28 ต.ค. เวลา 07:35 • ข่าว

ครั้งหนึ่งในชีวิต

‘ทราย เจริญปุระ’ ย้อนความทรงจำประทับใจ
เคยโค้งขอ ‘สมเด็จพระพันปีหลวง’ เต้นรำ
ในงานเลี้ยงที่วังไกลกังวล ก่อนถ่ายทำภาพยนตร์
ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช
(28 ต.ค. 68) ‘ทราย’ อินทิรา เจริญปุระ นักแสดงชื่อดัง ย้อนความทรงจำสุดประทับใจผ่านเฟซบุ๊กว่า…คิดทบทวนอยู่หลายรอบว่าจะเล่าเรื่องนี้ดีมั้ย แต่อยากบันทึกไว้ว่าเป็นครั้งหนึ่งในชีวิต เหมือนครั้งได้เข้าเฝ้าล้นเกล้ารัชกาลที่ 9 และท่านมีรับสั่งด้วย ก็ได้เล่าและบันทึกผ่านต้นฉบับเอาไว้ว่าเป็นเหตุการณ์น่าจดจำครั้งหนึ่งในชีวิต และการได้เข้าเฝ้าพระพันปีในช่วงปี 2546-2547 ก็เป็นอีกหนึ่งเรื่องราวที่อยากจะบันทึกไว้ จริง ๆ ไม่ได้เป็นความลับอะไร เพราะคนใกล้ชิดเราก็รู้เหตุการณ์นี้เหมือนกัน
ขออนุญาตใช้ภาษาธรรมดาในการถ่ายทอด ผิดพลาดตรงไหนต้องขออภัยด้วยนะคะ
ตอนที่ได้รับเลือกให้เล่น ‘ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช’ ท่านมุ้ยก็บอกเลยตั้งแต่แรกว่าต้องไปเข้าเฝ้านะ สมเด็จพระราชินี (เรียกตามพระอิสสริยยศในตอนนั้น) ท่านสนใจภาพยนตร์เรื่องนี้ อยากทราบความคืบหน้า เราก็รับทราบตามนั้น แต่ยังไม่ได้เตรียมตัวถ่ายทำอะไร
จนท่านมุ้ยตามให้ไปเข้าเฝ้าที่วังไกลกังวล กำชับอย่างดีว่าให้แต่งตัวดีๆ ห้ามมอมแมมแบบปกติ ใส่กระโปรง ใส่รองเท้ามีส้น ใส่สูทด้วยนะ สมเด็จฯ ท่านจะเลี้ยงมื้อเย็น นี่ก็นั่งรถตู้ไปพร้อมท่าน ไปถึงค่ำๆ ก็ไปนั่งโต๊ะ จำไม่ค่อยได้แล้วว่ามีนักแสดงคนไหนไปบ้าง น่าจะมีคุณแอฟ กับพี่ปีเตอร์ด้วย ตอนนั้นพี่เบิร์ดกับพี่ต๊อดท่านยังไม่ได้เลือกว่าจะให้เล่นบทไหน เราก็เลือกเก้าอี้นั่งไปงง ๆ
เพราะเขาไม่ได้กำหนดที่ ปรากฏว่าพอสมเด็จท่านเสด็จลงมานั่งโต๊ะ ก็อยู่ตรงข้ามที่นั่งเราพอดี ทั้งเกร็งทั้งเงอะงะ ไม่กล้าเงยเท่าไหร่ แต่อาหารอร่อยมาก จำได้ว่ามีเมนูก๋วยเตี๋ยวแก้มหมูตุ๋นที่อยากกินอีก แต่ไม่กล้าขอ
โต๊ะที่สมเด็จฯ ท่านนั่งก็จะมีผู้ใหญ่ ๆ นั่งกัน ท่านมุ้ย หม่อมกมลา ท่านผู้ว่าจังหวัด ทหาร/ตำรวจชั้นผู้ใหญ่ ฯลฯ เป็นโต๊ะดินเนอร์ยาว ๆ มีดนตรีบรรเลงเป็นวงเล่นสด เล่นเพลงสตริงปัจจุบันสลับกับเพลงเก่า ท่านมุ้ยให้คนมาบอกว่าให้เราไปร้องเพลง เราบอกเราไม่ได้เตรียมตัวเลย ท่านบอกร้องไปเถอะ ไม่เป็นไร สมเด็จท่านอยากเห็น ก็เลยร้องเพลง ‘วอน’ ของพีชแบนด์ เพราะวงเล่นให้ได้ยินช่วงต้นงาน เลยร้องไปก่อน ไม่อยากดื้อกับท่าน ทั้งที่มั่นใจว่าเสียงสั่นมากแน่ ๆ แต่ก็ร้องได้จนจบ
