วันนี้ เวลา 03:30 • หุ้น & เศรษฐกิจ

ลิกเตนสไตน์ บริษัทในคราบประเทศ เล็กกว่าภูเก็ต แต่รวยระดับโลก

“บริษัทในคราบประเทศ” คือโมเดลการพัฒนาของลิกเตนสไตน์
ประเทศที่เราแทบมองไม่เห็นบนแผนที่โลก
เพราะด้วยขนาดที่เล็กแค่ 158 ตารางกิโลเมตร เล็กกว่าจังหวัดภูเก็ตของไทย กว่าเท่าตัว แถมยังขนาบข้างด้วยสวิตเซอร์แลนด์และออสเตรีย ที่ใหญ่กว่าประเทศตัวเองหลายเท่าตัว
แม้พื้นที่นิดเดียว แต่ก็สามารถพัฒนาตัวเองจนกลายเป็นหนึ่งในประเทศที่รวยสุดในโลก เพราะใน 1 ปี รายได้เฉลี่ยต่อหัวของประชากรในประเทศมากถึง 6.8 ล้านบาท
โมเดลบริษัทในคราบประเทศ ช่วยให้ลิกเตนสไตน์รวยได้อย่างไร ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
ลองหลับตาลง แล้วจินตนาการว่า ถ้าเราอยู่ในประเทศที่
- ถูกล้อมรอบด้วยอีกหลายประเทศ
- ไม่ติดทะเล
- ยากจน
- ไม่มีทรัพยากรธรรมชาติมีค่า
- ปลูกพืชได้บ้างนิดหน่อย ด้วยพื้นที่แค่ 15 ตารางกิโลเมตร
นี่คือสภาพของลิกเตนสไตน์เมื่อ 100 กว่าปีก่อน ซึ่งถ้ามองแค่นี้ ก็คงไม่เห็นว่าประเทศนี้จะพัฒนาไปทางไหนดี
1
แต่ปัจจุบัน ลิกเตนสไตน์กลายเป็นประเทศที่รวยได้ ด้วยการใช้โมเดลที่เรียกว่า “บริษัทในคราบประเทศ”
1
เหตุผลที่เรียกแบบนี้ ก็เพราะว่าลิกเตนสไตน์มีประชากรแค่ 40,000 คนเท่านั้น น้อยกว่าบริษัทระดับโลกอย่าง Microsoft, Apple หรือ Alphabet เจ้าของ Google เสียอีก
2
ซึ่งบริษัทระดับโลกที่มีพนักงานใกล้เคียงประมาณนี้
ก็คงเป็น Nvidia ที่มีพนักงานราว 36,000 คน
1
หรือถ้าเทียบกับบริษัทชั้นนำของไทยอย่าง ปูนใหญ่ SCG ที่มีพนักงานเกิน 50,000 คน
2
ดังนั้น ถ้าจะเรียกลิกเตนสไตน์ว่าเป็นบริษัทในคราบประเทศก็คงไม่ผิดนัก เพราะมีจำนวนประชากรในประเทศที่น้อยมาก
ลิกเตนสไตน์ยังเป็นประเทศที่ทำตัวเหมือนบริษัทมากขึ้นไปอีก เพราะรู้ไหมว่า กว่า 57% ของแรงงานในประเทศ ไม่ใช่คนลิกเตนสไตน์
1
แต่แรงงานเกินครึ่งนี้ถูกเรียกว่า “Commuters” หรือแรงงานข้ามแดนที่เดินทางมาจากสวิตเซอร์แลนด์และออสเตรีย ซึ่งเป็นแรงงานที่มีทักษะสูงจำนวนมาก
1
และด้วยโครงสร้างพื้นฐานที่เชื่อมต่อกันดีอยู่แล้ว ทำให้แรงงานเหล่านี้ สามารถเดินทางไปกลับได้อย่างสะดวก
พอเป็นแบบนี้ ลิกเตนสไตน์จึงได้แรงงานทักษะสูงจากประเทศข้างเคียง มาพัฒนาเศรษฐกิจในประเทศของตัวเองไปอย่างต่อเนื่อง
แต่เรื่องนี้ก็ไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่ได้มาแบบฟรี ๆ เพราะถ้าไม่มีบริษัทหรือฐานการผลิตที่ดึงดูดมากพอ ก็คงไม่มีแรงงานทักษะสูงที่ไหนอยากมาทำงานในประเทศนั้น
1
รัฐบาลลิกเตนสไตน์ก็รู้เรื่องนี้ดี จึงออกนโยบายสิทธิพิเศษให้กับนักลงทุนจากต่างประเทศเพื่อให้มาตั้งบริษัทในประเทศ
อย่างไรก็ตาม ปัญหาที่ตามมาคือลิกเตนสไตน์เป็นประเทศเล็ก
ไม่มีทรัพยากรอะไรที่ได้เปรียบประเทศอื่น
