Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
หนูนิ
•
ติดตาม
28 ต.ค. เวลา 05:08 • นิยาย เรื่องสั้น
เปาบุ้นจิ้น ตอน เรื่องลี้ลับในสำนักอิ้งเทียน ตอน 1/2
.
ตัวละครสำคัญ
.
1. เปาบุ้นจิ้น หรือ เปาเจิ่งในวัยหนุ่มเป็นเพียงเจ้าหน้าที่เล็กๆในศาลต้าหลี่
.
2. จั่นเจา ผู้ติดตามเปาเจิ่ง เป็นจอมยุทธฝีมือเสิศล้ำที่หาได้ยาก
.
3. โอวหยางเต๋อ อาจารย์เปาเจิ่งที่หายตัวไป
.
4. โอวหยางฉิง บุตรสาวโอวหยางเต๋อ และเป็นคนรักของเปาเจิ่ง
.
5. ไทเฮา พระมารดาและผู้สำเร็จราชการของฮ่องเต้
.
6. มหาเสนาบดีติงเว่ย ผู้มากบารมีของราชสำนัก
.
7. เฉียนจง เสนาบดีกรมพิธีการเป็นผู้จัดการสอบหน้าพระที่นั่ง
.
8. จื่อหลัว สตรีหน้าโหดไม่เคยยิ้ม เป็นผู้ดูแลสำนักอิ้งเทียนแทนโอวหยางเต๋อ เจ้าสำนักที่หายตัวไป
.
9. หมอซุน หมอที่ดูแลรักษาบัณฑิตของสำนักอิ้งเทียน
.
10. ซุนเหอเหยา-บัณฑิตยากจน กลับบ้านเมื่อ 1 เดือนก่อนประกาศผลสอบระดับมณฑล ทั้งที่เป็นคนแสวงหาความสำเร็จ
.
11. รายชื่อบัณฑิตที่ตายเพราะพญายม 1.เฝิงโชว่เจียว-นรกห้อยหัว 2.คุณชายโจว-นรกควักลูกตา 3.หลัวพ่าง-นรกเตียงไฟ 4.ว่านจิ้น-นรกขาดอากาศ
5.ฉีเหลียง-นรกเผาร่าง 6-7นรกควักใจและปาดคอเกิดกับบัณฑิตแฝด 8.บัณฑิตบ้า-นรกแมลงพิษ 9.หลี่ต้าจุ่ย-นรกดึงลิ้น และ 10-นรกกงล้อ ????
>>>10วันก่อนการสอบ ว่านจิ้นและหลีอี้แอบหนีเที่ยว ทั้ง2กลับมากลางดึก ว่านจิ้นยังไม่ยอมกลับห้องพักเพราะมีนัดกับสาว เขาพูดจาหมิ่นพญายมด้วย
ซึ่งต่อมาเขาถูกอุดปากและจมูกตาย บ่าวที่ไปด้วยฉี่ราดรดกางเกงถึงกับสติแตกเป็นบ้าไปเลย
.
หลี่ต้าจุ่ยเป็นคนเล่าเรื่องราวต่างๆที่เกิดขึ้น และ 2พี่น้องฝาแฝดคอยเป็นลูกคู่ จั่นเจาเดินเข้ามาถามว่าเป็นเรื่องที่กุขึ้นมาใช่ไหม หลี่ต้าจุ่ยจึงตอบว่าบัณฑิตสำ
นักอิ้งเทียนโดนเอาชีวิตไป4คนแล้ว ลบหลู่พญายมตายศพไม่สวย
.
10วันก่อนหน้านั้นเฝิงโชว่เจียวเตะลูกชู่จวี(คล้ายกับฟุตบอลสมัยใหม่) เขายิงลูกชู่
จวีเต็มเหนี่ยว แล้วลูกเข้าไปอยู่ในปากรูปปั้นพญายม เขายังคุยโวว่าตัวเองมีฝีเท้าแม่นยำ
.
