Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
ลานฝึกผี
•
ติดตาม
27 ต.ค. เวลา 16:31 • บันเทิง
ความตายที่จากมา
...
ผมตายไปแล้ว
มีคนบอกกับผมแบบนั้น
และจนถึงทุกวันนี้คำพูดนี้มันก็ยังก้องอยู่ในหัวผม
...
ชื่อของผมคือโอมครับ
ทุกคนมองเห็นตัวเองกันหรือเปล่า
ไม่ได้หมายถึงการมองเห็นตัวเองผ่านเงาสะท้อนแบบนั้น
ผมจะมาเล่าประสบการณ์หลอนปนไปกับความสงสัยคาใจ
ซึ่งก็ไม่รู้ว่าทุกคนจะเข้าใจมั้ย
และจะมีใครเคยเจอแบบผมบ้างหรือเปล่า
...
เรื่องราวทั้งหมดต้องย้อนกลับไปเมื่อตอนผมอายุ 9 ปี
ผมค่อนข้างจะเป็นเด็กที่ดื้อคนหนึ่งเลย
ชอบเล่นอะไรห่าม ๆ แผลง ๆ
อาจจะซนเกินเด็กปกติไปหน่อยก็ได้
ผมเป็นลูกคนเดียวครับ
จึงโดนประคบประหงมตามใจจากตากับยายมาตั้งแต่เด็ก
นั่นเลยทำให้ผมเป็นคนที่ค่อนข้างจะเอาแต่ใจ
วันนั้นเป็นช่วงปิดเทอมเดือนเมษายน
พ่อกับแม่เลยพาผมไปเที่ยวทะเลครับ
พวกเราก็ไปตามสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของที่นั่น
แต่ขอไม่บอกนะครับว่าเป็นที่ไหน
พอถึงตอนเย็นก็ได้เวลาเล่นน้ำกัน
...
ชายหาดที่ผมไปนี้
ก็มีคนเยอะระดับหนึ่ง
แต่ก็ไม่ถึงกับหนาแน่นมากเกินไป
ผมกับพ่อก็เปลี่ยนชุดไปเล่นน้ำกันครับ
ส่วนแม่จะนั่งเล่นอยู่ด้านบนและเฝ้าของด้วย
ผมก็สนุกมากครับ
ได้เล่นทั้งบอลชายหาด เล่นน้ำ ก่อปราสาททราย
จนถึงเวลาที่ท้องฟ้าใกล้จะมืดแล้ว
พ่อเลยชวนผมขึ้นไปหาแม่
ในขณะที่พ่อกำลังคุยอะไรกับแม่อยู่
ผมก็หันไปที่ทะเล
เอาตรง ๆ คือผมยังไม่อยากกลับครับ
ผมยังอยากเล่นน้ำต่อ
ผมเลยแอบหยิบเอาลูกบอลและค่อย ๆ ย่องออกมาจากพ่อกับแม่
กะว่าจะไปเล่นต่ออีกหน่อย
ผมก็มาเล่นเดาะบอลในน้ำของผมคนเดียวครับ
รอบข้างก็มีคนอื่นอยู่ประมาณ 3-4 คน
แต่ก็อยู่ห่าง ๆ
ในตอนนั้น...
ผมก็เดาะบอลไปตกบนน้ำ
และมันก็ค่อย ๆ โดนคลื่นพาให้ลอยออกไปในทะเล
ผมก็เลยรีบวิ่งจะเข้าไปเก็บ
แต่วิ่งเท่าไหร่ก็ไม่ถึงบอลสักที
มารู้ตัวอีกทีคือขาผมไม่ถึงพื้นแล้ว
ผมจมน้ำลงไป
เอาจริงผมก็พอจะว่ายน้ำเป็นอยู่ครับ
แต่ด้วยอาการตกใจ
ตอนนั้นผมเลยทำได้แค่ตะเกียกตะกายน้ำ
แต่ยิ่งดิ้นก็เหมือนจะถูกคลื่นดูดห่างจากฝั่งไปเรื่อย ๆ
ผมก็พยายามตะโกนขอความช่วยเหลือ
จนถึงจุดหนึ่งผมก็เหมือนโดนดูดลงไปในทะเล
ขณะที่ผมกำลังจมลงไป
สายตาของผมมองเห็นว่ามีอะไรบางอย่าง
กำลังว่ายเข้ามาหา
พอเข้ามาใกล้จึงเห็นว่าเป็นเด็กผู้ชายคนหนึ่ง
ตอนนั้นผมดีใจมากครับ
คิดว่ามีคนมาช่วยแล้ว
แต่ทว่า...
พอเด็กคนนั้นเข้ามาใกล้
ผมก็มองเห็นใบหน้าของเขาชัด
และมันทำให้ผมตกใจมาก
เพราะใบหน้านั้นมันคือหน้าของผมเอง
...