หรือไม่ได้มีแรงงานจำนวนมาก และตลาดผู้บริโภคภายในประเทศขนาดใหญ่รองรับ เหมือนประเทศอื่น เช่น จีน ซึ่งสามารถผลิตสินค้าครั้งละมาก ๆ ออกมาได้ จนผลิตได้ในต้นทุนต่ำ (Economies of Scale)
1
ลิกเตนสไตน์ ที่แทบจะตรงข้ามกับจีนทุกอย่าง ทำให้โมเดลการผลิตสินค้าอุตสาหกรรมจำนวนมากแทบเป็นไปไม่ได้
ในเมื่อผลิตจำนวนมากไม่ได้ ก็ต้องไปผลิตสินค้าที่ราคาแพง
แต่น้อยชิ้นไปเลย ทำให้ลิกเตนสไตน์หันไปจับตลาดสินค้าอุตสาหกรรมที่เน้นคุณภาพสูงแทน
1
ตัวอย่างเช่น สินค้าเฉพาะทางอย่างอุปกรณ์ทางการแพทย์ ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ และเครื่องจักรที่มีความซับซ้อน
2
ซึ่งปัจจุบัน ลิกเตนสไตน์กลายเป็นประเทศที่ครองส่วนแบ่งตลาดเครื่องมือทันตแพทย์กว่า 20% ของทั้งโลกเลยทีเดียว
3
นอกจากภาคอุตสาหกรรมแล้ว ลิกเตนสไตน์ยังวางตัวเองเป็นหนึ่งในธุรกิจให้บริการทางการเงินระดับโลก จึงยิ่งดึงดูดให้แรงงานที่เชี่ยวชาญด้านนี้เข้ามาทำงานอย่างต่อเนื่อง
1
สรุปแล้ว คนที่สร้างให้ลิกเตนสไตน์รวยไม่ใช่คนในประเทศ
แต่ส่วนใหญ่กลับเป็นแรงงานข้ามแดนแทน ทำให้ลิกเตนสไตน์เป็นเหมือนกับบริษัทที่จ้างพนักงานมาทำงานให้ตัวเอง
คำถามคือ ถ้าต้องพึ่งพาแรงงานข้ามแดนมากขนาดนี้ รายได้
ก็ไหลออกไปนอกประเทศอยู่ดี แล้วลิกเตนสไตน์ได้อะไร ?
จริงอยู่ที่แรงงานข้ามแดนจะหอบเงินกลับประเทศตัวเองไปด้วย
แต่ลิกเตนสไตน์ ก็สามารถเก็บภาษีจากคนพวกนี้ได้อยู่ดี
2
ไม่ว่าจะเป็นรายได้ทางตรงอย่างภาษีบุคคลทั่วไป หรือภาษีนิติบุคคลที่เก็บจากบริษัทในประเทศ รวมกันแล้วกว่า 31,000 ล้านบาทในปีที่ผ่านมา
2
นี่ยังไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่มอีก 11,000 ล้านบาท ที่เก็บจากสินค้าทั่วไป ซึ่งแรงงานข้ามแดนพวกนี้ ก็ต้องจับจ่ายใช้สอยในประเทศตัวเองระหว่างวันทำงานอยู่แล้ว
และที่น่าสนใจไปกว่านั้น คือ ลิกเตนสไตน์เป็นประเทศที่ใช้จ่ายน้อยกว่ารายได้มานาน จนมีหนี้สาธารณะราว 1,400 ล้านบาท หรือคิดเป็น 0.5% ของ GDP เท่านั้น
1
เหตุผลหลักมาจากการที่ลิกเตนสไตน์ไม่มีทหาร จึงตัดเงินตรงนี้ออกไปได้เยอะมาก แถมยังตัดสินใจใช้สกุลเงินฟรังก์สวิสมาตั้งแต่ปี 1924 ทำให้ลดต้นทุนเรื่องนโยบายการเงินลงไปด้วย
1
เมื่อไม่ต้องใช้เงินมหาศาลไปกับทหารหรือนโยบายการเงิน
ลิกเตนสไตน์เลยสามารถเน้นใช้จ่ายเรื่องคุณภาพชีวิตของคนในประเทศ เช่น เงินบำนาญ หรือโครงสร้างพื้นฐานแค่อย่างเดียว
3
ทั้งหมดนี้เอง เลยทำให้ลิกเตนสไตน์ยิ่งตอกย้ำว่า นี่ไม่ใช่แค่ประเทศ แต่คือบริษัทในคราบประเทศ ที่ดึงดูดให้คนนอกประเทศ เข้ามาทำงานเพื่อประเทศของตัวเอง
ซึ่งกลายเป็นโมเดลความสำเร็จ ที่ทำให้ประเทศที่เล็กกว่าภูเก็ตของไทย สามารถรวยระดับโลกได้
แต่เรื่องนี้ก็อาจเป็นขั้วตรงข้ามเหมือนกันว่า ถ้าลิกเตนสไตน์
ไม่ได้อยู่ในยุโรปหรือติดกับสวิตเซอร์แลนด์ โมเดลนี้ก็อาจไม่ได้ผลดีขนาดนี้เช่นกัน..
โฆษณา