26 ต.ค. เวลา 14:21 • ท่องเที่ยว
หุบเขาจิ่วจ้ายโกว

ตอนที่ 3 ทริปจิ่วไจ้โกว ทริปท่องเที่ยวหรือทริปฝึกจิต

ตอนที่แล้วลุงหมอได้แอบเก็บความกังวลไว้ในใจอยู่คนเดียว ไม่ยอมคุยกับใครด้วยความกลัวว่าคนอื่นๆในทีมจะหมดสนุก ความกังวลที่เกิดนั้นมีสาเหตุมาจากการปฏิบัติตัวของน้องไกด์นั่นเอง ตั้งแต่วันเริ่มต้นการเดินทางจากกรุงเทพฯ น้องก็ฝากโลชั่นไว้ในกระเป๋าเดินทางของลุงหมอ
และพอถึงเมืองเฉิงตูน้องยังพลาดไปหยิบกระเป๋าเดินทางของผู้โดยสารคนอื่นมาอีก แถมยังบอกกับลุงหมออีกว่า มาจิ่วไจ้โกวครั้งสุดท้ายเมื่อ 2 ปีที่แล้วสนามบินที่มาลงก็ครั้งแรกและวันนี้ก็จะพาพวกเรานั่งรถไฟฟ้าเข้าเมืองไปสถานีรถโดยสารเป็นครั้งแรกอีกด้วย และที่น่ากังวลที่สุดคือเรายังไม่มีตั๋วรถโดยสารไปจิ่วไจ้โกวเลย มันน่ากังวลไหมล่ะครับ
พวกเรานอนบนพื้นริมทางเดินที่บริเวณหน้าทางเข้าสถานีรถไฟฟ้าตั้งแต่ตีสองกว่าๆ จนประมาณตีห้าเห็นจะได้ แต่ละคนก็น่าจะหลับๆตื่นๆ เพราะนอนบนพื้นซีเมนต์มันไม่ได้สบายเลย ลุงหมอเองก็ผุดลุกผุดนั่ง เปลี่ยนท่านอนก็แล้วก็นอนไม่หลับ แต่ก็แอบมีความหวังว่าตอนอยู่บนรถโดยสารช่วงเดินทางไปยังจิ่วไจ้โกวน่าจะพอได้หลับบ้าง
และคงจะหลับกันยาว เพราะว่าต้องใช้เวลาเดินทางเกือบ 10 ชั่วโมงกันเลยทีเดียว และมันก็นานพอจนอาจจะทำให้ใครบางคนเป็นแผลกดทับ ก้นด้านหรือไม่ก็ริดสีดวงแตกบ้างล่ะ แต่ความหวังในส่วนนี้ก็ถูกความกังวลใจในตัวน้องไกด์มาขัดขวางอยู่เรื่อยๆ
และลุงหมอคิดในใจว่าปลอบใจตัวเองว่า เอาน่า มาถึงที่นี่แล้วเป็นไงเป็นกัน อย่างน้อยการนำเที่ยวนี่ก็เป็นงานของน้องไกด์อยู่แล้ว ภาษาจีนเขาก็พูดได้ (อันนี้เดาเอาเอง ลุงหมอยังไม่เห็นและยังไม่ได้ยินน้องเค้าสื่อสารภาษาจีนกับใครเลย) ความผิดพลาดที่ผ่านมามันแค่เรื่องเล็กๆ น้องเค้าต้องพาพวกเราไปรอดอย่างแน่นอน ทำใจให้มันสนุกและมองโลกในแง่ดีบ้าง นี่มันทริปท่องเที่ยวนะไม่ใช่ทริปฝึกจิต
พอใกล้ถึงเวลารถไฟฟ้าเข้าเมืองขบวนแรก พวกเราก็เข้าห้องนำ้ทำธุระส่วนตัว ล้างหน้าแปรงฟัน เพื่อเตรียมออกเดิมทาง ใกล้จะหกโมงแล้ว แต่ว่าประตูทางเข้าสถานียังไม่มีวี่แววว่าจะเปิด แต่ดีหน่อยที่ยังมีพี่ รปภ.เดินไปเดินมาและมีเจ้าหน้าที่ที่ทำหน้าเอ็กซ์เรย์ตรวจกระเป๋าทยอยกันมาประจำที่กันบ้างแล้ว พอให้เราใจชื้นขึ้นมาหน่อย
ใกล้เวลาผจญภัยของเราแล้ว สักพักใหญ่เจ้าหน้าที่ก็เปิดที่กั้นประตูเพื่อให้พวกเราเข้าไปที่สถานีรถไฟฟ้า เราลากกระเป๋าลงไปตามบรรไดเลื่อนและตรงไปที่เครื่องขายตั๋วอัตโนมัติ น้องไกด์เช็คว่าเราต้องลงที่สถานีไหนเพื่อให้ไปถึงสถานีรถโดยสาร นั่นไงอย่างน้อยน้องเค้าก็มีการวางแผนการเดินทางมาอย่างดี หายห่วงแล้วหนึ่งเปราะ
