Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
Michael Puksawat
•
ติดตาม
28 ต.ค. เวลา 05:24 • นิยาย เรื่องสั้น
Echo Protocol
เสียงสะท้อนในเงามืด
กรุงเทพฯ, 03:17 น.
ฝนตกปรอย ๆ บนหลังคาโลหะของโกดังร้างริมแม่น้ำเจ้าพระยา เสียงหยดน้ำกระทบพื้นซีเมนต์ดังเป็นจังหวะเหมือนนาฬิกานับถอยหลัง
วินเซนต์ “วินซ์” มาร์โลว์ ยืนอยู่ในเงามืดของรถ SUV กันกระสุน ดวงตาเขาไม่เคยหยุดสแกนพื้นที่ แม้จะดูสงบ แต่ทุกกล้ามเนื้อของเขาพร้อมจะระเบิดออกเป็นการเคลื่อนไหวที่แม่นยำ เขาไม่เชื่อในโชค—มีแต่การเตรียมตัวและกระสุนที่พอใช้
ภายในรถ ลีโอ “โกสต์” นาวาร์โร นั่งไขว่ห้างบนเบาะหลัง มือข้างหนึ่งถือแท็บเล็ตที่เต็มไปด้วยหน้าต่างแฮ็กระบบจราจร อีกข้างถือเอสเปรสโซ่ในแก้วกระดาษที่เขาอ้างว่า “ถูกชงผิดวิธีในสามประเทศ” เขาเคี้ยวหมากฝรั่งอย่างไม่ใส่ใจ ขณะเปลี่ยนสัญญาณไฟจราจรให้กลายเป็นเส้นทางหลบหนี
“กล้องวงจรปิดปิดแล้ว โดรนกำลังส่งโทรศัพท์ปลอมไปยังจุดล่อเป้า... และฉันเพิ่งจีบคนขับ Grab ให้ส่งพัสดุให้เราโดยไม่รู้ตัว” ลีโอพูดพลางยิ้มมุมปาก
“เธอจะฆ่าฉันด้วยความมั่นใจของเธอสักวัน” วินซ์ตอบเสียงเรียบ
“หรือด้วยเสียงหัวเราะของไมโล” ลีโอเสริม ก่อนที่เสียงเพลงบียอนเซ่จะดังขึ้นจากลำโพงบลูทูธในโกดัง
ไมโล “สปาร์กส์” วอชิงตัน คลานผ่านเลเซอร์สะดุดด้วยกิ๊บติดผมในมือและกระเป๋าเป้ที่ดูเหมือนจะระเบิดได้ทุกเมื่อ เขาพึมพำกับตัวเอง “โอเค... ถ้าฉันต่อสายนี้กับเสียงคาราโอเกะของฉัน... ระบบจะรีเซ็ตเอง... หรือระเบิด... หวังว่าจะเป็นอย่างแรกนะ”
ทีมนี้ไม่ใช่ฮีโร่ พวกเขาเป็นเศษเสี้ยวของอดีตที่ถูกหลอมรวมด้วยภารกิจที่ไม่มีใครอยากรับ พวกเขาไม่ได้ตามหาวัตถุโบราณเพื่อเก็บไว้ในพิพิธภัณฑ์ แต่เพื่อหยุดมันจากการเปลี่ยนโลกให้กลายเป็นสนามรบดิจิทัล
และคืนนี้... เสียงสะท้อนแรกกำลังจะเริ่มต้น
บทที่ 1 : รหัสเสียงสะท้อน
เสียงฝนยังคงตกเบา ๆ บนหลังคาเหล็กของอาคารเก่า ลีโอ “โกสต์” นาวาร์โร นั่งไขว่ห้างอยู่บนเก้าอี้ไม้ที่ดูเหมือนจะพังได้ทุกเมื่อ ด้านหน้าเขาคือโต๊ะที่เต็มไปด้วยอุปกรณ์แฮ็ก—แท็บเล็ต, แล็ปท็อปสามเครื่อง, สาย USB ที่พันกันเหมือนงู และแก้วเอสเปรสโซ่ที่เขาเติมใหม่ทุก 45 นาที
“ฉันเจอสัญญาณเสียงสะท้อนแล้ว” เขาพูดกับไมโลผ่านหูฟังบลูทูธ “มันถูกฝังอยู่ในคลื่นความถี่ของระบบรักษาความปลอดภัยของพิพิธภัณฑ์ใต้ดินในพุกาม”
“โอเค... แล้วมันร้องเพลงอะไร?” ไมโลตอบจากอีกฟากของเมือง ขณะกำลังประกอบอุปกรณ์ที่ดูเหมือนจะเป็นลำโพง แต่มีสายไฟสีแดงที่เขาไม่แน่ใจว่าควรต่อเข้าหรือไม่
“ไม่ใช่เพลง มันเป็นรหัสเสียง—คลื่นที่ปล่อยออกมาเมื่อมีเสียงเฉพาะเจาะจง เช่น เสียงหัวเราะของเด็ก หรือ... เสียงคาราโอเกะของนาย”
“โอ้ย ไม่อีกแล้ว!” ไมโลร้อง “ฉันแค่ทดลองนิดเดียวเองนะ!”