จนดึกมากๆแบบตีสามตีสี่ ไฟในห้องก็เริ่มสลัว ๆ มีคนมาจัดโต๊ะใหม่ ให้ตรงกลางกว้างขี้น เขาบอกเดี๋ยวจะเต้นรำกัน เราซึ่งง่วงด้วย อิ่มด้วยก็นั่งดู มีผู้ใหญ่มาเต้นรำแบบสโลวเป็นคู่ๆ นั่งพักกันบ้างเวลาเพลงเร็ว สลับคู่ไปโค้งกันบ้าง น่ารักดี ก็นั่งดูเพลินๆ จนเห็นท่านมุ้ยที่เต้นรำกับหม่อมอยู่พยักเพยิดมาทางเรา นี่ก็งง ๆ เอามือชี้ตัวเองว่าเรียกเราเหรอ ท่านพยักหน้าว่าใช่ แล้วก็บุ้ย ๆ ไปทางโต๊ะใหญ่ แล้วก็ชี้ให้ดูที่ท่านเต้นรำกับหม่อมอยู่
อ๋อ จะให้เราลุกไปโค้งขอเต้น
แต่ใครหว่า
คือห้องก็มืดมาก แล้วเราไม่รู้จักใครเลยที่โต๊ะใหญ่ เห็นมีสมเด็จกับอีก 2-3 ท่านนั่งอยู่ นี่ก็ไม่มั่นใจว่าผู้ใหญ่ที่เป็นผู้ชายอาจจะมากับภรรยา จะไปโค้งก็กลัวดูไม่ดี เราเลยไปโค้งขอสมเด็จฯ เต้น ท่านก็หัวเราะแล้วเรียกองครักษ์มาประคองขึ้น แล้วเกาะแขนเราไปกลางฟลอร์ คนก็แหวกๆทางให้ เราเองจำไม่ได้แล้วว่าเพลงอะไร แต่น่าจะเป็นเพลงฝรั่งแบบไม่ช้ามาก นี่ก็เต้นแบบก้าวชิด ก้าวชิดไปเรื่อย ๆ หน้าสมเด็จฯ ท่าน เราก็ไม่ค่อยกล้ามอง ดูเพดานสลับก้มดูพื้นอย่างเดียวเพราะกล้วมืด ๆ ไปเหยียบเท้าท่าน
ก็เต้นไปจนจบ สมเด็จท่านก็ขอบใจแล้วองครักษ์ก็พาท่านไปที่โต๊ะ เรากำลังจะเดินกลับก็โดนท่านมุ้ยคว้าแขนไว้แล้วกระซิบ
‘ไอ้ทราย กูให้มึงไปโค้งท่านผู้ว่า มึงผ่าไปโค้งสมเด็จเต้น!’
โอโหหหหห จากที่อ๊อง ๆ อยู่คือตื่นเลย ช๊อตแรงมาก ก็เราไม่รู้นี่ จำได้ว่าบอกท่านว่า ก็ไม่บอกดี ๆ ล่ะะะะ โอ้ย เอาหน้าชี้ ๆ หนูก็ไม่รู้อ่า จะโดนดุมั้ย ท่านบอกกูก็ไม่รู้ กูไม่เคยเห็นเด็กผู้หญิงที่ไหนไปขอเต้นกับสมเด็จฯเหมือนกัน
จนเช้าจบงาน สมเด็จท่านฯ จะเสด็จขึ้น ก็ไปยืนรอส่งเสด็จ ก้มหน้าเลยคราวนี้จนท่านเดินผ่านก็ถอนสายบัว แล้วท่านก็หยุดรับสั่งด้วย
‘คราวหน้ามาเต้นรำด้วยกันอีกนะจ๊ะ’
ทุกวันนี้ท่านมุ้ยกับหม่อมยังเอามาขำเราอยู่ ว่าเข้าเฝ้างานไหน งานนั้นต้องมีเหตุทุกที แต่เอาเข้าจริงเราก็ไม่โดนดุ และเรื่องนี้ก็อยู่ในใจเสมอมา
โฆษณา