28 ต.ค. เวลา 08:22 • ยานยนต์
AC vs DC Charger สงครามกระแสไฟ ที่คนใช้รถ EV ต้องรู้ก่อนติดที่ชาร์จที่บ้าน
กระแสรถ EV มาแรง แต่เรื่องชาร์จยังสับสน
ปฏิเสธไม่ได้ว่าปี 2025 คือยุคทองของรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ในประเทศไทยอย่างแท้จริง เราเห็นรถ EV ป้ายแดงวิ่งบนท้องถนนมากขึ้นทุกวัน ด้วยแรงสนับสนุนจากภาครัฐและราคาที่เข้าถึงง่ายขึ้น แต่เมื่อคุณได้เป็นเจ้าของรถ EV คันโปรดแล้ว คำถามสำคัญที่จะตามมาทันทีคือ "จะชาร์จไฟที่ไหน อย่างไร?"
หลายคนอาจเคยได้ยินคำว่า AC Charger และ DC Charger ผ่านหูมาบ้าง แต่ก็ยังสับสนว่ามันคืออะไร ต่างกันอย่างไร และที่สำคัญที่สุด...ที่บ้านของเราควรติดตั้งแบบไหน? บทความนี้จะมาไขทุกข้อข้องใจให้กระจ่าง
AC Charger "ที่ชาร์จสามัญประจำบ้าน" ชาร์จช้า แต่ชัวร์
AC Charger หรือเครื่องชาร์จไฟกระแสสลับ (Alternating Current) คือเครื่องชาร์จที่เราพบเห็นได้บ่อยที่สุดสำหรับการติดตั้งตามบ้าน คอนโดมิเนียม หรือที่ทำงาน
หลักการทำงานแบบเข้าใจง่าย
ไฟฟ้าที่ส่งมาตามสายไฟบ้านเราคือไฟกระแสสลับ (AC) แต่แบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าเก็บไฟในรูปแบบกระแสตรง (DC) เสมอ ดังนั้น AC Charger จึงทำหน้าที่เป็นเพียง "ตัวกลาง" ที่ส่งไฟฟ้า AC เข้าไปในรถ จากนั้น "On-board Charger" หรือตัวแปลงไฟที่ติดตั้งอยู่ ภายในตัวรถ จะทำหน้าที่แปลงไฟ AC ให้เป็น DC อีกที ก่อนจะเก็บเข้าแบตเตอรี่
เหมาะกับการใช้งานแบบไหน?
เหมาะอย่างยิ่งกับการชาร์จแบบข้ามคืน (Overnight Charging) ที่บ้าน หรือชาร์จระหว่างวันทำงานที่ออฟฟิศ ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่เราจอดรถทิ้งไว้นานหลายชั่วโมง
ข้อดี / ข้อควรพิจารณา
ข้อดี:
ราคาถูกกว่า: ทั้งค่าเครื่องและค่าติดตั้งมีราคาที่เข้าถึงง่ายกว่า DC Charger มาก
ติดตั้งง่าย: สามารถติดตั้งในบ้านพักอาศัยได้โดยไม่ต้องขอระบบไฟฟ้าแรงสูง
ถนอมแบตเตอรี่: การชาร์จด้วยกำลังไฟที่ไม่สูงเกินไป ช่วยยืดอายุการใช้งานของแบตเตอรี่ในระยะยาว
ข้อควรพิจารณา:
ใช้เวลาชาร์จนาน: โดยทั่วไปใช้เวลา 6-12 ชั่วโมงในการชาร์จจนเต็ม (ขึ้นอยู่กับขนาดแบตเตอรี่และกำลังไฟของเครื่องชาร์จ)
DC Charger "ซูเปอร์ชาร์จ" แห่งสถานีสาธารณะ เติมไว ไปต่อ
DC Charger หรือเครื่องชาร์จไฟกระแสตรง (Direct Current) คือเครื่องชาร์จกำลังสูง ที่เรามักจะเจอตามสถานีชาร์จสาธารณะริมทางด่วน ห้างสรรพสินค้า หรือจุดพักรถต่างๆ
หลักการทำงานที่แตกต่าง
หัวใจของ DC Charger คือมันมี "ตัวแปลงไฟขนาดใหญ่" อยู่ ภายในเครื่องชาร์จเอง มันจะแปลงไฟ AC จากระบบของการไฟฟ้าให้เป็น DC ก่อน แล้วจึงอัดไฟกระแสตรงเข้าสู่แบตเตอรี่รถยนต์โดยตรง โดยไม่ต้องผ่าน On-board Charger ในตัวรถอีก เปรียบเสมือนการ "บายพาส" เพื่อเติมพลังงานให้เร็วที่สุด
เหมาะกับการใช้งานแบบไหน?
เหมาะสำหรับการเดินทางไกลที่ต้องการความรวดเร็ว หรือการแวะชาร์จเพื่อเติมพลังงานระหว่างวัน
ข้อดี / ข้อควรพิจารณา
ข้อดี:
ชาร์จเร็วมาก: สามารถชาร์จแบตเตอรี่จาก 10% ไปถึง 80% ได้ในเวลาเพียง 20-40 นาที
ข้อควรพิจารณา:
ราคาสูงมาก: ค่าเครื่องและค่าติดตั้งสูงกว่า AC Charger หลายเท่าตัว
ไม่เหมาะกับบ้าน: ต้องการระบบไฟฟ้ากำลังสูง และไม่จำเป็นสำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวัน
อาจส่งผลต่อแบตเตอรี่ระยะยาว: การอัดประจุด้วยกำลังไฟสูงบ่อยครั้ง อาจทำให้แบตเตอรี่เสื่อมสภาพเร็วกว่าการชาร์จแบบปกติ
สรุปเทียบหมัดต่อหมัด AC vs DC Charger
สถานที่ติดตั้ง
AC Charger: บ้าน, คอนโด, ออฟฟิศ
DC Charger: สถานีชาร์จสาธารณะ, จุดพักรถ
ความเร็วในการชาร์จ
AC Charger: 6-12 ชั่วโมง (ช้า)
DC Charger: 20-40 นาที (เร็วมาก)
ค่าใช้จ่าย
AC Charger: ต่ำ
DC Charger: สูง
ผลต่อแบตเตอรี่
AC Charger: ถนอมแบตเตอรี่
DC Charger: ใช้บ่อยอาจทำให้เสื่อมเร็วขึ้น
ตัวแปลงไฟ
AC Charger: อยู่ในตัวรถ
DC Charger: อยู่ในเครื่องชาร์จ
แล้วที่บ้าน...ควรเลือกติดที่ชาร์จแบบไหนถึงจะ "ใช่"?
จากข้อมูลทั้งหมด คำตอบนั้นชัดเจนมาก สำหรับบ้านพักอาศัย การติดตั้ง AC Charger คือคำตอบที่ถูกต้องและเหมาะสมที่สุด
เพราะพฤติกรรมการใช้รถในชีวิตประจำวันของเราคือการกลับมาจอดที่บ้านในตอนกลางคืน ซึ่งมีเวลาเหลือเฟือสำหรับการชาร์จให้เต็ม 100% เพื่อพร้อมใช้งานในวันถัดไป การลงทุนกับ DC Charger ที่บ้านจึงเป็นการลงทุนที่เกินความจำเป็นและไม่คุ้มค่าอย่างยิ่ง
Checklist เลือกซื้อ AC Charger คู่ใจสำหรับบ้านคุณ
เมื่อรู้แล้วว่าต้องติด AC Charger คำถามต่อมาคือจะเลือกอย่างไรดี? นี่คือ Checklist ง่ายๆ
กำลังไฟ (kW): ตรวจสอบระบบไฟที่บ้านว่าเป็น 1 เฟส หรือ 3 เฟส เพื่อเลือกเครื่องชาร์จขนาด 7.4 kW หรือ 22 kW ให้เหมาะสม
มาตรฐานความปลอดภัย: มองหาเครื่องชาร์จที่ได้รับมาตรฐานสากล เพื่อความปลอดภัยสูงสุดของบ้านและรถของคุณ
ฟังก์ชันอัจฉริยะ (Smart Features): เครื่องชาร์จรุ่นใหม่ๆ มักมาพร้อมแอปพลิเคชันที่สามารถตั้งเวลาชาร์จ, ตรวจสอบสถานะ, และดูประวัติการใช้งานได้ ซึ่งช่วยให้บริหารจัดการพลังงานได้ดียิ่งขึ้น
ผู้จัดจำหน่ายและทีมติดตั้ง: นี่คือหัวใจสำคัญที่สุด การเลือกซื้อไม่ใช่แค่การดูสเปกเครื่อง แต่ต้องมั่นใจว่าได้ผลิตภัณฑ์จากตัวแทนจำหน่ายที่น่าเชื่อถือ เช่น เครื่องชาร์จแบรนด์ Wallbox ที่มีฟังก์ชันครบครัน และที่สำคัญที่สุด คือต้องติดตั้งโดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญที่มีความเข้าใจในระบบไฟฟ้าอย่างแท้จริง เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจตามมาในระยะยาว
การเปลี่ยนมาใช้รถ EV คือก้าวสำคัญสู่อนาคตที่ยั่งยืน และการมีที่ชาร์จที่เหมาะสมที่บ้านคือการเติมเต็มประสบการณ์การใช้งานให้สมบูรณ์แบบ การศึกษาข้อมูลและ การเลือกที่ชาร์จ EV ที่เหมาะสมและติดตั้งอย่างปลอดภัย จึงไม่ใช่แค่เรื่องของความสะดวกสบาย แต่เป็นเรื่องของความคุ้มค่าและความปลอดภัยสำหรับคุณและครอบครัวในระยะยาว หากไม่แน่ใจ การปรึกษาผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ทั้งด้านผลิตภัณฑ์และการติดตั้งอย่าง ณัฐภูมิ อีควิปเม้นท์ จึงเป็นก้าวแรกที่สำคัญที่สุด
- 1
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