“นายตั้งโปรแกรมให้มันตอบสนองต่อเสียงของนายเอง มันคือระบบรักษาความปลอดภัยที่ใช้เสียงของเควิน ฮาร์ทเป็นกุญแจ” ลีโอพูดพลางกลอกตา
วินซ์เดินเข้ามาในห้องอย่างเงียบเชียบ เสื้อคลุมของเขาเปียกน้ำเล็กน้อย แต่ดวงตายังคงนิ่งและคมกริบ
“เรามีเวลาไม่มาก” เขาพูด “The Orpheus Syndicate กำลังจะประมูลวัตถุโบราณคืนนี้ในอิสตันบูล และพี่ชายฉัน... เขาเป็นคนจัดการเรื่องนี้”
ลีโอหยุดนิ่งไปชั่วครู่ “นายแน่ใจเหรอว่าเขายังมีชีวิตอยู่?”
“ฉันไม่เคยแน่ใจในอะไรเลย” วินซ์ตอบ “แต่ถ้าเขาอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ เราต้องไปก่อนที่เสียงสะท้อนจะถูกปล่อยออกไปทั่วโลก”
ไมโลส่งข้อความเสียงเข้ามา “ฉันมีโดรนพร้อมแล้ว มันติดลำโพงที่เล่นเสียงฉันร้อง ‘Halo’ ได้ทุกคีย์”
ลีโอถอนหายใจ “เราจะตายเพราะเสียงของนายแน่ ๆ”
วินซ์หยิบปืนขึ้นมา ตรวจสอบกระสุนอย่างรวดเร็ว “งั้นก็ไปกันเถอะ เรามีเสียงสะท้อนให้หยุด และอดีตที่ต้องเผชิญ”
บทที่ 2: เส้นทางแห่งเสียงและเงา
สนามบินสุวรรณภูมิ, กรุงเทพฯ
07:45 น.
วินซ์ มาร์โลว์ เดินผ่านเลานจ์ First Class ด้วยท่าทางที่ไม่ต้องการความสนใจ แต่กลับดึงดูดทุกสายตา เขาสวมเสื้อแจ็กเก็ตหนังสีดำเรียบหรู แว่นกันแดดที่ปิดบังดวงตาอันเฉียบคม และถือกระเป๋าหนังที่ดูเหมือนจะหนักด้วยอดีตมากกว่ากระสุน
ลีโอ “โกสต์” นาวาร์โร นั่งไขว่ห้างอยู่บนโซฟาหนังสีเบจ มือถือแท็บเล็ตที่กำลังสแกนเครือข่าย Wi-Fi ของสนามบิน เขาสั่งเอสเปรสโซ่แบบ “ดับเบิ้ลช็อต ไม่ใส่น้ำตาล ไม่ใส่ความเห็น” จากพนักงานเสิร์ฟที่ดูเหมือนจะหลงเสน่ห์เขาไปแล้ว
“นายรู้ไหมว่าเครือข่ายของสนามบินนี้มีช่องโหว่ที่สามารถใช้ปล่อยคลื่นเสียงสะท้อนได้?” ลีโอพูดพลางจิ้มหน้าจอ
“นายรู้ไหมว่าไม่มีใครในเลานจ์นี้อยากฟังเรื่องนั้นตอนกินครัวซองต์?” วินซ์ตอบเสียงเรียบ
ไมโล “สปาร์กส์” วอชิงตัน เดินเข้ามาพร้อมกระเป๋าเป้ที่เต็มไปด้วยอุปกรณ์น่าสงสัย เขาสวมแว่นตายุทธวิธีและเสื้อฮู้ดที่เขาอ้างว่า “กันระเบิดระดับเบาได้” เขาหยิบโดรนขนาดเล็กออกมาและวางไว้บนโต๊ะข้างแชมเปญ
“อย่าบอกนะว่านายจะเอาโดรนขึ้นเครื่อง?” วินซ์ถาม
“ไม่สิ ฉันแค่ให้มันบินไปส่งข้อความเสียงของฉันให้คนขับแท็กซี่ที่ลืมกระเป๋าฉันไว้” ไมโลตอบ “มันร้องเพลง ‘Halo’ ด้วยนะ นายอยากฟังไหม?”
ลีโอกลอกตา “ถ้าเสียงนั้นปล่อยคลื่นสะท้อนออกมา ฉันจะฟ้องนายในศาลไซเบอร์”
บนเครื่องบิน: เส้นทางสู่อิสตันบูล
สายการบิน: Turkish Airlines
ชั้นโดยสาร: First Class Private Suite
เวลาออกเดินทาง: 09:10 น.