กลางดึกเขาได้ยินเสียงลูกชู่จวีที่หน้าประตู แต่เมื่อเปิดไปก็ไม่พบใคร พอหันกลับประตูก็ปิดดังปัง พญายมตนหนึ่งอยู่ตรงหน้า เขาร้องเสียงดังด้วยความตกใจ ศพ
ของเขามีลักษณะปากถูกฉีกออกโดนจับห้อยห้วนอนตายยู่ในห้อง
.
อีกวันหนึ่งคุณชายโจวได้รับภาพสาวงาม จึงเอาไปอวดทั่วสำนักโดยไม่รู้เลยว่ามันถูกพัดมาจากศาลเจ้า10พญายม
คืนนั้นจู่ๆเขาก็ลุกขึ้นมาแลวพบว่าสาวงามในรูปหายไปแล้ว พอแหงนหน้าขึ้นพญายมบนเพดานก็พุ่งมาหา คุณชายโจวกรีดร้องลั่น เขาตายด้วยการถูกควัก
ลูกตาทั้ง2ข้างไป
ทำเอาหลัวพ่างกลัวจนไม่กล้าไปห้องสุขาชายยามวิกาล เลยฉี่ใส่ก้อนหินที่อยู่ข้างทางแต่ไม่เห็นว่าหินก้อนนั้นคือพญายมที่ผุพัง
.
ดวงตาทั้ง2ข้างของพญายมจ้องเขม็งไปที่เขา พอกลับเข้าหอนอนในวันที่ร้อนกลับรู้สึกหนาว เขาต้องจุดไฟใต้เตียงและห่มผ้า3ผืนจึงหลับลงได้ เช้าวันถัดมาร่างของเขาก็ถูกเผาไหม้เกรียมทั้งเป็น
.
จั่นเจาจึงถามท่านเปาที่ตอนนั้นเป็นเจ้าหน้าที่ระดับเล็กๆของศาลต้าหลี่ชื่อเปาเจิ่ง ซึ่งเปาเจิ่งตอบว่า "ทุกครั้งที่เจอเรื่องผีสาง หลังการสืบความจริงกลับมีแต่เรื่องคน"
มีการประกาศของต้าซ่งที่เปิดรับสมัครสอบขุนนางระดับจอหงวนเพื่อรับใช้ชาติเป็นการสอบหน้าพระที่นั่ง
สิ่งที่เปาเจิ่งฉงนก็คือเหตุใดมหาเสนาบดีติงเว่ยจึงต้องมาด้วยตนเอง เปาเจิ่งบอกกับจั่นเจาว่า "การสอบคือหนทางเดียวของบัณฑิตยากจน"
.
เมื่อเจ้าหน้าที่ระดับสูงของศาลต้าหลี่ไม่สนใจคดีที่มีบัณฑิตตายหลายราย เปาเจิ่งจึงต้องติดตามคดีด้วยตนเองโดยมีจั่นเจาเป็นผู้ช่วยและคอยคุ้มกัน
.
เปาเจิ่งได้นำจดหมายที่อาจารย์มีถึงเขาให้จั่นเจาดู ครึ่งปีก่อนอาจารย์ถูกย้ายมาที่สำนักอิ้งเทียน ทั้งที่มีข่าวแปลกๆเกี่ยวกับสำนักมากมายเหตุใดอาจารย์จึงไม่พูดถึงในจดหมาย จั่นเจาสงสัยว่า "หรืออาจารย์จะเกี่ยวข้องด้วย"
.
ทั้ง2เดินทางไปสำนักอิ้งเทียนในตอนเย็นแต่ไม่พบผู้คน พบเพียงบัณฑิตท่าทางประหลาดผู้หนึ่ง เมื่อถามหาห้องเจ้าสำนักเขาก็ชี้ๆไป แล้วรีบเผ่นหนีราวกับกลัวอะไรสักอย่าง
.