แล้วแทนที่เด็กนั่นที่มีใบหน้าเหมือนกับผม
จะเข้ามาช่วยผมขึ้นจากน้ำ
เขากลับพุ่งเข้ามากอดผม
จากนั้นก็ดึงผมให้จมลึกลงไปอีก
ผมก็ดิ้นสู้สุดแรง
จนกระทั่งรู้สึกว่าตัวเองเริ่มหมดลมแล้ว
เริ่มจะกินน้ำเข้าไปหลายอึก
จะสะบัดหนียังไงก็ไม่ออก
ในที่สุดผมก็หมดสติไป
แต่ผมจำภาพก่อนที่จะหมดสติได้ดี
เด็กคนนั้นที่มีใบหน้าเหมือนกับผม
เขาจ้องหน้าของผม
และปากเขาก็ขยับเหมือนกำลังพูดอะไรบางอย่าง
แต่ไม่มีเสียง
นั่นคือภาพสุดท้ายก่อนผมจะหมดสติ
ผมฟื้นขึ้นมาอีกทีก็พบว่าตัวเองนอนอยู่ที่โรงพยาบาล
มองไปเห็นแม่กำลังนั่งร้องไห้อยู่ข้างเตียง
“หิวน้ำ... แม่ผมหิวน้ำ”
ผมก็เรียกแม่ออกไปด้วยเสียงแหบ ๆ
พอแม่เจอว่าผมฟื้นแล้ว
แกก็เรียกหมอมาดูอาการผม
ตรวจอย่างละเอียดแล้วก็ไม่พบความผิดปกติอะไร
วันพรุ่งนี้ก็กลับบ้านได้
ผมพึ่งจะรู้ว่าตัวเองหลับไป 3 วันเต็ม
นับตั้งแต่ที่ช่วยขึ้นมาจากน้ำ
แม่เล่าให้ฟังว่า
ได้ยินเสียงตะโกนว่ามีเด็กจมน้ำ
พ่อกับแม่มองหาไม่เจอผม
ก็คิดว่าต้องเป็นผมแน่
โชคดีมากที่แถวนั้นมีคนว่ายน้ำเก่ง
เขาช่วยผมขึ้นมาได้ในสภาพที่หมดสติ
กำลังถูกคลื่นดูดลอยออกไปเรื่อย ๆ
ก่อนจะนำส่งโรงพยาบาล
...
จากนั้นผมก็โดนแม่ด่าชุดใหญ่เลยครับ
จากความซนที่แอบไปเล่นคนเดียวจนเกือบจะเอาชีวิตไม่รอด
วันเวลาก็ผ่านไป
ผมก็กลับมาใช้ชีวิตตามปกติ
ซึ่งมันก็เริ่มจะไม่ปกติแล้วครับ
เริ่มมีคนทักว่าเจอผมอยู่อีกที่หนึ่ง
ทั้ง ๆ ที่ผมก็ยังไม่ได้เดินไปไหน
เช่นว่า...
ผมกำลังนั่งเล่นอยู่ที่สนามเด็กเล่น
เพื่อนคนหนึ่งก็จะเข้ามาถามว่าผมมาตั้งแต่เมื่อไหร่
เพราะเมื่อกี้ตอนที่ออกจากห้องน้ำ
ผมยังเดินสวนเข้าไปในห้องน้ำอยู่เลย
ผมก็บอกไปว่าไม่ได้ไปห้องน้ำเลย
นั่งอยู่ตรงนี้ตลอด
แต่เพื่อนมันก็ยืนยันจริง ๆ ว่าเป็นผมแน่ ๆ ที่เดินสวนกับมัน
แรก ๆ ผมก็คิดว่าเพื่อนมันแกล้งอำ
หรือไม่ก็ตาฝาดไปเอง
แต่มันชักจะเริ่มมีคนเห็นถี่ขึ้น
และที่สำคัญ
มันไม่ใช่แค่เพื่อนหรือเด็ก ๆ ด้วยกันแล้วที่เห็นตัวผมอีกคน
แต่มีคุณครูหรือผู้ใหญ่แถวบ้านเริ่มทัก
ว่าเจอผมไปอยู่ตามที่ต่าง ๆ
ซึ่งในเวลานั้นผมไม่ได้ไป
...
พอผมบอกว่าผมไม่ได้ไปที่นั่น
ผมอยู่ตรงนี้
ก็เหมือนจะไม่ค่อยมีคนเชื่อผมเท่าไหร่
คิดว่าผมป่วน ผมแกล้งอำ
เพราะอย่างที่บอกไปว่าผมก็เป็นเด็กดื้อเด็กซนประจำหมู่บ้าน
จากตอนนี้คิดย้อนกลับไป
ผมก็พึ่งสังเกตว่า
ต่างคนที่บอกว่าเจอผมอยู่อีกที่หนึ่งนั้น
ทุกครั้งมันก็มักจะไม่ค่อยห่างจากตัวของผมเท่าไหร่นัก
เช่น
ผมอยู่บนอาคารชั้น 4
แต่ในเวลาเดียวกัน
มีคนเจอผมเดินอยู่ที่ชั้น 2
หรือตอนที่ผมเล่นอยู่บ้าน
ก็จะมีคนเจอผมเดินไปที่ร้านค้า
ซึ่งอยู่ถัดจากบ้านของผมไป 3 หลัง
ทุกเหตุการณ์มันจะเกิดในบริเวณรอบตัวของผมไม่ไกลเลย
ไม่ได้เกิดข้ามหมู่บ้านหรือข้ามอำเภอแต่อย่างใด
แต่ ณ ตอนนั้นผมยังเด็กครับ
เลยไม่ทันได้สังเกตอะไรพวกนี้
...