ภายในห้องโดยสารส่วนตัวของเครื่องบิน วินซ์นั่งอ่านแฟ้มข้อมูลที่ถูกส่งมาจากแหล่งข่าวในอิสตันบูล แสงไฟอุ่น ๆ สะท้อนบนใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยแผลเป็นจากอดีต
ลีโอนอนเอกเขนกบนเตียงที่ปรับระดับได้ มือถือแล็ปท็อปที่เชื่อมต่อกับดาวเทียม เขากำลังแฮ็กระบบกล้องของพิพิธภัณฑ์ใต้ดินในพุกามจากฟากฟ้า
“ฉันเพิ่งเจอภาพของวัตถุโบราณ—มันมีลวดลายที่ดูเหมือนคลื่นเสียง... หรือรหัสเสียง” เขาพูดพลางจิบเอสเปรสโซ่ที่เสิร์ฟในถ้วยกระเบื้องพอร์ซเลน
ไมโลกำลังทดลองอุปกรณ์ใหม่ที่เขาเรียกว่า “เสียงสะท้อนแบบพกพา” ซึ่งดูเหมือนลำโพง Bluetooth แต่มีสายไฟที่ต่อกับแบตเตอรี่ลิเธียมและชิปควบคุมเสียง
“ถ้าเราปล่อยเสียงนี้ในพิพิธภัณฑ์ มันจะปิดระบบรักษาความปลอดภัยทั้งหมด... หรือเปิดประตูไปยังนรกไซเบอร์” เขาหัวเราะ
วินซ์เงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดขึ้น “พี่ชายฉันเคยพูดว่า ‘เสียงคือความทรงจำที่ไม่มีวันลบ’ ถ้าเขาอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้... เขาอาจใช้เสียงของฉันเองเป็นกุญแจ”
ลีโอหยุดพิมพ์ “งั้นเราต้องหาวิธีลบความทรงจำของนาย... หรือเปลี่ยนมันให้เป็นอาวุธ”
ไมโลยิ้ม “ฉันมีอุปกรณ์สำหรับทั้งสองอย่าง”
จุดหมาย: อิสตันบูล
เครื่องบินแตะพื้นอย่างนุ่มนวลที่สนามบินอิสตันบูล ทีมลงจากเครื่องพร้อมกับภารกิจที่ไม่ชัดเจน แต่เต็มไปด้วยเงาและเสียงสะท้อนจากอดีต
พวกเขาไม่ได้มาเพื่อขโมยวัตถุโบราณ พวกเขามาเพื่อหยุดมันจากการเปลี่ยนโลก
บทที่ 3: เงาแห่งอิสตันบูล
อิสตันบูล, ตุรกี
เวลา 16:27 น.
แสงแดดยามบ่ายส่องผ่านหน้าต่างกระจกสีของโรงแรมหรูริมช่องแคบบอสฟอรัส วินซ์ มาร์โลว์ยืนอยู่บนระเบียง สูบบุหรี่เงียบ ๆ ขณะมองไปยังเมืองที่เคยเป็นศูนย์กลางของอาณาจักรหลายพันปี แต่สำหรับเขา มันคือสนามรบแห่งใหม่
“พี่ชายของนายอยู่ที่นี่จริง ๆ” ลีโอพูดขณะเดินเข้ามาในห้อง พร้อมกับแล็ปท็อปที่แสดงภาพจากกล้องวงจรปิดของพิพิธภัณฑ์ใต้ดินในเขตฟาติห์ “เขาใช้ชื่อปลอมว่า ‘อาเมียร์ คาริม’ และเป็นผู้จัดการประมูลวัตถุโบราณคืนนี้”
วินซ์ไม่ตอบทันที เขาเพียงแค่พ่นควันออกมาอย่างช้า ๆ ก่อนจะพูดว่า “เขาเคยบอกฉันว่าเสียงคือสิ่งเดียวที่ไม่โกหก”
ไมโลเดินเข้ามาพร้อมกระเป๋าเป้ที่ดูเหมือนจะเต็มไปด้วยอุปกรณ์ที่ผิดกฎหมายในห้าประเทศ “ฉันมีของเล่นใหม่—เครื่องปล่อยคลื่นเสียงสะท้อนแบบพกพา มันสามารถปล่อยเสียงที่ทำให้ระบบรักษาความปลอดภัยเข้าใจว่าเราเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูง... หรือทำให้มันระเบิดก็ได้ ขึ้นอยู่กับว่าใครร้องเพลง”
ลีโอกลอกตา “อย่าบอกนะว่านายตั้งค่าให้มันตอบสนองต่อเสียงของนายอีกแล้ว”
“แน่นอนสิ! เสียงฉันคืออาวุธ!” ไมโลพูดพลางหัวเราะ
ภารกิจ: แทรกซึมพิพิธภัณฑ์ใต้ดิน
เวลา 19:03 น.