ห้องเจ้าสำนักที่บัณฑิตนั้นชี้ไม่มีคนอยู่มีแต่ฝุ่นดูราวร้างมานานแล้ว จากการสำรวจก็ได้พบบัณฑิตแปลกๆคนนั้นซ่อนตัวอยู่ เขาเอาแต่หวาดกลัวแล้วพูดกับจื่อหลัวที่เพิ่งมาถึงว่า "เขาถูกเอาตัวไปแล้ว" และรีบหนีไปอย่างรวดเร็ว
.
จื่อหลัวมาพร้อมกับเฉียนจงเสนาบดีกรมพิธีการ ซึ่งบอกให้เปาเจิ่งได้ทราบว่าเจ้าสำนักไม่อยู่มา1เดือนแล้ว ตอนนี้สตรีนามจื่อหลัวเป็นผู้ดูแลสำนักอิ้งเทียน
แทน ส่วนบัณฑิตที่พบนั้นคือ บัณฑิตบ้า
.
จื่อหลัวไล่คนทั้ง2กลับไปเรื่องของสำนักไม่เกี่ยวกับคนนอก แต่เนื่องจากมีพายุ
และฝนตกเปาเจิ่งจึงขอพักค้าง ใต้เท้าเฉียนบอกว่าเนื่องจากช่วงนี้เป็นช่วงสอบ
หอนอนเต็มหมด ทั้ง2ต้องไปพักที่หอซินหุยซึ่งตั้งอยู่หน้าศาลเจ้า10พญายม
.
ระหว่างที่หัวหน้าหอเป็นผู้พาไป ก็พบว่ามีการแสดงหนังตะลุงจีน(ผีอิ่ง)ที่หอพักบัณฑิต
ผีอิ่งเป็นศิลปะการแสดงละครเงาของจีนที่มีมาเป็นร้อยๆปี การแสดงในคืนนั้นเป็น
การฆ่ากันระหว่างชาย2คนที่สนิทกัน
.
หัวหน้าหอเมื่อรู้ว่าต้องพักที่หอซินหุยหน้าศาลเจ้า10พญายม ก็แสดงอาการหวาดกลัวบอกว่าใครเข้าใกล้ศาลนี้ตายทุกคน เปาเจิ่งจึงถามว่าที่นี่เป็นสถานศึกษาเหตุ
ใดจึงมีศาลนี้ได้้
.
หัวหน้าหอตอบว่าศาลเจ้านี้มีมาตั้งแต่ราชวงศ์ก่อน ศาลเจ้าแห่งนี้ลือกันว่าภายใน
น่ากลัวมาก จื่อหลัวห้ามทุกคนเข้าใกล้ จึงไม่เคยมีใครไปที่นั่นสักคน
สำนักอิ้งเทียนแห่งนี้ฮ่องเต้องค์ก่อนก็เป็นผู้สร้างเช่นกัน เพื่อให้บัณฑิตที่มาสอบจอหงวนได้มีที่พักนอนและมีอาหารกิน(ฟรี) เป็นการสนับสนุนการศึกษาของประชาชนที่ยากไร้ เอาเข้าจริงผู้มาใช้บริการล้วนแต่พวกลูกหลานเศรษฐีและข้าราชการ
.
เมื่อไปถึงหอซินหุยเปาเจิ่งจะขึ้นชั้น2ก็โดนห้าม เพราะว่านจิ้น(เหยื่อรายที่4)ตายบนนั้น แล้วหัวหน้าหอก็รีบเผ่นเมื่อมีเสียงฟ้าคำรามร้องแต่ว่า "พญายมมาอีกแล้ว"
.
และที่ชั้น2นั่นเองเปาเจิ่งและจั่นเจาก็พบร่างของฉีเหลียงเหมือนถูกไฟครอกตาย จื่อหลัวมาอีกแล้วแสดงอาการไม่พอใจที่เห็นเปาเจิ่งให้ความสนใจกับคดี นางจึงบอกเพียงว่า "ที่นี่ไม่ใช่ศาลต้าหลี่ อย่ามายุ่ง"
.
คืนนั้นเปาเจิ่งนอนไม่หลับจึงไปสำรวจที่ศาลเจ้า10พญายม เนื่องจากเขาไม่มีวิทยายุทธจึงกระโดดลอยตัวข้ามกำแพงไม่ได้ ต้องใช้วิธีไต่เชือกปีนเข้าไป
.
