เมื่อครอบครัวคือระบบพึ่งพา พ่อแม่ยุคนี้จะวางแผนอย่างไร...ให้ลูกยืนได้โดยไม่ต้องยืนแทน
เราอยากให้ลูกมีทุกอย่างที่เราไม่เคยมี แต่ลืมหรือเปล่าว่า สิ่งที่ลูกต้องการที่สุดคือ ‘ทักษะที่จะยืนได้ด้วยตัวเอง’
ในช่วงวัยที่ลูกยังอยู่ในบ้านตั้งแต่เริ่มเข้าโรงเรียนไปจนถึงมัธยมต้น หลายครอบครัวเริ่มรู้สึกว่า “เงินไม่พอ” ทั้งที่รายได้มากกว่าสมัยเริ่มทำงาน ไม่่ใช่เพราะใช้จ่ายฟุ่มเฟือย แต่เพราะ “ภาระครอบครัว” โตขึ้นพร้อมกับความคาดหวัง
ลูกเริ่มมีค่าเรียนพิเศษ อุปกรณ์ไอที โรงเรียนนานาชาติ โรงเรียนเอกชน ทัศนศึกษา ค่าใช้จ่ายเหล่านี้สำหรับหลายครอบครัวกลายเป็นตัวแทนของ “ความรัก” หลายคนบอกตัวเองว่า “ทำเพื่ออนาคตลูก” แต่ในบางครั้ง สิ่งที่ลูกได้รับกลับเป็น “ความสบายเกินจำเป็น” มากกว่า “ทักษะที่จะอยู่รอด”
ความจริงที่พ่อแม่ยุคนี้ต้องยอมรับ
สังคมเอเชียของเราเติบโตบนความเชื่อว่า “ครอบครัวต้องดูแลกัน” เราผูกพันกับลูกในแบบที่ต่างจากตะวันตก ไม่อยากเห็นลูกลำบาก ไม่อยากให้พลาดโอกาส แต่นั่นทำให้พ่อแม่รุ่นนี้ต้องเจอกับ “ความท้าทายใหม่” เพราะโลกที่ลูกจะต้องเผชิญหลังจากนี้ไม่เหมือนโลกที่เรารู้จัก
งานไม่มั่นคงเท่าเดิม
การศึกษาสูงไม่การันตีรายได้
ความสามารถในการจัดการเงินสำคัญกว่าจำนวนเงินเดือน
ในวันที่ลูกต้องยืนด้วยตัวเอง สิ่งที่จะช่วยเขาได้จริง อาจไม่ใช่ “สิ่งที่พ่อแม่ซื้อให้” แต่คือ “วิธีคิดที่พ่อแม่สอน”
สุดท้ายลูกอาจไม่สามารถยืนได้ด้วยตัวเอง ต้องพึ่งพาพ่อแม่ไปตลอด หรือ...
สุดท้ายพ่อแม่เองอาจประสบปัญหาช่วงสูงวัยที่ต้องพึ่งพิงลูก เพราะไม่ได้เตรียมเงินไว้สำหรับตัวเองเพียงพอ
พ่อแม่ลองเริ่มจาก 4 มุมมองนี้
1. ช่วยได้ แต่อย่าทำแทนทุกอย่าง
ลูกต้องรู้ว่าการได้มาซึ่งสิ่งหนึ่ง มี “ต้นทุน” อยู่เสมอ — ทั้งเงิน เวลา และความพยายาม หากลูกอยากได้ของ อยากเรียน หรืออยากไปไหน ให้เขามีส่วนร่วมในการตัดสินใจ เช่น “งบของครอบครัวปีนี้มีเท่านี้ ถ้าอยากเรียนพิเศษเพิ่ม เราอาจต้องลดอย่างอื่นลง ลูกคิดว่าอะไรสำคัญที่สุด?”