พิพิธภัณฑ์ใต้ดินแห่งฟาติห์
ทีมสามคนเดินผ่านตรอกแคบ ๆ ที่นำไปสู่ประตูเหล็กบานใหญ่ซึ่งถูกฝังอยู่ใต้มัสยิดเก่า พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ไม่ปรากฏในแผนที่ ไม่มีบัตรผ่าน และไม่มีใครพูดถึงมันในที่สาธารณะ
ลีโอเสียบสายเข้ากับกล่องควบคุมไฟฟ้า “ฉันกำลังปล่อยเสียงสะท้อนจำลองเข้าไปในระบบ... ถ้าทุกอย่างเป็นไปตามแผน เราจะถูกมองว่าเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงจาก UNESCO”
“แล้วถ้าไม่เป็นไปตามแผน?” วินซ์ถาม
“เราก็จะถูกยิงก่อนที่ไมโลจะร้องท่อนฮุก” ลีโอตอบ
ไมโลยิ้ม “ฉันพร้อมแล้วนะ ถ้าต้องร้อง ‘Halo’ อีกครั้ง”
การเผชิญหน้า
ภายในห้องประมูลใต้ดิน แสงไฟสลัว ๆ ส่องไปยังวัตถุโบราณที่ถูกวางไว้บนแท่นหิน—คัมภีร์แห่งเสียงสะท้อน มันดูเหมือนแผ่นโลหะโบราณ แต่มีลวดลายที่เคลื่อนไหวได้เมื่อสัมผัสเสียง
ชายคนหนึ่งยืนอยู่ข้างแท่น เขาสวมสูทสีเทา ดวงตาคมกริบ และมีรอยแผลเป็นที่วินซ์จำได้ทันที
“อาเมียร์ คาริม” ลีโอพูดผ่านไมโครโฟนลับ “ชื่อปลอมของ... อีธาน มาร์โลว์”
วินซ์เดินเข้าไปช้า ๆ ดวงตาไม่ละจากชายตรงหน้า “นายยังมีชีวิตอยู่”
อีธานยิ้ม “เสียงของนายยังเหมือนเดิม... และมันคือกุญแจสุดท้ายที่ฉันต้องการ”
ลีโอเริ่มแฮ็กระบบเสียงของคัมภีร์ ขณะไมโลเตรียมอุปกรณ์ปล่อยคลื่นสะท้อน
“นายจะใช้เสียงของฉันเพื่อควบคุมโลก?” วินซ์ถาม
“ไม่ใช่ควบคุม... แค่ทำให้มันเงียบลง” อีธานตอบ
เสียงสะท้อนแรกเริ่มก้องในห้อง
และอดีต... กำลังจะกลายเป็นอาวุธ
บทที่ 4: เสียงของความทรงจำ
พิพิธภัณฑ์ใต้ดินแห่งฟาติห์, อิสตันบูล
เวลา 19:47 น.
เสียงสะท้อนจากคัมภีร์โบราณเริ่มก้องในห้องประมูลใต้ดิน ลวดลายบนแผ่นโลหะเรืองแสงตามจังหวะเสียงหัวใจของผู้เข้าใกล้ มันไม่ใช่แค่สิ่งของโบราณ—มันคือเครื่องมือที่สามารถปลดล็อกคลื่นความถี่ลับที่ควบคุมระบบสื่อสารทั่วโลก
วินซ์ มาร์โลว์ ยืนเผชิญหน้ากับอีธาน มาร์โลว์—พี่ชายที่เขาเคยเชื่อว่าตายไปแล้วในภารกิจที่ยูเครนเมื่อห้าปีก่อน
“นายควรตายไปแล้ว” วินซ์พูดเสียงต่ำ
“ฉันตายไปแล้ว... ในสายตาของ MI6” อีธานตอบ “แต่เสียงของนายยังอยู่ในระบบของฉัน มันคือกุญแจสุดท้ายที่ฉันต้องการ”
ลีโอ “โกสต์” นาวาร์โร ซ่อนตัวอยู่หลังเสา เขากำลังแฮ็กระบบเสียงของคัมภีร์ผ่านคลื่นความถี่ที่เขาดึงมาจากดาวเทียม เขาพึมพำกับตัวเอง “ถ้าฉันปล่อยคลื่นนี้เข้าไป... มันจะทำให้คัมภีร์เปิดเผยรหัสเสียงที่ฝังอยู่ในโครงสร้างโลหะ”
ไมโล “สปาร์กส์” วอชิงตัน คลานอยู่ใต้โต๊ะประมูล เขากำลังติดตั้งอุปกรณ์ปล่อยคลื่นเสียงสะท้อนแบบพกพา ซึ่งตั้งค่าให้ตอบสนองต่อเสียงของเขาเอง
“โอเค... ถ้าฉันร้องท่อนฮุกของ ‘Halo’ ตอนนี้... ระบบจะรีเซ็ต หรือระเบิด... หวังว่าจะเป็นอย่างแรกนะ” เขาพึมพำ
การเผชิญหน้าระหว่างพี่น้อง
อีธานเดินเข้าใกล้วินซ์ ดวงตาเขาเต็มไปด้วยความเจ็บปวดและความตั้งใจ
“นายรู้ไหมว่าเสียงของนายคือสิ่งเดียวที่ฉันจำได้ตอนถูกทรมานในไซบีเรีย?” เขาพูด “มันคือสิ่งที่ทำให้ฉันมีชีวิตอยู่... และตอนนี้ มันจะเป็นสิ่งที่เปลี่ยนโลก”
วินซ์ไม่ตอบ เขาเพียงแค่ยกปืนขึ้นช้า ๆ
“นายจะยิงฉันเหรอ?” อีธานถาม
“ไม่... ฉันจะลบเสียงของฉันออกจากระบบของนาย” วินซ์ตอบ ก่อนจะกดปุ่มบนอุปกรณ์ที่ลีโอส่งให้เขา—มันคือคลื่นเสียงที่ตรงข้ามกับเสียงของเขาเอง คลื่นที่สามารถลบข้อมูลเสียงจากระบบของอีธาน
จุดแตกหัก
ทันใดนั้น คัมภีร์แห่งเสียงสะท้อนเริ่มสั่น ลวดลายบนแผ่นโลหะเปลี่ยนเป็นสีแดง เสียงก้องในห้องกลายเป็นเสียงของวินซ์ที่ถูกบิดเบือน
ไมโลร้อง “โอเค! ถึงเวลาร้องแล้ว!” ก่อนจะเปิดลำโพงที่เล่นเสียงเขาร้อง “Halo” ด้วยคีย์ที่ผิดเพี้ยนอย่างจงใจ
ระบบรักษาความปลอดภัยเริ่มรีเซ็ต กล้องวงจรปิดดับลง ประตูทางออกเปิดออก และคัมภีร์หยุดสั่น
อีธานทรุดลงกับพื้น “นายลบฉันออกจากระบบแล้ว...”