จากแสงโคมภายในศาลเจ้าน่ากลัวสมคำร่ำลือเต็มไปด้วยรูปปั้นต่างๆ ทั้งยังอันตรายจากความรกอีก เปาเจิ่งไปโดนแก็สบางอย่างที่ทำให้ประสาทหลอน มองเห็นภาพลวงตาเป็นอาจารย์โอวหยางแล้วจู่ๆก็หายไป
.
มีห้องหนึ่งร่างของบัณฑิตที่ตายไปแล้วนั่งกันเงียบๆเต็มไปหมด กำลังที่โสตประสาทของเขาจะทนต่อไปไม่ไหวก็มีวัตถุหนึ่งกดโดยแรงเข้าที่หน้าผากทำให้
หมดสติไป(มารู้ในภายหลังว่าเป็นขลุ่ย)
.
เมื่อได้สติเปาเจิ่งก็พบว่ากลับมานอนอยู่บนเตียงของเขา ผู้ที่ช่วยชีวิตเขาไว้คือโอวหยังฉิงลูกสาวอาจารย์และนางยังเป็นคนรักของเขาอีกด้วย นางเป็นผู้ช่วย
ชีวิตเขาไว้จากการเป็นบ้า
คนทั้ง2รู้จักและโตมาด้วยกันในเมืองชนบท เปาเจิ่งเป็นศิษย์รักของอาจารย์ชื่อโอวหยางเต๋อ เพราะมีสติปัญญาล้ำเลิศมาตั้งแต่เด็ก
อาจารย์จึงหวังให้เขาสอบจอหงวนและเป็นขัารับใช้ของแผ่นดินต้าซ่งเพื่อผดุงความยุติธรรม
ท่านเปาจากเสี่ยวฉิงเข้าเมืองหลวงเพื่อรับราชการเมื่อ 6 ปีที่แล้ว นี่จึงเป็นครั้งแรกในรอบ6ปีที่พบนาง เหตุที่นางต้องเดินทางมาเมืองหลวงก็เพราะท่านพ่อส่งจดหมายให้นางฉบับหนึ่งแล้วเงียบหายไป เสี่ยวฉิงไม่วางใจจึงรีบเดินทางมา
เปาเจิ่งนำจดหมายที่ได้จากอาจารย์มาให้เสี่ยวฉิงที่ได้รับจดหมายจากพ่อ มาทำการเปรียบเทียบ จดหมายทั้ง2ฉบับเหมือนกันคือเป็นจุดอยู่บนตาหมากรุกซึ่งยังไม่อาจสรุปได้ว่าจดหมายทั้ง2เกี่ยวข้องกับเรื่องในสำนักหรือไม่
.
มีเสียงร้องอย่างตื่นตกใจขึ้นว่า"เกิดการตายขึ้นอีกแล้ว" เหยื่อพญายมรายต่อไปคือพี่น้องฝาแฝดซึ่งรักกันมาก เหตุใดจึงฆ่ากันเอง
ลักษณะการฆ่ากันของคนทั้ง2ทำให้เปาเจิ่งคิดถึงภาพของผีอิ่งเมื่อคืน ส่วนบัณฑิตบ้าก็เอาแต่ร้องว่า "พญายมมาเอาชีวิตแล้ว"
.
หมอซุนมาตรวจศพแล้วสรุปว่าไม่มีร่องรอยการต่อสู้ คนหนึ่งแทงคออีกคนแทงหัวใจเป็นการแทงเพื่อต้องการเอาชีวิตของอีกฝ่าย หลังจากนั้นศพของคนทั้ง2ก็ถูกนำไปไว้ในห้องเก็บศพร่วมกับศพที่ตายก่อนหน้านั้น
.