แล้วมันก็เริ่มจะหนักขึ้นครับ
มีหลายครั้งที่ผมมักจะโดนต่อว่า
เพราะมีคนบอกว่าผมไปต่อยลูกเขาบ้าง
ไปซื้อของแล้วไม่จ่ายเงินบ้าง
หรือไปผลักคุณตาที่กำลังยืนรดน้ำต้นไม้จนแกหกล้มได้รับบาดเจ็บ
เรียกได้ว่ามีคนเข้ามาฟ้องพ่อกับแม่ผมแทบทุกวัน
ซึ่งผมก็ได้แต่บอกไปว่าไม่ได้ทำ
ถึงผมจะดื้อจะซนยังไง
ผมก็ไม่คิดจะไปทำอะไรแบบนั้นหรอก
แน่นอนว่าไม่มีใครเชื่อ
เพราะทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกันเลยว่าผมนี่แหละที่ทำ
ผมก็ถูกพ่อกับแม่ด่าไปตามระเบียบครับ
ทั้งที่ผมไม่ได้ทำอะไรผิดเลย
บางเคสก็ต้องเสียเงินให้เป็นค่ารักษาแผล
ผมเริ่มไม่อยากออกจากบ้าน
เพราะอยากรู้เหมือนกันครับ
ลองดูว่าถ้าไม่ออกจากบ้านซะเลย
ยังจะมีใครเจอผมอีกมั้ย
พอไม่ออกจากบ้าน เรื่องผมมันก็ค่อย ๆ ซาลงครับ
แต่ว่า...
...
“โอม เปิดตู้เย็นกินน้ำแล้วทำไมถึงไม่ปิด”
แม่ก็มาบ่นใส่ผมบอกว่าไม่ปิดตู้เย็น
และตามมาด้วยอีกหลายเหตุการณ์
ใช่ครับ ตอนนี้เรื่องแปลก ๆ มันขยับจากนอกบ้าน
เข้ามาภายในบ้านของผมแล้ว
พ่อกับแม่เริ่มเห็นว่าผมไปทำอะไรแปลก ๆ ในบ้าน
ลงมาหาอะไรกินในตู้กับข้าวตอนดึก ๆ บ้าง
นั่งดูทีวีไม่พูดไม่จากับใครบ้าง
แน่นอนว่าผมไม่ได้ทำสิ่งเหล่านั้น
แล้วเรื่องแปลก ๆ มันก็มาเกิดขึ้นกับผม
ผมจะฝันว่า
ตัวเองไปอยู่ในสถานที่แห่งหนึ่ง
เป็นป่าไม้ร่มรื่น
มีหนองน้ำขนาดใหญ่
ในฝันจะมีเด็กคนหนึ่งเดินเข้ามาหาผม
และใบหน้าของเด็กคนนั้นมันก็คือใบหน้าของผมเอง
เด็กคนนั้นจะจูงมือผมไปที่หนองน้ำ
โดยที่ผมก็ไม่ได้ขัดขืนอะไรครับ
เด็กคนนั้นก็จะค่อย ๆ ดึงผมลงไปในน้ำ
พยายามกอดรัดผมให้จมลงไปด้วยกัน
ในฝันผมทรมานมาก เหมือนกำลังจมน้ำจริง ๆ
พอถึงจุดหนึ่งมันก็จะสะดุ้งตื่น
ด้วยสภาพที่เหงื่อเปียกชุ่มไปทั่วทั้งตัว
...
ที่มันแปลกคือ
ผมจะฝันเห็นตัวผมอีกคนแบบนี้ทุก ๆ วันเกิดของผมในแต่ละปี
ทุกครั้งที่ฝัน
ตัวผมอีกคนก็จะมาดึงให้ลงไปในน้ำ
ซึ่งในฝันแต่ละครั้งสถานที่มันก็จะเปลี่ยนไป
บางครั้งก็เป็นที่เขื่อน
บางครั้งก็เป็นที่แม่น้ำ
แต่ทุกครั้งผมจะต้องโดนเขากอดให้จมน้ำลงไปด้วยกัน
มันทรมานมากและจบด้วยการสะดุ้งตื่น
เล่าให้ใครฟังก็ไม่ค่อยจะมีใครสนใจ
หาว่าผมเพ้อเจ้อ
เหตุการณ์แบบนี้ก็ดำเนินมาจนผมอายุ 19 ปี
...
ตอนนี้ผมเข้ามาเรียนมหาลัยในกรุงเทพแล้ว
จะบอกว่าเหตุการณ์ที่มีคนเจอผมอีกคนมันก็ยังไม่หายไปนะครับ
ก็ยังมีคนทักว่าเจอผมอยู่ตามที่ต่าง ๆ
แต่อาจจะไม่ถี่เท่าตอนเด็ก
และก็ไม่มีใครโดนผมอีกคนไปทำเรื่องไม่ดีใส่
ตอนแรกมันก็ค่อนข้างอยู่ยากพอสมควรครับ
กับการที่มีคนเจอใครก็ไม่รู้ซึ่งไม่ใช่ผม
แต่พอนาน ๆ เข้าจนผมโต
มันก็เริ่มจะชิน
ถ้ามีคนทัก มีคนถาม
ผมก็จะแค่เออ ๆ ออ ๆ ตามน้ำไป
วันหนึ่ง...