วินซ์เดินเข้าไปใกล้ “ฉันไม่ได้ลบนาย... ฉันแค่เลือกที่จะไม่ให้เสียงของฉันเป็นอาวุธอีกต่อไป”
การหลบหนี
ทีมหลบหนีออกจากพิพิธภัณฑ์ผ่านทางลับที่ลีโอค้นพบจากแผนที่โบราณ พวกเขาขึ้นรถตู้ที่ไมโลติดตั้งระบบป้องกันด้วยเสียงของเขาเอง ลีโอพูดขณะขับรถ “นายรู้ไหมว่าเสียงของไมโลตอนร้องเพลงคือระบบป้องกันที่ดีที่สุดในโลก?” ไมโลหัวเราะ “เพราะไม่มีใครอยากเข้าใกล้มันไงล่ะ!”
วินซ์นั่งเงียบ ๆ มองออกไปยังเมืองที่เต็มไปด้วยแสงไฟ เขาไม่รู้ว่าการลบเสียงของเขาออกจากระบบจะเปลี่ยนอะไรได้บ้าง แต่เขารู้ว่า... เขาเลือกแล้ว
บทที่ 5: เสียงที่ไม่มีวันดับ
อิสตันบูล, ตุรกี
เวลา 22:13 น.
รถตู้กันกระสุนแล่นผ่านถนนแคบของอิสตันบูลอย่างเงียบเชียบ ลีโอ “โกสต์” นาวาร์โร นั่งอยู่เบาะหลัง มือถือแล็ปท็อปที่กำลังถอดรหัสข้อมูลจากคัมภีร์แห่งเสียงสะท้อนที่เขาแอบสแกนไว้ก่อนหลบหนี
“ฉันเจออะไรบางอย่างในโครงสร้างของมัน” เขาพูด “มันไม่ใช่แค่เครื่องมือควบคุมคลื่นเสียง... มันคือแผนที่”
วินซ์หันมามอง “แผนที่อะไร?”
“แผนที่เสียง” ลีโอตอบ “มันนำไปสู่สถานที่ที่สร้างคัมภีร์นี้ขึ้นมา—ใต้ดินในพุกาม ประเทศเมียนมา”
ไมโล “สปาร์กส์” วอชิงตัน หยิบโดรนขึ้นมาเชื่อมต่อกับระบบของลีโอ “ถ้าเราจะไปพุกาม ฉันต้องปรับโดรนให้บินในเขตห้ามบิน... และอาจต้องร้องเพลง ‘Halo’ อีกครั้งเพื่อหลอกระบบเรดาร์”
ลีโอกลอกตา “นายจะทำให้โลกคิดว่า Beyoncé เป็นภัยคุกคามระดับชาติ”
เงาแห่งองค์กร Orpheus
วินซ์เปิดแฟ้มข้อมูลที่เขาได้จากแหล่งข่าวในอิสตันบูล ภายในมีภาพของบุคคลระดับสูงจากหลายประเทศ—นักการเมือง, นักธุรกิจ, และอดีตเจ้าหน้าที่ข่าวกรอง—ทั้งหมดเชื่อมโยงกับองค์กรลับชื่อ The Orpheus Syndicate
“พวกเขาไม่ต้องการแค่คัมภีร์” วินซ์พูด “พวกเขาต้องการสร้างเครือข่ายเสียงทั่วโลก—ระบบที่สามารถควบคุมการสื่อสาร, การเงิน, และแม้แต่ความคิดของผู้คน ผ่านคลื่นเสียงที่ฝังอยู่ในเทคโนโลยีที่เราใช้ทุกวัน”
ลีโอพึมพำ “นั่นมันไม่ใช่ไซเบอร์พังค์... มันคือไซเบอร์สาปแช่ง”
ไมโลยิ้ม “งั้นเราก็ต้องเป็นทีมล้างคำสาปสินะ”
การเดินทางสู่พุกาม
เวลา 04:10 น.
สนามบินอิสตันบูล
ทีมขึ้นเครื่องบินเจ็ทส่วนตัวที่ถูกดัดแปลงให้มีระบบป้องกันเสียงสะท้อน ลีโอเชื่อมต่อกับดาวเทียมเพื่อสแกนพื้นที่ใต้ดินของพุกาม ขณะที่ไมโลติดตั้งอุปกรณ์ปล่อยคลื่นเสียงที่เขาเรียกว่า “เสียงแห่งความจริง”
วินซ์นั่งเงียบ ๆ มองออกไปยังท้องฟ้ายามเช้า เขารู้ดีว่าเสียงของเขาเคยเป็นอาวุธ แต่ตอนนี้... มันอาจเป็นกุญแจสุดท้ายในการหยุดองค์กรที่ใหญ่กว่าทุกสิ่งที่เขาเคยเผชิญ
จุดหมาย: พุกาม, เมียนมา
เมื่อเครื่องบินแตะพื้น ทีมเดินทางผ่านทุ่งเจดีย์โบราณที่เงียบสงบ แต่เต็มไปด้วยความลับใต้ดิน พวกเขาตามแผนที่เสียงไปยังประตูหินที่ไม่มีใครเคยเปิดมาก่อน
ลีโอพูดเบา ๆ “เสียงของนาย... คือกุญแจเปิดมัน”
วินซ์ยืนหน้าประตู สูดลมหายใจ แล้วพูดคำเดียวที่เขาเคยพูดกับพี่ชายในภารกิจสุดท้าย
“Echo.”
ประตูหินสั่นเบา ๆ ก่อนจะเปิดออก
และเบื้องหลังมัน... คือความจริงที่โลกไม่เคยได้ยิน
บทที่ 6: เสียงที่ปลุกภูเขา
พุกาม, เมียนมา
เวลา 06:12 น.
แสงแดดยามเช้าสาดผ่านทุ่งเจดีย์เก่าแก่ที่เงียบสงบ แต่ใต้พื้นดินคือเครือข่ายอุโมงค์โบราณที่ไม่มีใครเคยบันทึกไว้ในแผนที่ ทีมของวินซ์ มาร์โลว์ ยืนอยู่หน้าประตูหินที่เพิ่งเปิดออกด้วยคำว่า “Echo” เสียงสะท้อนยังคงก้องอยู่ในอากาศราวกับมันมีชีวิต
ลีโอ “โกสต์” นาวาร์โร สแกนพื้นที่ด้วยโดรนขนาดเล็กที่ติดกล้องอินฟราเรด “มีความร้อนอยู่ลึกลงไป... และคลื่นเสียงที่ไม่ควรมีในธรรมชาติ”
ไมโล “สปาร์กส์” วอชิงตัน ยิ้มกว้าง “งั้นก็ถึงเวลาทดลองของเล่นใหม่ของฉันแล้ว—‘เสียงสะท้อนแบบระเบิด’”
วินซ์หันมามอง “นายจะระเบิดอะไร?”
“ภูเขาเล็ก ๆ ที่บังทางเข้าอุโมงค์ลับไงล่ะ” ไมโลตอบ ก่อนจะกดปุ่มบนรีโมตที่ดูเหมือนจะทำจากเครื่องคิดเลขเก่า
เสียงหวีดเบา ๆ ดังขึ้น ก่อนที่ภูเขาหินเล็ก ๆ จะสั่นสะเทือน และระเบิดออกเป็นฝุ่นและเศษหิน เสียงสะท้อนจากการระเบิดก้องไปทั่วทุ่งเจดีย์เหมือนเสียงคำรามของอดีต
“โอเค... ฉันอาจจะใส่ TNT มากไปหน่อย” ไมโลพูดขณะปัดฝุ่นออกจากแว่นตา
ลีโอพูดผ่านหน้ากากกันฝุ่น “นายทำให้ Google Earth ต้องอัปเดตแผนที่ใหม่แล้ว”
ขณะทีมเดินเข้าไปในอุโมงค์ พวกเขพบกระท่อมไม้เก่า ๆ ที่ถูกใช้เป็นศูนย์ควบคุมภาคสนามขององค์กร Orpheus Syndicate ภายในเต็มไปด้วยอุปกรณ์สื่อสาร, เซิร์ฟเวอร์, และแผนที่เสียงทั่วโลก
วินซ์มองไปรอบ ๆ “เราจะไม่ปล่อยให้พวกมันใช้ที่นี่อีก”
ไมโลโยนระเบิดเพลิงขนาดเล็กเข้าไปในกระท่อม “นี่คือ ‘ไฟแห่งความจริง’ ที่ฉันออกแบบเอง”
กระท่อมลุกเป็นไฟอย่างรวดเร็ว เสียงไม้แตกดังเปรี๊ยะ ๆ ขณะเปลวไฟลามไปยังสายไฟและอุปกรณ์ดิจิทัล
ลีโอพูดเบา ๆ “เผาอดีตเพื่อปกป้องอนาคต... นายกำลังเป็นกวีแล้วนะไมโล”
ไมโลยิ้ม “ฉันก็ร้องเพลงได้ด้วยนะ อยากฟังไหม?”
“ไม่” วินซ์กับลีโอตอบพร้อมกัน
การเปิดเผยใต้ดิน
ภายในอุโมงค์ลับ ทีมพบห้องที่เต็มไปด้วยแผ่นโลหะโบราณที่ฝังคลื่นเสียงไว้ในโครงสร้าง วินซ์เดินเข้าไปใกล้แผ่นหนึ่ง เสียงของเขาก้องกลับมาในรูปแบบที่บิดเบือน
“นี่คือสิ่งที่พวกมันใช้สร้างคัมภีร์” ลีโอพูด “เสียงของนายถูกฝังไว้ในระบบของพวกมันตั้งแต่ภารกิจสุดท้ายในยูเครน”
วินซ์เงียบไป ก่อนจะพูดว่า “งั้นเราก็ต้องฝังมันไว้ที่นี่... ตลอดไป”
ไมโลติดตั้งอุปกรณ์ปล่อยคลื่นเสียงที่เขาออกแบบให้ปลดล็อกและทำลายคลื่นเสียงทั้งหมดในห้อง
“พร้อมนะ?” เขาถาม
“ปล่อยเลย” วินซ์ตอบ
เสียงสะท้อนสุดท้ายดังขึ้น
และอดีต... ถูกลบออกจากระบบของโลก
บทที่ 7: เสียงสุดท้าย
พุกาม, เมียนมา
เวลา 07:03 น.
อุโมงค์ใต้ดินทอดยาวลึกลงไปใต้พื้นดินของพุกาม แสงไฟจากไฟฉายหัวของไมโลส่องสะท้อนกับผนังหินที่เต็มไปด้วยสัญลักษณ์โบราณ เสียงฝีเท้าของทั้งสามสะท้อนกลับมาเป็นจังหวะที่ไม่สม่ำเสมอ ราวกับมีใครอีกคนเดินตามอยู่
“เสียงสะท้อนที่นี่... มันไม่ใช่แค่ฟิสิกส์” ลีโอพูดเบา ๆ “มันเหมือน... มีบางอย่างตอบกลับมา”
วินซ์หยุดเดิน “นายหมายถึงอะไร?”
“ฉันหมายถึง... มันเหมือนมีเสียงของเรา ถูกบันทึกไว้ล่วงหน้า ทั้งที่เราเพิ่งพูดไปเมื่อกี้” ลีโอพูดขณะสแกนผนัง “ที่นี่ไม่ได้แค่เก็บเสียง... มันจำเสียงได้”
ไมโลกลืนน้ำลาย “ฉันไม่ชอบที่นี่เลย มันเหมือนห้องอัดเสียงของผี”
ห้องแห่งเสียง
พวกเขาเดินมาถึงห้องโถงใหญ่กลางอุโมงค์ ผนังรอบด้านเต็มไปด้วยแผ่นโลหะโบราณที่ฝังคลื่นเสียงไว้ในโครงสร้าง เสียงของพวกเขาถูกสะท้อนกลับมาในรูปแบบที่บิดเบือน—เป็นเสียงของพวกเขาเอง แต่พูดคำที่พวกเขาไม่เคยพูด
“นี่คือห้องแม่ข่ายของระบบเสียงสะท้อน” ลีโอพูด “มันเชื่อมต่อกับเครือข่ายทั่วโลกผ่านคลื่นความถี่ใต้ดินที่ไม่มีใครตรวจจับได้”
วินซ์เดินเข้าไปใกล้แท่นกลางห้อง ที่ตั้งของ “แกนเสียง”—อุปกรณ์ทรงกลมที่หมุนช้า ๆ และปล่อยคลื่นเสียงที่มองไม่เห็นออกมา
“นี่คือหัวใจของ Orpheus Syndicate” เขาพูด “ถ้าเราทำลายมัน... พวกมันจะไม่มีวันควบคุมเสียงของโลกได้อีก”
การตัดสินใจ
ไมโลหยิบอุปกรณ์ระเบิดขนาดเล็กออกมา “ฉันสามารถตั้งเวลาให้มันระเบิดได้ภายใน 90 วินาที... แต่เราต้องรีบออกไปก่อนที่อุโมงค์จะถล่ม”
ลีโอเชื่อมต่อกับแกนเสียงผ่านสายไฟ “ฉันจะปล่อยคลื่นเสียงย้อนกลับเข้าไปในระบบ มันจะทำให้ข้อมูลทั้งหมดในเครือข่ายของพวกมันล่ม... แต่ฉันต้องอยู่จนวินาทีสุดท้าย”
วินซ์หันมามอง “ไม่ นายจะไม่อยู่ ฉันจะทำเอง”
“ไม่ นายเป็นคนเดียวที่พวกมันยังตามล่าอยู่” ลีโอตอบ “ฉันเป็นแค่เสียงในเงามืด ไม่มีใครจำฉันได้... แต่นายยังมีโอกาสเริ่มต้นใหม่”
ไมโลพูดขณะตั้งเวลาระเบิด “พวกนายจะเถียงกันอีกนานไหม? เพราะฉันไม่อยากตายพร้อมเสียงของตัวเองร้อง ‘Halo’”
การหลบหนี
ในวินาทีสุดท้าย ลีโอปล่อยคลื่นเสียงย้อนกลับเข้าไปในแกนกลาง ข้อมูลในระบบเริ่มล่มทีละชั้น เสียงสะท้อนในห้องเริ่มกรีดร้องราวกับมีชีวิต
ทีมวิ่งฝ่าความมืดกลับไปยังทางออก อุโมงค์เริ่มสั่นสะเทือน หินถล่มลงมาข้างหลังพวกเขา
เมื่อพวกเขากระโจนออกจากปากอุโมงค์ เสียงระเบิดก็ดังสนั่น
พื้นดินสั่นสะเทือน
และภูเขาเล็ก ๆ ที่พวกเขาเคยระเบิดไว้... พังทลายลงอย่างสมบูรณ์
ความเงียบหลังเสียง
ทีมยืนมองฝุ่นควันลอยขึ้นสู่ท้องฟ้าเหนือพุกาม แสงแดดสาดผ่านเจดีย์เก่าแก่ราวกับโลกกำลังถอนหายใจ ลีโอนั่งลงบนหิน หยิบเอสเปรสโซ่กระป๋องออกมาจากกระเป๋า “ฉันไม่แน่ใจว่าเราชนะ... หรือแค่ทำให้พวกมันเงียบลงชั่วคราว”
วินซ์มองไปยังขอบฟ้า “บางครั้ง... ความเงียบก็เป็นชัยชนะที่ดีที่สุด”
ไมโลยิ้ม “แล้วถ้าฉันร้องเพลงอีกล่ะ?”