ที่โรงหมอเปาเจิ่งและพวกไปพบหมอซุน เพื่อเสี่ยวฉิงที่เป็นวิชาแพทย์ขอคำชี้แนะการรักษาคนจากท่านหมอ และมาถามข่าวของบิดาด้วย
หมอซุนบอกว่าตอนที่เจ้าสำนักไปจากที่นี่ไม่ได้บอกว่าจะไปไหนดังนั้นจึงบอกไม่ได้ เปาเจิ่งขอตรวจศพของบัณฑิตแฝด หมอซุนตอบว่ากฎของที่นี่หากไม่มีคำสั่งของจื่อหลัวใครก็ห้ามเข้าห้องเก็บศพ
.
คืนนั้นจั่นเจาทำให้ยามเฝ้าห้องเก็บศพทั้ง2หลับไป แล้วเปาเจิ่งและทีมจึงลอบเข้าไปที่ห้องเก็บศพ
ร่างของฉีเหลียงที่ถูกไฟครอกตายนั้นไม่มีเถ้าควันไฟในปากและจมูก อาการเหมือนถูกฆ่าก่อนแล้วเผา แต่หอซินหุยที่พบศพก็ไม่มีข่าวและร่องรอยเพลิงไหม้เลย
.
เปาเจิ่งพบตราประทับบนศพทุกร่าง ตราประทับนี้บอกอะไรได้บ้าง แล้วความคิดของเขาก็ถูกขัดจังหวะด้วยการมาถึงของจื่อหลัว ซึ่งนางได้ลงโทษลูกน้องทั้ง2ที่หลับยาม เปาเจิ่งและพวกจึงหลบซ่อนตัว
.
หมอซุนทดสอบไม่พบพิษในร่างฉีเหลียงทั้งสันนิษฐานการตายว่าน่าจะเป็นตอนพลบค่ำ ส่วนบัณฑิตแฝดน่าจะตายกลางดึก จื่อหลัวสั่งให้บันทึกการตายว่าฆ่าตัวตายเพื่อไม่ให้กระทบผลการสอบในอีกไม่กี่วันข้างหน้า
.
5วันก่อนการสอบหน้าพระที่นั่ง จื่อหลัวกำชับเสนาบดีกรมพิธีการเฉียนจงห้ามทำพลาดในท้องพระโรงก็พอ นอกนั้นนางจะเตรียมการรับมือเองซึ่งเฉียนจงรับคำสั่งโดยดี จื่อหลัวยังบอกอีกว่าจะให้พวกของเปาเจิ่งรีบไปจากที่นี่
.
การสอบจอหงวนในปีนี้แตกต่างจากปีก่อน ๆ เนื่องจากเป็นธรรมเนียมปฏิบัติที่ผ่านมาฮ่องเต้จะคุมการสอบด้วยองค์เอง
ฮ่องเต้องค์ปัจจุบันมีปัญหาเรื่องนิติภาวะคือทรงพระเยาว์ ไทเฮา(แม่)ของพระองค์จึงเป็นผู้คุมสอบแทนร่วมกับมหาเสนาบดีติงเว่ยผู้มากบารมี
.
ทางด้านหมอซุนทำการตรวจบัณฑิตบ้าพบว่าลมปราณภายในอ่อนแอ ชีพจรไม่สม่ำเสมอ ระบบประสาทแปรปรวน แล้วหมอซุนก็ดึงเข็มเงินที่ฝังไว้ออกมา
.
เปาเจิ่งถามว่าบัณฑิตผู้นี้จะหายป่วยไหม หมอซุนตอบว่าแค่เอาชีวิตรอดจากพญายมมาได้ก็ถือว่าดวงแข็งแล้ว
หมอซุนยังได้อธิบายเรื่องโลกใต้พิภพมี 10 ขุมนรกสำหรับคนชั่วดังนี้
.
ขุมที่1นรกห้อยหัว ขุมที่2นรกควักลูกตา ขุมที่3นรกเตียงไฟ ขุมที่4นรกขาดอากาศ ขุมที่5นรกเผาร่าง ขุมที่6-7นรกควักใจและปาดคอ ขุมที่8นรกแมลงพิษ ขุมที่9นรกดึงลิ้น ขุมที่10นรกกงล้อ
.