ขณะที่ผมกำลังไปเดินตลาดหาของกินตอนเย็น
“เฮ้ยไอ้หนุ่ม”
ก็มีเสียงเรียกผมจากทางด้านหลัง
พอหันไปมองที่มาของเสียง
พบว่าเป็นลุงคนหนึ่ง
เท่าที่มองแกน่าจะอายุไม่ต่ำกว่า 60
เพราะแกเริ่มมีผม 2 สี
ใส่ชุดเหมือนกับชาวบ้านทั่วไป
“เรียกผมหรอครับลุง”
พอผมถามกลับไป
ลุงก็มองหน้าผมนิ่ง ๆ อยู่ครู่หนึ่ง
“เอ็งตายไปแล้วนะไอ้หนุ่ม”
แล้วอยู่ ๆ ลุงก็พูดโพล่งขึ้นมาว่าผมตายแล้ว
“หา เดี๋ยวนะลุง”
“ลุงว่าไงนะ ผมนี่นะตายแล้ว?”
ตอนนั้นผมทั้งอึ้ง ทั้งงงกับคำพูดของแก
แล้วแกก็พูดต่อแบบหน้านิ่ง ๆ
“เอ็งน่ะตายไปแล้ว แต่ก็เกิดใหม่แล้ว”
“อย่ากลับไปในที่ที่เอ็งจากมา”
“เลี่ยงได้ก็เลี่ยงซะ”
ผมยิ่งมึนกับคำพูดของแกเข้าไปอีก
เริ่มคิดแล้วว่าลุงแกอาจจะบ้า
จู่ ๆ ก็มาพูดอะไรก็ไม่รู้กับคนที่พึ่งรู้จักกัน
ยังไม่ทันที่ผมจะได้ถามอะไร
ลุงก็ล้วงไปที่กระเป๋าเสื้อ
แล้วก็หยิบวัตถุบางอย่างออกมา
ก่อนที่จะเอามายัดใส่มือผม
พอมองดูก็เห็นว่าเป็นเหรียญพระครับ
ขนาดใหญ่ประมาณนิ้วโป้ง
“เขาให้ข้ามาช่วย”
“ข้าก็ช่วยได้เท่านี้แหละ”
“ถ้ายังอยากอยู่กับพ่อแม่ไปนาน ๆ ก็แขวนคอไว้ตลอดนะไอ้หนุ่ม”
ว่าจบลุงแกก็เดินหายเข้าไปกับกลุ่มคนในตลาด
ทิ้งผมให้ยืนงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
คือทุกอย่างมันเร็วมาก
แต่ทุกคำพูดมันยังดังอยู่ในหัวของผมอย่างชัดเจน
...
พอกลับมาที่ห้อง
ผมก็มานั่งพิจารณาเหรียญพระที่ได้มา
ก็เป็นเหรียญของหลวงปู่ชื่อดังท่านหนึ่ง
ก็ไม่รู้ว่าด้วยสาเหตุอะไรครับ
ทุกครั้งที่มองเหรียญ
มันจะรู้สึกอบอุ่นและปลอดภัยอย่างบอกไม่ถูก
แต่จะให้ผมเอามาห้อยคออย่างที่ลุงบอก
ผมก็ไม่อยากทำ
เพราะสไตล์ของผมแต่ไหนแต่ไรก็ไม่เคยคิดจะห้อยพระอยู่แล้ว
ผมเลยเลือกที่จะเก็บไว้ในกระเป๋าเงินแทน
...
เวลาก็ผ่านไปถึงช่วงสอบเสร็จ
เพื่อนในกลุ่มก็ชวนกันไปเที่ยวเลี้ยงฉลองสอบเสร็จกัน
ก็สรุปว่าจะพากันไปล่องแพที่จังหวัดหนึ่งทางภาคตะวันตก
พอถึงวัน พวกเราก็ออกเดินทางกัน
พวกเราไปกันทั้งหมด 8 คนครับ กลุ่มชายล้วน
พวกเราก็เลือกเช่าแพหลังใหญ่นอนกัน
กะว่าจะอยู่เที่ยวกัน 3 วัน 2 คืน
วันแรกพวกเราก็เที่ยวกัน เล่นน้ำกันสนุกสนานเลย
ตกเย็นมาก็นั่งกินดื่มกันหน้าแพ
แล้วผมก็ไม่คาดคิด
กินกันไปได้สักพัก
เพื่อนมันก็ถือเค้กวันเกิดออกมาเซอร์ไพรส์ผม
ผมทั้งตกใจ ทั้งดีใจมาก
เพราะวันนี้เป็นวันเกิดอายุครบ 19 ปีของผมพอดี
จากนั้นพวกเราก็สังสรรค์กันต่อ
คืนนั้น...