แต่ว่าพวกเราเสียเวลาในจุดนี้นานมาก เพราะว่าหลังจากที่เรากดซื้อตั๋วแล้ว เครื่องไม่รับเงินหยวนที่เราแลกมาเลย ลองซื้อโดยการใช้บัตรเครดิตก็ไม่สำเร็จ จะเดินไปถามที่ประชาสัมพันธ์ก็ไม่มีใครอยู่ จะเดินไปหาเคาท์เตอร์ขายตั๋วก็อยู่ตรงไหนก็ไม่รู้ คุณคุณลองนึกภาพคน 9 คนยืนรุมตู้ขายตั๋วอัตโนมัติอยู่นานมาก สักพักก็เปลี่ยนตู้พอไม่สำเร็จก็กลับมาตู้เดิมซำ้ไปมาอยู่แบบนี้หลายรอบ
และที่สำคัญเราก็ต้องสลับกันออกมาทำหน้าที่เฝ้ากระเป๋าเดินทางทั้งหมดของพวกเราด้วย เดี๋ยวหาย จะซวยเอา ถ้ายังเป็นแบบนี้อยู่เราจะทันขึ้นรถไฟฟ้าเที่ยวแรกไหมนะ ลุงหมอเองก็เดินไปที่จุดประชาสัมพันธ์หลายรอบก็ไม่มีใครอยู่ที่นั่นเลย จนในที่สุดน่าจะเป็นน้องไกด์ที่ไปหาที่ซื้อตั๋วจนได้มาแจกให้กับพวกเรา คุณงามความดีของน้องเริ่มปรากฏออกมาแล้ว ไชโย
และลุงหมอก็ถ่ายรูปชื่อสถานีไว้และสังเกตเห็นว่ามันมีรูปบอกไว้ว่าเป็นสถานีที่เชื่อมกับ อาคารผู้โดยสารของสนามบินเฉิงตู ในส่วนของสถานีนี้ก็มีประเด็นให้เล่าตอนขากลับอีกทีครับ ลุงหมอจำได้ไม่มีวันลืม ฮ่าฮ่าฮ่า
หลังจากที่พวกเราลากกระเป๋า และยกกระเป๋าอันหนักอึ้งขึ้นเครื่องแสกนก่อนเดินเข้าเดินออกจากสถานีรถไฟฟ้าเพื่อเชื่อมไปรถไฟฟ้าอีกสายหนึ่งหลายต่อหลายรอบ ก็มีรอบหนึ่งที่เจอแจ๊คพอต กระเป๋าของพี่สถิตย์ไม่สามารถผ่านจุดแสกนกระเป๋าได้ เพราะว่ามีของที่ดูในเอ็กซ์เรย์แล้วรูปร่างคล้ายปืน
ก็ต้องมีการเปิดกระเป๋าให้เจ้าหน้าที่ดู สุดท้ายก็ผ่านไปได้เพราะไม่มีอาวุธอะไรเลย แต่มันก็ทำให้เรางง เพราะผ่านแสกนมาตั้งหลายรอบไม่ยักเจออะไรน่าสงสัย พวกเราใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมงก็มาถึงสถานีกลางซึ่งเป็นจุดที่สถานีรถโดยสารตั้งอยู่
หลังจากลงจากรถไฟฟ้ามาก็สัมผัสกับอากาศอันเย็นฉ่ำของเมืองเฉิงตู สมาชิกทุกคนก็ลากกระเป๋ามาหยุดยืนรวมตัวกันที่หน้าจุดขายตั๋วส่งยิ้มให้กันอย่างมีความสุข พวกเรามาถึงแล้ว
ผมเดินไปที่ช่องขายตั๋วพร้อมกับน้องไกด์ ในนาทีนี้แหละที่ความกังวลใจเรื่องตั๋วรถโดยสารไปจิ่วไจ้โกวของผมจะได้รับคำตอบแล้ว เราจะได้ตั๋วหรือเปล่านะ น้องพูดภาษาจีนกับเจ้าหน้าที่ขายตั๋วสักพักหนึ่งน้องก็หันมาบอกกับผมว่า “เจ้าหน้าที่บอกว่าวันนี้ตั๋วรถโดยสารไปจิ่วไจ้โกว หมดแล้ว ตั๋วหมดแล้ว รถเต็มทุกเที่ยวแล้วครับ”
คุณคุณครับ ผมนี่จะเป็นลมเสียให้ได้ ไม่รู้จะโกรธหรือเศร้าหรืออะไรดี จะต่อว่าน้องยังไงดี สุดท้ายก็ทำได้แค่ เงียบ และคิดในใจ นั่นไง กูว่าแล้วเชียว ตอนนี้ลุงหมอทำได้เพียงเดินหันหลังกลับและเดินไปสมทบกับสมาชิกคนอื่นๆ เพื่อ แจ้งข่าวร้ายนี้ต่อ พอสมาชิกทุกคนได้รับทราบก็อึ้งไป ได้แต่ถามว่าจริงหรือ ไม่มีจริงๆหรือ
จากนั้นก็ปรึกษากันว่า เราจะทำอย่างไรกันดี ที่พักที่จิ่วไจ้โกวคืนนี้ก็จองไว้เรียบร้อยแล้วและตั๋วเข้าชมจิ่วไจ้โกวก็จองแล้วด้วย หรือว่าวันนี้เราจะเที่ยวในเฉิงตูก่อน ยอมทิ้งโรงแรมที่จองไว้ และหาที่พักคืนนี้ใหม่ วันนี้ช่างมัน
สมาชิกส่วนใหญ่ทั้งพี่สถิตย์ พี่จี พีนิด พี่ปู น้องเมย์ ผมและภรรยาจะไม่ค่อยแสดงสีหน้าไม่พอใจเท่าไหร่ ยกเว้นคนสุดท้าย อาจารย์แป๋ว หน้าเธอนี่บึ้งอย่างแรง ลุงหมอยังกลัวว่าเธอจะกินหัวน้องไกด์แน่ๆ แต่ผมคิดผิด เพราะทุกคนต่างช่วยคิดหาวิธีการต่าง ๆเพื่อแก้ไขสถานการณ์ ลุงหมอกับพี่สถิตย์ก็ยังไม่ยอมแพ้ ยังมีหวังว่าจะได้ตั๋วจึงพากันเดินกลับไปที่ช่องขายตั๋วอีกที เผื่อว่าน้องไกด์จะแปลผิด
ลุงหมอถามพนักงานขายตั๋วว่ามีตั๋วรถโดยสารไปจิ่วไจ้โกวไหม เค้าตอบกลับมาว่า มีคะออกเดินทางพรุ่งนี้เช้า(เค้าไม่พูดภาษาอังกฤษนะครับ เค้าใช้วิธีชี้ไปที่ปฏิทิน) และพอจะถามว่ามีสถานีรถโดยสารที่อื่นไหมเขาก็ไม่เข้าใจเราซะงั้น
จากนั้นเราก็ชวนกันไปหาที่นั่งภายในสถานีรถโดยสารแบบกล้าๆกลัวๆ เพราะเขามี รปภ.อยู่ทางเข้าพอดีและคอยถามคนที่เดินผ่านว่าจะไปไหน(อันนี้เดาเอาจากท่าทางการขอดูตั๋วโดยสาร และทุกคนก็ยื่นให้แกดู) เกรงว่าเขาจะอนุญาตเฉพาะผู้โดยสาร
สุดท้ายเราก็ตัดสินใจเดินเข้าไปหาที่นั่งจนได้ ณ เวลานั้นเราก็ได้คุยกับน้องไกด์ว่าพวกเราตัดสินใจจะเดินทางไปจิ่วไจ้โกวตามแผนที่วางไว้ ให้น้องพยายามหารถเช่าหรือรถโดยสารเหมาก็ได้ ไม่เกี่ยงราคา ไหนๆก็ไหนๆแล้ว เราจะต้องเดินทางวันนี้ให้ได้ นี่เป็นความผิดของน้องที่จัดการไม่รอบคอบ น้องต้องแก้ปัญหานี้ ไม่งั้นพวกพี่ไม่ยอมแน่
หลังจากนั้นน้องไกด์ก็หายตัวออกไปจากสนานีรถโดยสาร เพื่อหาวิธีเดินทาง ส่วนพวกเราก็นั่งคุยกัน บ้างก็นั่งเล่นเกมส์ พอหิวก็เดินออกไปหน้าสถานีเพื่อซื้อขนมกินเพื่อหยุดความหิว นอนก็แล้ว นั่งก็แล้ว เดินก็แล้วก็ยังไม่มีวี่แววว่าน้องไกด์จะกลับมา ลุงหมอแอบคิดเล่นๆอีกแล้วว่า น้องอาจจะหนีพวกเราไปแล้วก็ได้ และถ้าเป็นอย่างนั้น พวกเราจะทำอย่างไรกันดีนะ แต่ที่แน่ๆ ถ้าเป็นแบบนั้นจริง ลุงหมอว่าน้องคงจบไม่สวยแน่
ปล.สาเหตุที่เราไม่มีตั๋วล่วงหน้านั้น น้องไกด์บอกลุงหมอว่า ตอนนั้นไม่มีบริการขายตั๋วรถโดยสารออนไลน์ เราสามารถซื้อล่วงหน้าได้แต่ต้องมาซื้อด้วยตัวเองที่สถานีนั่นเอง...
ขอบคุณที่จะอ่านตอนต่อไปครับ
โฆษณา