ใช่เรื่องแปลก หรือเรื่องผิดแต่อย่างใด
ประเด็นอยู่ที่ คุณกันเลือกจะขี่หลังเสือ
ก็ต้องระวังเสือกัดเอาได้ในภายหลัง ก็เท่านั้นเอง
..............................
โดยสรุปคือ
ต่างคนต่างเลือกจะเดินเส้นทางนี้
ไม่มีใครบังคับคนทั้งคู่ได้
โฆษณา