นี่ไม่ใช่การปฏิเสธ แต่คือการ “สอนให้เลือก” เพราะโลกข้างหน้าจะเต็มไปด้วยทางเลือก และไม่ใช่ทุกทางจะมีพ่อแม่คอยชำระค่าใช้จ่ายให้
2. สร้างวินัยการเงินให้ลูก ผ่านพฤติกรรมของเราเอง
พ่อแม่จำนวนมากบอกลูกว่า “ต้องรู้จักออม” แต่ลูกไม่เห็นพ่อแม่ออมเลย
คำพูดไม่เคยมีน้ำหนักเท่าพฤติกรรม ลองชวนลูกออมเงินด้วยกันในเป้าหมายที่เขาเข้าใจได้ เช่น ออมเพื่อซื้อของเล่น หรือเก็บไปเที่ยวครอบครัว
เมื่อเด็กเห็นว่า “การรอคอย” และ “การวางแผน” นำไปสู่สิ่งที่ต้องการได้ เขาจะค่อย ๆ สร้างระบบคิดทางการเงินของตัวเองโดยไม่รู้ตัว
3. จัดโครงสร้างการเงินของบ้านให้ลูกเห็นภาพ
ในวัยที่เริ่มเข้าใจเรื่องตัวเลข พ่อแม่สามารถสอนลูกเรื่อง “วงจรเงิน” ของครอบครัวอย่างง่าย เช่น รายได้–ค่าใช้จ่าย–เงินออม–เงินลงทุน ให้ลูกเห็นว่า “เงินไม่ใช่สิ่งที่หายไปเฉย ๆ” แต่คือสิ่งที่ต้องจัดการให้สมดุล มันทำให้เขาเข้าใจว่า ความมั่นคงไม่ได้เกิดจากเงินมาก แต่จาก “การรู้ว่าเงินของตัวเองอยู่ตรงไหน”
4. วางฐานให้ตัวเองก่อน เพื่อให้ลูกมั่นคงในระยะยาว
หลายครอบครัวทุ่มทุกอย่างเพื่ออนาคตลูก แต่ลืมวางอนาคตของตัวเอง
เงินเกษียณของพ่อแม่ที่ไม่แข็งแรง คือ “ความกังวลในใจของลูก” การมีระบบการเงินของตัวเอง ประกันชีวิต, บำนาญ, กองทุนระยะยาว ไม่ใช่แค่เพื่อพ่อแม่ แต่คือ “ของขวัญทางจิตใจให้ลูก” เพราะไม่มีอะไรทำให้ลูกมั่นใจได้เท่ากับการรู้ว่า พ่อแม่ของเขาจะอยู่ได้อย่างสบาย แม้ในวันที่เขาโต
ในโลกที่การแข่งขันสูง และอนาคตเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน “ความรักของพ่อแม่” ต้องแปลงร่างเป็น “ระบบความมั่นคงของครอบครัว”
การเลี้ยงลูกยุคนี้ ไม่ใช่แค่ให้เขาเก่งกว่าเรา
แต่คือให้เขา “รู้จักรับผิดชอบชีวิตตัวเอง” เร็วกว่าที่เราเคยทำได้
เพราะสุดท้าย…
สิ่งที่พ่อแม่มอบให้ลูกได้ดีที่สุด ไม่ใช่บ้านหลังใหญ่ หรือเงินก้อนโต แต่คือ “วิธีคิดที่ทำให้เขาไม่ต้องพึ่งใคร แม้ไม่มีเราอยู่ด้วย”
พ่อแม่ยุคนี้ไม่ต้องการให้ลูกลำบาก แต่บางครั้ง...การ “ช่วยทุกอย่าง” อาจเป็นการ “ขโมยโอกาสให้เขาเรียนรู้ชีวิต”
FA Talk : Money & Family
“เมื่อความรักต้องมาพร้อมระบบการเงินที่มั่นคง”
การดูแลครอบครัว ไม่ใช่แค่การให้ แต่คือ การวางแผนให้ทุกคนยืนได้ด้วยตัวเอง
- 2
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
