วันนี้ เวลา 05:02 • หุ้น & เศรษฐกิจ

แกะรอย 'เถ้าแก่น้อย' ต๊อบ -อิทธิพัทธ์ พีระเดชาพันธ์ อินไซเดอร์หุ้น TKN

  • ก.ล.ต. มีคำสั่งลงโทษทางแพ่งผู้บริหารและบุคคลใกล้ชิดของ "เถ้าแก่น้อย" (TKN) รวม 5 ราย เป็นมูลค่ารวมกว่า 16 ล้านบาท
  • สาเหตุมาจากการใช้ข้อมูลภายในเกี่ยวกับผลประกอบการไตรมาส 3 ปี 2565 ที่มีกำไรโดดเด่นและการจ่ายปันผลพิเศษ เพื่อเข้าซื้อหุ้น TKN ก่อนที่ข้อมูลจะถูกเปิดเผยต่อสาธารณะ
  • นายอิทธิพัทธ์ พีระเดชาพันธ์ ถูกปรับกว่า 11.6 ล้านบาท ห้ามดำรงตำแหน่งกรรมการหรือผู้บริหาร 20 เดือน และได้ลาออกจากตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารแล้ว
ข่าวผู้บริหาร “เถ้าแก่น้อย” ต๊อบ - อิทธิพัทธ์ พีระเดชาพันธ์ ถูกสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) มีคำสั่งลงโทษทางแพ่งกับผู้บริหารและบุคคลใกล้ชิดของ บริษัท เถ้าแก่น้อย ฟู๊ดแอนด์มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ TKN รวม 5 ราย มูลค่ารวม 16.39 ล้านบาท เนื่องจากใช้ข้อมูลภายในซื้อขายหุ้น (Insider Trading) เมื่อวันที่ 27 ตุลาคมที่ผ่านมา
1
โดยล่าสุด (28 ตุลาคม) บริษัทเถ้าแก่น้อย ได้ส่งเอกสารชี้เเจงถึงตลาดทรัพย์แห่งประเทศไทย เเละระบุว่า นายอิทธิพัทธ์ พีระเดชาพันธ์ ได้ลาออกจากตำแหน่งกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหารเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 27 ตุลาคม 2568 เป็นต้นไป
พฤติการณ์ที่เกิดขึ้น
ย้อนกลับไป ก.ล.ต. ได้รับข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์ฯ ตั้งแต่เดือนมีนาคม 2566 ก่อนตรวจสอบพบว่า ระหว่างวันที่ 5 สิงหาคม - 9 พฤศจิกายน 2565 บุคคลทั้ง 5 ราย ได้ร่วมกันซื้อหุ้น TKN โดยอาศัยข้อมูลภายในที่ยังไม่เปิดเผยต่อสาธารณะ ซึ่งข้อมูลนั้นมีผลต่อราคาหุ้นอย่างมีนัยสำคัญ
ข้อมูลภายในที่ถูกนำมาใช้
ผลการดำเนินงานไตรมาส 3 ปี 2565 ของ TKN ที่มีกำไรสุทธิ 179.97 ล้านบาท เพิ่มขึ้นอย่างโดดเด่น และการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลรอบที่ 2 (รอบพิเศษ) สำหรับผลการดำเนินการของไตรมาสดังกล่าว ในอัตรา 0.08 บาทต่อหุ้น ซึ่งส่งผลด้านบวกต่อราคาหุ้น ที่ยังไม่ได้เปิดเผยต่อประชาชน
หลังจากที่อิทธิพัทธ์ ซึ่งเป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการบริษัท และณัชชัชพงศ์ ซึ่งเป็นกรรมการผู้จัดการ (ฝ่ายสนับสนุนธุรกิจ) ได้รู้หรือครอบครองข้อมูลภายใน
อิทธิพัทธ์ได้ซื้อหุ้น TKN ผ่านบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ของพนิดา และณัชชัชพงศ์ได้ซื้อหุ้น TKN ผ่านบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ของบุคคล 2 ราย ได้แก่ ฐิติรัตน์และจักรพันธ์ ก่อนที่ TKN จะเปิดเผยข้อมูลภายในดังกล่าวต่อ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในวันที่ 10 พฤศจิกายน 2565
ใครผิดมาตราไหน
ก.ล.ต. แยกความผิดของแต่ละบุคคลตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 ดังนี้
กลุ่มผู้บริหารที่ “ใช้ข้อมูลภายใน” ซื้อหุ้น
  • อิทธิพัทธ์ พีระเดชาพันธ์ (ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการบริษัท)
  • ณัชชัชพงศ์ พีระเดชาพันธ์ (กรรมการผู้จัดการฝ่ายสนับสนุนธุรกิจ)
ทั้งสองรายกระทำความผิดตาม มาตรา 242 (1) ห้ามมิให้บุคคลซึ่งรู้อยู่แล้วว่าข้อมูลภายในมีสาระสำคัญต่อราคาหลักทรัพย์ ซื้อหรือขายหลักทรัพย์นั้น
ประกอบมาตรา 243(1) ห้ามผู้บริหารใช้ข้อมูลภายในเพื่อประโยชน์ของตนหรือผู้อื่น โดยมีบทกำหนดโทษตาม มาตรา 296 และ มาตรา 296/2
กลุ่ม “ผู้สนับสนุน”
  • พนิดา
  • ฐิติรัตน์
  • จักรพันธ์
ยินยอมให้อิทธิพัทธ์และณัชชัชพงศ์ แล้วแต่กรณี ใช้บัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ โดยอาศัยข้อมูลภายในตามมาตรา 242(1) ประกอบมาตรา 315 ซึ่งมีบทกำหนดโทษตามมาตรา 296 และมาตรา 296/2 แห่งพระราชบัญญัติฉบับเดียวกัน
บทลงโทษทางแพ่ง
คณะกรรมการพิจารณามาตรการลงโทษทางแพ่ง (ค.ม.พ.) มีมติให้ใช้มาตรการดังนี้
อิทธิพัทธ์ พีระเดชาพันธ์
  • ค่าปรับรวม 11,601,063 บาท
  • ห้ามดำรงตำแหน่งกรรมการหรือผู้บริหาร 20 เดือน
ณัชชัชพงศ์ พีระเดชาพันธ์
  • ค่าปรับรวม 2,916,030 บาท
  • ห้ามดำรงตำแหน่งกรรมการหรือผู้บริหาร 14 เดือน
พนิดา
  • ค่าปรับรวม 625,197 บาท
  • ห้ามดำรงตำแหน่งกรรมการหรือผู้บริหาร 13 เดือน
ฐิติรัตน์ และ จักรพันธ์
  • ค่าปรับรวม 625,197 บาท
  • ห้ามดำรงตำแหน่งกรรมการหรือผู้บริหาร 9 เดือน
อินไซเดอร์เทรดดิ้ง ทำไมถึงเป็นปัญหา
กลายเป็นกรณีศึกษาสำคัญของ “อินไซเดอร์” เเละทำให้คำนี้ กลับมาอยู่ในความสนใจอีกครั้ง หลายคนอาจสงสัยว่า ข้อมูลที่รู้อยู่ในบริษัท แล้วนำมาใช้ซื้อหุ้น เข้าข่ายความผิดตรงไหน ทำไมการใช้ข้อมูลภายในเพื่อซื้อขายหลักทรัพย์ถึงเป็นเรื่องใหญ่
ข้อมูลภายในซื้อขายหุ้น (Insider Trading) คืออะไร
คำว่า “อินไซเดอร์” หมายถึง การที่บุคคลภายในที่เกี่ยวข้องกับบริษัทรับทราบข้อมูลภายในของบริษัทที่ยังไม่ได้เปิดเผยต่อสาธารณชน และใช้ข้อมูลนั้นเพื่อประโยชน์ในการซื้อขายหลักทรัพย์ ถือเป็นการเอาเปรียบนักลงทุนทั่วไป เช่น การเข้ามาช้อนซื้อหุ้นเก็บไว้ เพื่อดักรับข่าวดีล่วงหน้า
สมมุติว่า คุณเป็นพนักงานร้านสะดวกซื้อที่รู้มาก่อนว่าพรุ่งนี้บริษัทจะประกาศขึ้นราคาน้ำดื่มและขนมบางยี่ห้อ เลยรีบซื้อตุนไว้ก่อน เพราะรู้ว่าหลังประกาศราคาจะปรับขึ้นแน่ ๆ คนทั่วไปที่ไม่รู้ข่าวล่วงหน้า ก็ต้องมาซื้อในราคาใหม่ที่แพงกว่า ทั้งที่ของคือชิ้นเดียวกัน
นอกจากจะเป็นการเอาเปรียบนักลงทุนเเล้วยังเป็นการทำลายความน่าเชื่อถือของบริษัท และอาจถึงขั้นบั่นทอนความน่าดึงดูดของตลาดหลักทรัพย์ในภาพรวม
พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ 2535 มาตรา 243 และ 244 ใครบ้างที่อยู่ในข่ายนี้
มาตรา 243 กลุ่มคนวงใน (Insider)
  • กรรมการ ผู้บริหาร ผู้มีอำนาจควบคุมกิจการของบริษัทที่ออกหลักทรัพย์
  • พนักงานของบริษัทที่ออกหลักทรัพย์ที่รับผิดชอบ/สามารถเข้าถึงข้อมูลภายในได้
  • บุคคลที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลภายใน เช่น ที่ปรึกษาทางการเงิน ที่ปรึกษากฎหมายและผู้สอบบัญชี รวมทั้งผู้ร่วมงานที่มีส่วนร่วมในการทำหน้าที่
  • กรรมการ อนุกรรมการ ผู้บริหาร พนักงาน ที่ปรึกษา ผู้ปฏิบัติงานในหน่วยงานรัฐ ก.ล.ต. ตลาดหลักทรัพย์ ศูนย์ซื้อขายหลักทรัพย์ ซึ่งอยู่ในตำแหน่ง ฐานะ ที่สามารถรู้ข้อมูลภายในจากการปฏิบัติหน้าที่
  • นิติบุคคล ซึ่งบุคคลตาม (1)-(4) มีอำนาจควบคุมกิจการ
การกระทำของกลุ่มนี้ คือ ซื้อขาย/เปิดเผยในช่วงที่มีข้อมูลภายใน
มาตรา 244 กลุ่ม “ผู้ใกล้ชิด”
  • ผู้ถือหุ้นเกิน 5% โดยนับรวมของคู่สมรส/ผู้ที่อยู่กินด้วยกันฉันสามีภริยา/บุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ
  • กรรมการ ผู้บริหาร ผู้มีอำนาจควบคุมกิจการ พนักงานหรือลูกจ้างของกิจการในกลุ่มบริษัทที่ออกหลักทรัพย์ ซึ่งอยู่ในตำแหน่งหรือสายงานที่รับผิดชอบข้อมูลภายใน หรือที่สามารถเข้าถึงข้อมูลภายในได้ (บ.ใหญ่ บ.ย่อย บ.ร่วม)
  • บุพการี/ผู้สืบสันดาน/ผู้รับบุตรบุญธรรม/บุตรบุญธรรม/พี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกัน/ร่วมบิดาหรือร่วมมารดาเดียวกันของ Insider
  • คู่สมรส/ผู้ที่อยู่กินฉันสามีภริยาของ (3)
การกระทำของกลุ่มนี้ คือ ซื้อขายผิดปกติ/เปิดเผยในช่วงที่มีข้อมูลภายใน
ภาพรวมทั้งปี 2567 การใช้ข้อมูลวงใน
ข้อมูลจาก ก.ล.ต. ระบุว่า ในปี 2567 มีกรณีการใช้ข้อมูลภายในและการเปิดเผยข้อมูลภายในรวม 4 คดี รวมผู้กระทำผิด 10 ราย และมีค่าปรับทางแพ่งรวม 8,627,889.55 บาท ตัวเลขนี้สะท้อนว่า แม้จะมีคดีตัวอย่าง แต่การใช้ “ข้อมูลวงใน” ยังคงเป็นพฤติกรรมที่พบซ้ำในตลาดทุนไทย
โฆษณา