แล้วบัณฑิตบ้าก็ตายเพราะแมงพิษต่อหน้าเปาเจิ่งและคนอื่นๆ เสี่ยวฉิงสรุปว่าบัณฑิตบ้าตายเพราะแมลงพิษจริงๆ คนร้ายฆ่าบัณฑืตหลายคนได้ในช่วงเวลาสั้นๆแสดงว่ารู้เรื่องต่างๆในสำนักดีมาก
หัวหน้าหอแอบมาหาเปาเจิ่งโดยได้นำเอกสารในห้องเจ้าสำนักมาให้ เขาพบมันเมื่อเจ้าสำนักไปแล้ว ข้อความในกระดาษแผ่นหนึ่งคือ "ท่องไป 4 ทิศ ซ่อนตนหุบเขาซาน 28ปีที่สอนสั่ง มุ่งหน้าหาเซวียนหยวน"
.
หัวหน้าหอผู้นี้เป็นเพื่อนสนิทของซุนเหอเหยาเพราะต่างเป็นบัณฑิตยากจน อาจารย์โอวหยางจึงเข้มงวดเป็นพิเศษ แต่เขาทั้ง2ก็ทำให้อาจารย์ผิดหวัง เพราะสอบระดับมณฑลไม่ผ่าน
ซุนเหอเหยากลับบ้านไปเมื่อ1เดือนก่อนตอนนั้นผลสอบยังไม่ออก ทั้งที่เขาเป็นคนโหยหาความสำเร็จจึงนับเป็นเรื่องที่แปลกมาก
.
เปาเจิ่งไปที่ห้องเจ้าสำนักเปิดดูสมุดพกของฉีเหลียง อาจารย์บันทึกว่าเป็นลูกเศรษฐีพูดจาเหลวไหลโง่เขลา ชอนใช้อิทธิพลรังแกคนอื่น
ส่วนว่านจิ้นไม่ตั้งใจเรียน หัวข้อไม่ชัดเจน ภาษาตื้นเขิน เจ้าสำนักจนปัญญากับพวกนี้ แล้วยังพบภาพวาดเล็กๆมีข้อความว่า "ไม่ได้ตายดี"
.
สมุดพกของซุนเหอเหยา "หนึ่งลมหายใจ ความสามารถเหนือคน" ดูท่าบัณฑิตผู้นี้จะเป็นความหวังของอาจารย์เหมือนครั้งหนึ่งที่เปาเจิ่งเป็นความภาคภูมิใจของอาจารย์
.
บัณฑิตที่ตายทุกคนเป็นพวกสอบผ่านระดับมณฑล อยู่ในสำนักอย่างพี่น้องมีการตั้งเป็นพรรคเป็นพวก คนร่ำรวยก็สำมะเลเทเมา การตายเกิดขึ้นเมื่ออาจารย์โอวหยางหายตัวไป
บัณฑิตที่ตายทุกคนชอบขัดแย้งกับอาจารย์ บัณฑิตหลี่ต้าจุ่ยขอบชวนฝาแฝดปล่อยข่าวลือเรื่องน่ากลัว
เปาเจิ่งลำดับการตายของแต่ละคน แล้วสรุปว่าคนต่อไปคือหลี่ต้าจุ่ย แต่ตอนนี้เขาไม่ได้อยู่ในหอนอนไปหาหมอที่โรงหมอ เปาเจิ่งจึงรีบตามไป
แต่เมื่อไปถึงโรงหมอกลับพบศพหมอซุนซึ่งตายด้วยนรกขุมที่9คือนรกดึงลิ้น ข้างศพพบขลุ่ยของโอวหยางฉิง
.
เปาเจิ่งชี้ให้จั่นเจาดูมือของผู้ตาย ตัวเขาเองพบอะไรบางอย่างที่ดมแล้วมีอาการวิงเวียน
แล้วจื่อหลัวก็มาอีกแล้วบอกว่าโอวหยางฉิงเป็นฆาตกรฆ่าคนแล้วหนีความผิดโดย
ไม่ต้องมีการไต่สวน จากนั้นก็ไล่เปาเจิ่งไปจากที่นี่ห้ามกลับเข้ามาอีก
.
กลางดึกเปาเจิ่งและจั่นจึงแอบเข้ามาที่โรงหมอ พบหนังสือเดินทางของซุนเหอเหยา และข้อความบนกระจกทองแดงนั่นคือ
"ไม่ตอบแทนคุณ 4 ประการ ไม่หวงแหนชีวิตตัวเอง ต้องได้รับโทษสูงสุดไม่ได้ผุดไม่ได้เกิด ภายใน 49 วันหาผู้กระทำผิดศีลธรรมแล้วส่งตัวไปยังนรก 10 ขุมจึงจะพ้นผิด"
.
คำกล่าวในกระจกทองแดง การฆ่าตัวตายคือโทษสูงสุดยามมีชีวิต ตายแล้วต้องรับโทษหนัก ไม่ได้ผุดไม่ได้เกิด
วิธีพ้นผิดคือส่งผู้ผิดศีลธรรมทั้ง10ไปให้พญายมทั้ง10ขุมเพื่อรับโทษแทนผู้ฆ่าตัวตาย บัณฑิตทั้ง9ที่ตายก็เพื่อบรรลุพิธีกรรมพ้นผิดหรือ
.
ทั้ง2ไปที่ห้องเก็บศพแต่ศพบนเตียงหายไปหมด เพราะทุกเตียงมีกลไกพลิกลงไปด้านล่างซึ่งเป็นซอกทางเดินไปสู่ห้องทำพิธี เปาเจิ่งพูดขึ้นว่า "สร้างเรื่องหลอกคนอื่นต้องหยุดได้แล้ว"
.
เสียงหมอซุนในชุดดำสวมหน้ากากพญายมถามว่า "พวกเจ้าก็ต้องการลิ้มรสพญายม10ขุมด้วยใข่ไหม"
.
เปาเจิ่ง "พญายมเอาชีวิต ท่านทำเพื่อให้ซุนเหอเหยาพ้นผิดจากการฆ่าตัวตาย จึงวางแผนฆ่าพวกบัณฑิตอย่างเหี้ยมโหดใช่ไหมท่านหมอซุน
หน้าป้ายวิญญาณไร้ชื่อในโรงหมอมีเครื่องเซ่นไหว้28อย่างแสดงว่าตายได้ร่วมเดือนแล้ว ซึ่งตรงกับช่วงเวลาที่ซุนเหอเหยาไปจากที่นี่พอดี
.
ที่โรงหมอเราพบหนังสือเดินทางของซุนเหอเหยา ลวดลายบนกล่องคือดอกงิ้วที่ตรงกันกับดอกงิ้วที่วางบนป้ายวิญญาณ คาดว่าซุนเหอเหยาเป็นลูกชายของท่าน
.
การที่เขาฆ่าตัวตายทำให้ท่านใช้วิชาชีพทางการแพทย์ฆ่าคนอย่างน่าละอาย โดยการตรวจไข้หวัดให้บัณฑิต แล้วใช้การแมะคือการจับชีพจรเพื่อวินิจฉัยโรค
.
ใช้กลไกในการแมะแอบวางยาพิษผ่านการฝังเข็มไปด้วย พอพิษกำเริบก็ฆ่าแล้วประทับรอยพญายมเพื่อปิดรอยเข็มแมะ สร้างเรื่องพญายมเอาชีวิตมาหลอก
.
กรณีฉีเหลียงท่านแบกร่างของเขาที่สลบอยู่เข้ามาในหอซินหุย อาศัยวันที่ท้องฟ้าแปรปรวนปล่อยว่าวในตอนกลางคืน
ใช้เชือกว่าวที่เปียกชื้นมัดตัวเขา แล้วเชือกว่าวก็เป็นสายล่อฟ้าอย่างดี บนตัวฉีเหลียงมีรอยไหม้กระจัดกระจายแต่หลักฐานอยู่ที่ข้อมือที่มีรอยไหม้มากที่สุด
.
ส่วนบัณฑิตบ้าท่านเห็นพวกเรามาที่โรงหมอจึงดึงเข็มเงินที่สกัดพิษไว้ กระตุ้นให้พิษดำเริบทำให้เขาตายต่อหน้าพวกเรา แต่ท่านยังไม่ทันประทับตราพญายมที่แขนของเขา
.
แม่นางโอวหยางเก่งวิชาแพทย์ พอนางพบว่าบัณฑิตบ้าตายเพราะถูกพิษ จึงไปถามความกับท่านซึ่งได้ซ้อนแผนทำนางสลบแล้วพามาที่นี่ และ ถ้าเดาไม่ผิดหมอซุนที่ตายในโรงหมอน่าจะเป็นหลี่ต้าจุ่ย เปลี่ยนใบหน้าแต่ลืมเปลี่ยนมือ
.
มือของคนหนุ่มจะต่างจากมือของคนแก่ เพราะเมื่ออายุมากขึ้นจะมีการเปลี่ยนแปลงทางร่างกายหลายอย่างส่งผลต่อมือ เช่น ผิวหนังบางลง เหี่ยวแห้ง มีริ้วรอย"
.
หมอซุนขู่เผาเสี่ยวฉิงที่มัดแขวนไว้ หากก้าวขึ้นมาอีกเพียงก้าวเดียว เขาบอกว่าคนที่เขาฆ่ามีความผิดทุกคน มันสมควรตาย จั่นเจาถามว่าแม่นางโอวหยางผิดเรื่องอะไร
.
หมอซุน "ที่จริงไม่อยากฆ่า แต่พวกเจ้ามาขวางเอง แผนการของข้าอีกก้าวเดียวก็สำเร็จแล้ว"
.
เปาเจิ่งบอกว่าไม่ว่าจะฆ่าอีกสักกี่คนก็ช่วยซุนเหอเหยาให้ฟื้นไม่ได้ วางมือเถอะจะได้ไม่ต้องก่อกรรมทำเข็ญอีก หมอซุนบอกว่าลูกชายถูกสับเปลี่ยนจากสอบผ่านเป็นสอบไม่ผ่าน ไม่ได้รับความเป็นธรรม เขาผิดตรงไหน
.
เปาเจิ่งสัญญาจะคินความเป็นธรรมให้ หมอซุนหัวเราะแล้วบอกว่าก็เพราะเชื่อในความเป็นธรรมจึงมีจุดจบที่น่าทุเรศอย่างนี้ เพราะเขาไร้อำนาจบารมีไม่มีใครช่วย
.
เขาทำได้เพียงสอนลูกให้ยอมรับชะตากรรม แต่ลูกชายได้เลือกที่จะฆ่าตัวตาย และโอวหยังเต๋อเจ้าสำนักได้สมรู้ร่วมคิดกับการโกงในครั้งนี้ด้วย นี่จึงเป็นเหตุให้ลูกชายของเขาต้องจบชีวิตตัวเอง
.
เสี่ยวฉิงบอกว่าพ่อของนางไม่มีวันทำเช่นนั้น หมอซุนยืนยันว่าเห็นมากับตา ก่อนที่จะทำอะไรต่อไปจั่นเจาได้ช่วยเสี่ยวชิงพ้นจากเงื้อมมือหมอซุน
.
จื่อหลัวเข้ามา(อีกแล้ว)เมื่อพบว่าหมอซุนคือผู้อยู่เบื้องหลังการตายทั้งหมดจึงขว้างมีดปักอก แต่ก่อนตายหมอซุนได้ใช้คบเพลิงในมือเผาทุกสิ่งในที่แห่งนั้น เกิดเป็นกงล้อแห่งไฟ และหมอซุนคือคนที่10ที่ไปสู่ขุมนรกกงล้อ
.
จบตอน 1/2
ภาพปก หนูนิผู้เล่าเรื่อง ขอน้อมส่งเสด็จพระแม่ของแผ่นดินสู่สวรรคาลัย
บันทึก
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย