นี่เป็นรายงานการพัฒนาประเทศและสภาพภูมิอากาศของไทยที่จัดทำโดยธนาคารโลกล่าสุดออกมาเร็วๆ นี้ โดยทำขึ้นจากแบบจำลองภายใต้สถานการณ์ธุรกิจตามปกติ ความไม่ทันการของภาครัฐในการปรับตัวซึ่งรวมถึงการลงทุนในการบรรเทาอุทกภัย การป้องกันชายฝั่ง และรวมถึงการดำเนินการอย่างจริงจังตามมาตรการลดมลพิษทางอากาศของประเทศที่เรียกว่า Net Zero ให้เป็นไปตามเป้า
ทีนี้ลองหันมาดูประเทศไทยเราบ้าง มีการกำหนดมาตรการอะไรบ้าง แน่นอนไทยเราก็ได้ประกาศเป้าหมายไว้ชัดเจนเหมือนเขา คือได้มีประกาศของทางการให้ไทยบรรลุเป้าหมาย Net Zero ภายในปี 2050 เอกชนรายใหญ่ๆก็ได้นำมาตรการต่างๆ มาใช้มากดูดี เช่น มาตรการที่กำหนดค่าธรรมเนียมคาร์บอนเครดิต แต่ภาครัฐได้ให้ความใส่ใจกับการดำเนินการให้บรรลุเป้าหมายที่จะให้เกิด Net Zero ของการปล่อยก๊าซมลพิษจริงจังแค่ไหนบ้าง
เมื่อสองสามวันนี้ก็มีข่าวว่ากระทรวงพลังงานกำลังจะนำเสนอโครงการโซลาร์ฟาร์มชุมชนเข้าครม. เพื่อให้เอกชนลงทุนประมาณ 30,000 ล้านบาท ผลิตไฟฟ้า 1,500 เมกะวัตต์ ขายไฟฟ้าให้แก่ชุมชน ฟังดูก็เป็นเรื่องเหล้าเก่าในขวดใหม่ แต่ไม่ใช่เป็นแผนงานระยะยาวที่ยั่งยืนเพื่อมุ่งทำให้เกิด Net Zero ให้ถึงเป้า
และที่สำคัญคือมี HM. King Frederick ของเดนมาร์กเป็นองค์อุปถัมภ์มาตั้งแต่พระองค์ท่านยังเป็นมกุฎราชกุมาร ซึ่งได้แสดงให้เห็นชัดว่าองค์กรนี้มีความสำคัญต่อประชาชนของประเทศเดนมาร์กอย่างสูงสุด
4. ข้อเสนอเพื่อให้การลดภาวะโลกร้อนของไทยเดินหน้าถึงเป้า Net Zero ในปี 2050
ได้เห็นชัดถึงผลงานและความก้าวหน้ามากขององค์กร State of Green ของประเทศเดนมาร์กแล้ว เมื่อนำมาเทียบกับสิ่งที่ไทยจะทำที่ปรากฏอยู่ในร่าง พ.ร.บ. ของไทยที่กล่าวมาแล้ว จะเห็นได้ว่าไม่อาจยกไปทาบได้เลย ผมว่าไทยเราติดกระดุมผิดตั้งแต่ต้นแล้วละครับ ข้อเสนอให้รัฐต้องลงมือทำด่วน มีดังนี้