ลีโอกับวินซ์หันมาพูดพร้อมกัน “อย่าแม้แต่จะคิด”
บทที่ 8: ความเงียบที่ไม่เคยเงียบ
กรุงเทพฯ, ประเทศไทย
เวลา 20:45 น.
เสียงเครื่องยนต์ของรถ SUV กันกระสุนแล่นผ่านถนนสุขุมวิทที่เต็มไปด้วยแสงไฟและชีวิต วินซ์ มาร์โลว์นั่งเงียบอยู่เบาะหลัง ดวงตาเขามองออกไปยังเมืองที่ไม่เคยหลับ—แต่ในใจเขา ทุกอย่างเงียบสนิท
ลีโอ “โกสต์” นาวาร์โร นั่งข้างคนขับ มือถือแท็บเล็ตที่แสดงผลการล่มของเครือข่ายเสียงทั่วโลก “ระบบของ Orpheus ล่มหมดแล้ว ไม่มีสัญญาณ ไม่มีคลื่น ไม่มีเสียงสะท้อน”
ไมโล “สปาร์กส์” วอชิงตัน หยิบลำโพง Bluetooth ออกมา “งั้นฉันเปิดเพลงได้แล้วใช่ไหม?”
“ไม่” วินซ์กับลีโอตอบพร้อมกัน
การตัดสินใจครั้งสุดท้าย
ทีมกลับมาที่เซฟเฮาส์ในกรุงเทพฯ—อพาร์ตเมนต์ชั้นบนสุดที่มองเห็นแม่น้ำเจ้าพระยา ลีโอกำลังลบข้อมูลทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับคัมภีร์แห่งเสียงสะท้อน ขณะไมโลกำลังซ่อมโดรนที่เกือบระเบิดตัวเองในพุกาม
วินซ์ยืนอยู่ริมระเบียง สูบบุหรี่เงียบ ๆ ก่อนจะพูดว่า “ฉันจะหายไปสักพัก”
ลีโอหันมามอง “ไปไหน?”
“ที่ที่ไม่มีเสียงของฉันอยู่ในระบบใด ๆ” วินซ์ตอบ “ฉันต้องการเริ่มต้นใหม่... โดยไม่มีอดีตตามหลอกหลอน”
ไมโลพูด “งั้นฉันจะตั้งระบบป้องกันให้ใช้เสียงของฉันแทน—ไม่มีใครอยากแฮ็กมันอยู่แล้ว”
ลีโอยิ้ม “นายจะกลับมาไหม?”
วินซ์เงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดว่า “ถ้าเสียงสะท้อนกลับมา... นายจะได้ยินฉันก่อนใคร”
เบาะแสสุดท้าย
ขณะลีโอกำลังปิดระบบ เขาพบไฟล์หนึ่งที่ไม่ควรอยู่ในระบบ—ไฟล์เสียงที่ถูกส่งมาจากแหล่งที่ไม่รู้จัก เขากดเปิด เสียงนั้นคือเสียงของวินซ์... แต่พูดคำที่เขาไม่เคยพูด
“Orpheus ไม่เคยมีแค่หนึ่งเครือข่าย... พวกมันมีอีกระบบหนึ่ง—ที่ใช้ความเงียบแทนเสียง”
ลีโอหันไปมองวินซ์ที่กำลังเดินออกจากห้อง “นายรู้เรื่องนี้ใช่ไหม?”
วินซ์ไม่หันกลับมา เขาเพียงแค่พูดว่า “เสียงที่เงียบที่สุด... คือเสียงที่อันตรายที่สุด”
Generated by Copilot-PC
นิยาย
นิยายเรื่องสั้น
นิยายสั้น
บันทึก
1
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย