27 ต.ค. เวลา 04:36 • ปรัชญา
คำตอบต่อปัญหานี้น่าจะเกียวเนื่องกับวิชาตรรกวิทยานะคะ เพราะถามถึงการยอมรับว่าอะไรจริงควรมีข้อมูลมากน้อยเท่าไหร่ หรือถ้าเชื่อมโยงกับวิชาตรรกวิทยาก็คือ ข้อสรุปจะเป็นจริง ต้องเกิดจากข้ออ้างอย่างไร
คำตอบแรกคือข้อมูลหรือข้ออ้างเพียงข้อเดียวที่เป็นจริง ก็ทำให้เราแน่ใจได้เลยว่าข้อสรุปของเราเป็นจริงแน่นอน นี่คือธรรมชาติของการใช้วิธีนิรนัย(Deductive Reasoning)มาช่วยในการสรุปความจริง
แต่ข้ออ้างเพียงข้อเดียวของวิธีนี้ไม่ธรรมดา เพราะมันต้องเป็นข้ออ้างที่กินความกว้าง เป็นสากล และยอมรับกันว่าจริง เช่น ข้ออ้างประเภทระดับ*คนทุกคนต้องตาย* หรือ *การเกิดเป็นทุกข์และนำมาซึ่งทุกข์โดยสภาพและทุกข์จรอีก 11 ทุกข์* จากข้ออ้างแบบนี้ เราสามารถแน่ใจได้เลยว่า วันนึงเราต้องตาย และชีวิตของเราจะมีทุกข์ 11 ชนิดในชีวิตของเรา
อีกวิธีหนึ่งต้องใช้เคสจริงที่เกิดขึ้นแล้ว เป็นข้อมูลหรือข้ออ้างที่จะทำให้เราหายสงสัยในข้อสรุปของเรา เช่น คนในตระกูลเครือญาติเดียวกันล้วนป่วยเป็นมะเร็งทั้งสิ้น เราก็น่าจะสรุปได้ว่า เราจะป่วยด้วยโรคมะเร็ง วิธีการนี้เรียกว่าวิธีอุปนัย ( Induction Reasoning)
วิธีอุปนัยต่างจากวิธีนิรนัย อย่างแรกเลยข้อมูลคือสิ่งที่เป็นจริงแล้วหลายเคส ยิ่งมากเคส ข้อสรุปของเราก็น่าจะจริง ข้อสังเกตคือแค่น่าจะจริง เพราะสิ่งทีสรุปยังไม่เกิด เราอาจจะเป็นหรือไม่เป็นมะเร็งก็ได้
1
วิธีอุปนัย จึงเป็นวิธีของการสรุปที่ไม่อาจฟันธงได้ว่าจริง100% มันแค่บอกได้ว่าอาจจริง และมันไม่อาจระบุได้ว่า ข้อมูลจะต้องมากน้อยแค่ไหน บอกได้ว่า ยิ่งมากยิ่งดี เป็นข้อมูลที่มีคุณภาพ เป็นข้อมูลที่ตรงกับเรื่องที่ต้องการสรุป นี่คือวิธีที่ใช้ในการวิจัย ในการทำโพลต่างๆ ที่คนได้รับผลไม่ดีจากการทำโพล จึงออกมาพูดได้เสมอคือมันก็แค่โพล
1
โดยสรุป วิธีนิรนัยนั้นใช้ข้อมูลเดียว แต่ข้อมูลนั้นมันเป็นกฏทั่วไป เป็นสากล เราสามารถแน่ใจความจริงของข้อสรุป วิธีอุปนัยต้องใช้หลายข้อมูล และมันเป็นข้อมูลเป็เคสๆที่เกิดขึ้นแล้ว แม้มันจะจริงและมาก มันก็ไม่พอที่จะยืนยันถึงข้อสรุปจะเป็นจริงได้ร้อยเปอร์เซ็นต์แต่อย่างใด
1
โฆษณา