ผมก็ฝันอย่างที่ผมเคยฝันมาทุกปีในวันเกิด
ในฝันก็เหมือนเดิมครับ
เจอคนที่หน้าเหมือนผมยืนอยู่ตรงหน้า
แต่ตอนนี้เขาไม่ใช่เด็กแล้ว
เขาอยู่ในร่างของวัยรุ่น
หรือพูดง่าย ๆ เหมือนกับเขาก็โตมาพร้อมกับผม
ทุกปีที่เจอกันในฝัน
เขาก็จะค่อย ๆ เติบโตไปพร้อมกับผม
ปีนี้เขากับนผมยืนอยู่บนแพครับ
เขาก็ยืนอยู่ห่างออกไปประมาณ 2 เมตร
รอบข้างก็เป็นน้ำทั้งหมด
แล้วเขาก็ค่อย ๆ เดินเข้ามาเพื่อที่จะทำเหมือนทุกครั้ง
แต่ครั้งนี้ต่างออกไปครับ
เขาเดินเข้ามา
แต่เหมือนเขาจะเดินเข้ามาไม่ถึงตัวของผมสักที
เหมือนเขาเดินอยู่กับที่
จากเดินธรรมดา เขาก็เริ่มเดินเร็วขึ้น
จากเดินเร็วก็กลายเป็นการวิ่ง
แต่ยังไงเขาก็เข้ามาไม่ถึงตัวของผม
ผมก็ได้แต่ยืนดูอยู่แบบนั้นจนสะดุ้งตื่น
นี่เป็นครั้งแรกของความฝันในวันเกิด
ที่ผมตื่นขึ้นมาแบบที่ไม่มีเหงื่อชุ่มตัว
...
วันต่อมาพวกเราก็เที่ยวกันเหมือนเดิม
เล่นน้ำกันไป กินดื่มกันไปจนเกือบจะค่ำ
จังหวะหนึ่งที่ผมขึ้นไปบนแพ
แล้วก็กระโดดพุ่งตัวลงน้ำ
พอลงไปแล้วผมก็จะว่ายขึ้นไป
แต่แทนที่ผมจะว่ายขึ้นไปได้อย่างทุกที
ผมกลับขยับตัวไม่ได้
ตัวมันก็ค่อย ๆ จมลงไป
แล้วผมก็เห็นว่ามีบางสิ่งกำลังว่ายขึ้นมาจากใต้น้ำ
พอมองได้ชัดเจนก็ทำให้ผมช็อก
เพราะมันก็คือตัวผมอีกคนนั่นแหละ
ภาพเก่าตอนที่ผมจมน้ำทะเลครั้งแรกสมัยอายุ 9 ปีก็ย้อนเข้ามา
ตอนนี้มันเหมือนกับตอนนั้นแทบทุกอย่าง
ตัวผมอีกคนเข้ามากอดรัดตัวผมและดึงลงไปใต้น้ำ
ต่างกันเพียงแค่ตอนนี้เขาไม่ใช่เด็ก
แต่โตเท่ากับผม
และดูเหมือนจะมีแรงมากขึ้นกว่าตอน 9 ปีด้วย
ผมพยายามจะดิ้น
แต่มันขยับตัวไม่ได้เลย
ผมทำได้แค่จมลงไปตามแรงดึง
จนจะหมดลมหายใจ
“หยุดเถอะโยม”
“อย่าไปอาฆาตเขาเลย เขาไม่ผิดอะไร”
ผมได้ยินเสียงของชายมีอายุดังขึ้นในหัว
และเหมือนจะค่อย ๆ ดังขึ้นเรื่อย ๆ
จากนั้นตัวผมอีกคนหนึ่งก็คลายมือออกจากผม
แต่ก็ยังจ้องหน้ามาที่ผม
ด้วยสีหน้าที่ไม่พอใจมาก
ปากก็เหมือนกำลังพูดอะไรอยู่แต่ไม่มีเสียง
ก่อนที่ผมจะรู้สึกว่าถูกจับที่ข้อมือแล้วดึงขึ้นไป
พอโผล่พ้นผิวน้ำขึ้นมา
ก็เจอว่าเพื่อนเข้ามาล้อมผมอยู่เต็มไปหมด
“เป็นไงมั่งวะไอ้โอม”
“พวกกูนึกว่ามึงตายไปแล้วนะ”
“เห็นโดดลงไปนานก็ไม่ขึ้นมาซักที”
ผมก็ไม่ได้ตอบอะไรไปครับ
บอกว่าขอขึ้นไปบนแพก่อน
พอขึ้นมาได้ผมก็ตรงไปหยิบเอาเหรียญพระในกระเป๋าเงินมากำไว้
ก็ไม่รู้ว่าทำไมตัวเองทำแบบนั้น
แต่มันรู้สึกว่าต้องทำ
...
ผมเลือกที่จะไม่เล่าเรื่องที่เจอให้เพื่อนฟัง
เพราะไม่อยากให้บรรยากาศที่เรามาเที่ยวมันกร่อยไป
บอกไปแค่ว่าผมเกิดเป็นตะคริวตอนโดดลงไป
แล้วคืนนั้นทุกคนก็สังสรรค์กันไปตามปกติ
แต่ส่วนตัวของผมรู้สึกไม่สนุกแล้ว
มันหวาดระแวงจนต้องหันไปมองที่น้ำอยู่เรื่อย ๆ
พอกลับมาจากเที่ยว
ผมก็รีบเอาเหรียญพระไปใส่สร้อยแล้วคล้องไว้ที่คอ
นึกถึงเสียงที่ได้ยินตอนอยู่ใต้น้ำ
คงจะเป็นเสียงของหลวงปู่ที่มาช่วยผม
ตั้งใจเอาไว้ว่าจะหาเวลาว่างไปกราบท่านที่วัด
จนสบโอกาส
พ่อกับแม่ของผมมีธุระที่ต้องไปทำที่จังหวัดนั้นพอดี
ผมเลยขอติดรถไปด้วย
และบอกให้พาผมไปที่วัดนี้
แต่พอไปถึงก็ต้องผิดหวังครับ
เพราะหลวงปู่ท่านติดกิจนิมนต์
อีกหลายวันกว่าจะกลับมา
ผมก็จำใจกลับมาเรียนตามปกติ
และผมก็ไม่ได้กลับไปที่วัดนั้นอีกเลย
...
คราวนี้มันเกิดขึ้นกับตัวผมเอง
เวลาผมออกไปข้างนอก
หางตาของผมมักจะเห็นผู้ชายคนหนึ่งคอยยืนมองมาที่ผม
ซึ่งผมมั่นใจมากว่านั่นก็คือตัวของผมอีกคนหนึ่ง
เขาจะยืนมองด้วยสีหน้าที่โกรธแค้น
แต่พอหันไปมองเต็มตา
เขาก็จะหายไป
แล้วผมก็จะเห็นเขาด้วยหางตาแบบนี้อยู่เรื่อย ๆ
จนผมรู้สึกกลัวมาก
ถึงขั้นต้องไปพบจิตแพทย์
...
เวลาก็ผ่านไปจนถึงผมเริ่มทำงาน
หลังจากที่ผมคล้องพระ
ผมก็ยังคงฝันถึงตัวผมอีกคนอยู่นะครับ
แต่เขาก็เข้ามาไม่ถึงตัวผม
ไม่ว่าจะพยายามวิ่งเข้ามาแค่ไหน
ทุกครั้งที่เขาพยายามวิ่งเข้ามา
เขาจะตะโกนพูดอะไรไปด้วย
แต่มันไม่มีเสียงออกมา
เป็นอยู่แบบนี้จนผมย่างเข้า 29 ปี
...
ไม่รู้ว่าเป็นโชคชะตาหรือเปล่า
บริษัทของผมได้จัดสัมมนาขึ้น
ซึ่งจังหวัดที่ผมต้องไป
ก็คือที่เดียวกับวัดที่ผมอยากจะไปกราบหลวงปู่
พอทำธุระทุกอย่างเสร็จ
ผมก็ถือโอกาสเข้าไปที่วัด
ตอนนั้นก็เป็นช่วงบ่ายแล้วครับ
คนก็จะไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่
“ได้เจอกันซะทีนะไอ้หนุ่ม”
“กว่าจะมาได้”
ทันทีที่ผมลงจากรถก็ได้ยินเสียงพูดขึ้น
แวบแรกผมรู้สึกคุ้นหูกับเสียงนี้มาก
พอหันไปก็เจอว่ามีคุณตาคนหนึ่ง
ยืนเอามือไขว้หลังค่อย ๆ เดินมาหาผม
ตอนนี้ผมก็ไม่รู้ว่าตาแกเป็นใคร
แต่พอผมตั้งใจมองดี ๆ ก็ต้องตกใจ
“เฮ้ย ลุงคนนั้นใช่มั้ย”
ผมก็อุทานออกไป
แกก็มาหยุดยืนยิ้ม ๆ อยู่ต่อหน้าผม
คุณตาคนนี้ก็คือลุงคนนั้นเมื่อเกือบ 10 ปีก่อน
ที่เคยมาทักและให้เหรียญพระกับผม
ซึ่งผ่านมาเกือบ 10 ปี ลุงแกเปลี่ยนไปค่อนข้างมาก
จากผม 2 สี ตอนนี้มันขาวโพลนไปทั้งหัว
ผิวหนังก็มีรอยเหี่ยวย่นมากขึ้น
“ตามข้ามาทางนี้”
“หลวงปู่รออยู่”
ว่าแล้วแกก็ออกเดินนำผมไป
แกนำผมมาที่โบสถ์ของวัดครับ
ภายในโบสถ์ผมก็เห็นหลวงปู่ท่านหนึ่งกำลังนั่งสมาธิอยู่
ถึงท่านจะแก่ชรามากแต่ท่านดูมีเมตตาบารมีสูง
ผมรู้สึกสบายใจอย่างบอกไม่ถูก
พอเข้าไปกราบท่าน
ท่านก็ลืมตามาคุยกับผม
“ที่ผ่านมาคงลำบากเลยสิโยม”
“เขาไม่ยอมปล่อยวางจากโยมสักที”
“ทั้ง ๆ ที่โยมก็ไม่ได้ผิดอะไร”
ผมก็ได้แต่นั่งพนมมือนิ่ง ๆ กับคำพูดของหลวงปู่
“โยมอยากจะรู้เรื่องราวทั้งหมดมั้ย”
ท่านก็ถามต่อมา
“อยากรู้ครับหลวงปู่”
พอได้ยินผมตอบ ท่านก็ใช้ให้คุณตาคนนั้นไปจัดหาชุดขาวมาให้ผม
“โยมต้องอยู่ปฏิบัติธรรมที่นี่ 7 วัน”
“อีกไม่นานก็ถึงวันเกิดครบ 29 ปีแล้วนิ”
ผมก็ไม่รู้ว่าท่านทราบวันเกิดของผมได้ยังไง
แต่มาถึงจุดนี้แล้วยังไงมันก็ต้องทำครับ
...
ผมโทรไปลางานที่บริษัท
และเริ่มปฏิบัติธรรมกับหลวงปู่
โดยที่ท่านยังไม่ยอมบอกอะไรกับผม
บอกแค่ว่าครบ 7 วันเมื่อไหร่ผมจะรู้เอง
ทุกคืนที่ผมปฏิบัติธรรมอยู่ที่วัด
ผมจะฝันเห็นผู้ชายคนนั้นที่มีใบหน้าเหมือนกับผม
มายืนอยู่ที่หน้าวัดโดยที่เข้าไม่ได้
แต่ละคืนที่ผ่านไป
สีหน้าของเขาก็จะค่อย ๆ เปลี่ยนไป
จากที่คืนแรกมาด้วยสีหน้าโกรธกริ้วมาก
จากนั้นก็จะค่อย ๆ ผ่อนสีหน้าลง
จนในคืนสุดท้ายสีหน้าของเขาดูปกติและนิ่งสงบมาก
แล้วเขาก็ค่อย ๆ หันหลังพร้อมทั้งเดินหายลงไปในหนองน้ำ
วันต่อมาคือวันสุดท้ายที่ผมต้องอยู่ที่วัด
ผมก็ได้เล่าทุกอย่างให้หลวงปู่ฟัง
ที่เจอมาตั้งแต่เด็กจนถึงล่าสุดที่ฝันเห็นเมื่อคืนนี้
ท่านก็ไม่ได้พูดอะไรครับ
ท่านยิ้มเล็กน้อยก่อนจะบอกให้ผมไปนั่งสมาธิใต้ต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง
บอกว่าทำแล้วผมจะรู้ทุกอย่างเอง
...
ผมก็ไปนั่งตามที่ท่านบอกครับ
นั่งไปสักพักจนสมาธิเริ่มนิ่ง
มันมีภาพเหตุการณ์ค่อย ๆ ผุดขึ้นมาในความคิดของผม
เป็นภาพของชายหญิงคู่หนึ่ง
กำลังจุดธูปเทียนนั่งคุกเข่าพนมมือไหว้
ต่อหน้าเขาคือศาลไม้ขนาดใหญ่ที่อยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่อีกที
จากเสียงที่ได้ยิน
ก็รู้ว่าทั้ง 2 คนนี้มาไหว้ศาลเพื่อขอลูก
และผมก็จำใบหน้าของทั้งคู่ได้ดี
พวกเขาคือพ่อกับแม่ของผมเองครับ
จากนั้นก็จะเป็นภาพของเด็กคนหนึ่งที่กำลังเล่นน้ำในหนองกับเพื่อน ๆ อย่างสนุกสนาน
แต่เกิดอุบัติเหตุขึ้นทำให้เด็กคนนั้นจมน้ำเสียชีวิต
แล้วภาพก็ตัดมาอีกด้านหนึ่ง
มีเด็กอีกคนหนึ่งกำลังเดินไปหาพ่อกับแม่ของผม
สีหน้าของเขาดูยิ้มแย้มมีความสุขมาก
พอเดินใกล้จะถึงตัวของแม่
ทันใดนั้น...
ก็มีเด็กอีกคนวิ่งมา
ซึ่งก็คือเด็กคนที่ผมเห็นว่าพึ่งจะจมน้ำตายไปเมื่อกี้
เด็กคนนั้นวิ่งมาแล้วก็กระโดดเข้าไปในท้องของแม่
เห็นแบบนั้น
เด็กคนที่เดินมาใกล้จะถึงตัวแม่ก็ทำท่าทีไม่พอใจ
เหมือนกับโดนตัดหน้า
พยายามมุดเข้าไปในท้องของแม่
แต่มันก็เข้าไปไม่ได้
จากนั้นก็มีมือมาคว้าคอของเขาที่กำลังจะมุดเข้าไปในท้องแม่
กระชากดึงออกไป
และถูกดึงไปที่หนองน้ำแห่งนั้น
สถานที่ของเด็กที่จมน้ำในตอนแรก
เท่ากับว่าตอนนี้
เด็กที่จมน้ำตายได้วิ่งเข้าไปในท้องของแม่แล้ว
ส่วนเด็กอีกคนที่เดินมาก่อนแต่ถูกตัดหน้า
ตอนนี้เขาโดนดึงไปอยู่ในน้ำแทน
เด็กคนนั้นพยายามตะเกียกตะกายขึ้นจากน้ำ
แต่ก็ไม่เป็นผล
ภาพสุดท้ายที่ผมเห็นคือเขาเหมือนจะพูดอะไรบางอย่าง
แล้วผมก็ได้ยินเสียงนั้น
“มึงกลับมาอยู่ที่ของมึง”
“คนที่จะไปเกิดมันต้องเป็นกู”
แล้วผมก็หลุดออกจากสมาธิ
พบว่าตอนนี้มันค่ำแล้วครับ
ไม่น่าเชื่อ นั่งสมาธิไป 6 ชั่วโมงเต็ม
...
ผมก็เอาสิ่งที่เจอไปเล่าให้หลวงปู่ฟัง
“นั่นแหละโยม คือที่มาของเรื่องทั้งหมด”
“เขาแค่มาทวงสิทธิ์ที่เขาควรจะได้เกิด”
“แต่โยมดันบังเอิญไปเสียชีวิตอยู่ใกล้ ๆ ที่นั่นพอดี”
“พอเขาไม่ได้เกิด แถมยังต้องไปอยู่ในน้ำแทนโยมอีก”
“เขาก็เลยอาฆาตตามจองเวรมาตลอด”
พอรู้เรื่องราวทั้งหมด ผมก็พอจะปะติดปะต่อได้
เข้าใจแล้วว่าทำไมตอนผมเป็นเด็ก
ทุกครั้งที่ผมไปเล่นน้ำ ไม่ว่าจะเป็นที่ไหน
ผมก็มักจะเกิดอุบัติเหตุให้จมน้ำอยู่ตลอด
เป็นตะคริวบ้าง โดนเพื่อนแกล้งผลักลงน้ำบ้าง
แต่โชคดีที่ผมว่ายน้ำเป็น
ก็เลยเอาตัวรอดมาได้ทุกครั้ง
หลวงปู่ท่านก็บอกให้ผมหมั่นทำบุญให้เขาบ่อย ๆ
เดี๋ยวเขาก็จะค่อย ๆ ปล่อยวางไปเอง
คิดซะว่าเขาก็เป็นครอบครัวของเราเหมือนกัน
เพราะถ้าผมไม่ได้มาเกิด ก็คงเป็นเขานั่นแหละที่มาเกิดเป็นลูกแม่
ท่านบอกผมใหคลายสงสัยอีกอย่าง
ทุกปีที่อายุของผมลงท้ายด้วยเลข 9
เขาจะมีพลังมากที่สุด
มากพอที่จะมาเอาชีวิตของผมได้
ซึ่งก็จริงครับ
ตอนผม 9 ปีก็เกือบจะจมน้ำทะเล
พอมา 19 ปีก็เกือบจะจมน้ำตายตอนไปล่องแพ
ถ้าไม่ได้หลวงปู่ช่วยไว้ก็คงไม่รอด
และมันก็ขนลุก
เพราะว่าอีกไม่กี่วันนี้ผมก็จะอายุครบ 29 ปีแล้ว
ซึ่งก็ไม่รู้ว่าจะต้องเจอกับอะไร
...
หลวงปู่ท่านเหมือนจะรู้ว่าผมกังวล
ท่านเลยบอกให้ผมสบายใจได้
เราได้ปฏิบัติธรรมอุทิศบุญให้เขาเป็นการขอขมาแล้ว
เขายอมถอยกลับไปในทางของเขาแล้ว
“แล้วทำไมถึงต้องเป็นตอนที่อายุลงท้ายด้วยเลข 9 หรอครับ”
ผมก็ถามท่านกลับไป
ท่านก็ตอบผมกลับมาเรียบ ๆ
“เพราะตอนนั้นที่โยมจมน้ำตาย โยมอายุ 9 ปีพอดี”
...
แล้วผมก็ผ่านอายุ 29 ปีมาได้อย่างปลอดภัยครับ
และก็ยังหมั่นทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้กับเขาคนนั้นอยู่เสมอ
แม้ว่าผมและคนอื่น ๆ จะไม่มีใครเจอเขาอีกแล้วก็ตาม
ที่สำคัญคือพอผมเล่าทุกอย่างให้พ่อกับแม่ฟัง
พวกท่านก็ตกใจมาก
เพราะพวกท่านไปขอลูกที่ศาลนั้นจริง
และเวลานั้นก็มีเด็กจมน้ำตายจริง ๆ ด้วย
มาถึงตอนนี้พอเห็นพวกแม่น้ำหรือหนองน้ำใหญ่ ๆ
ผมก็จะรู้สึกระแวงอยู่
ไม่ค่อยอยากเข้าไปใกล้
เรื่องจะเล่นน้ำไม่ต้องถามถึง
เพราะต่อให้จะบอกว่าไม่มีอะไรแล้ว
แต่จากประสบการณ์ต่าง ๆ ที่เจอมา
มันก็ฝังใจผมอยู่ ไม่มีทางหาย
...
และผมก็ยังคิดเสมอว่า
ตัวผมอีกคนนั้น เขาก็น่าจะยังคงอยู่ที่นั่น
ยังคงรอผมอยู่
รอให้ผมกลับไปสู่ความตายที่ผมจากมา
...จบ...
เรื่องโดย ลานฝึกผี
ภาพโดย Chatgpt
วิดีโอโดย Meta AI
บันทึก
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย