29 ต.ค. เวลา 01:00 • หุ้น & เศรษฐกิจ

5 หุ้นไฟฟ้า! รุ่งหรือดับ?

หุ้นวิชั่น –จากกรณีที่ คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) มีมติสำคัญเกี่ยวกับโครงการพลังงานแสงอาทิตย์และระบบไฟฟ้า บล.เอเชียพลัส มีมุมมอง ดังนี้:
1) โครงการโซลาร์ฟาร์มชุมชน: เห็นชอบกรอบหลักการเบื้องต้นของโครงการโดยกำหนดให้เป็นโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดิน ขนาดไม่เกิน 10 เมกะวัตต์ต่อแห่ง รวมไม่เกิน 1,500 เมกะวัตต์ทั่วประเทศ อัตรารับซื้อไฟฟ้า (FiT) ไม่เกิน 2.25 บาทต่อหน่วย สัญญา 25 ปีโดยจะเปิดให้เอกชน ร่วมกับชุมชนเสนอขายไฟฟ้า โดยกพช.ได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการเข้าร่วมให้แล้วเสร็จภายในเดือนพฤศจิกายนนี้
2) เห็นชอบแผนปรับปรุงระบบส่งไฟฟ้าเพื่อรองรับ Data Center และพื้นที่ EEC :อนุมัติให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยใช้งบประมาณเบื้องต้น 3,000 ล้านบาท เพื่อพัฒนาระบบส่งไฟในภาคตะวันออก รองรับความต้องการใช้ไฟฟ้ารวมกว่า 1,750 MWจากผู้ประกอบการ Data Center พร้อมมอบหมายให้จัดทำแผนลงทุนเพิ่มเติมระยะยาว วงเงินรวมราว 30,500 ล้านบาท
3) โครงการพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดิน (โครงการเดิม) : เห็นชอบแนวทางการลงนามสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (PPA) โดยกำหนดอัตรารับซื้อไฟฟ้าไว้ที่ 2.1679 บาทต่อหน่วย ซึ่งเป็นขั้นตอนสำคัญที่จะช่วยให้ผู้ประกอบการที่ผ่านการคัดเลือกแล้วสามารถเดินหน้าโครงการและเริ่มจ่ายไฟเข้าระบบได้
ประเด็นดังกล่าว ถือเป็นมุมมองเชิงบวกต่อภาพรวมกลุ่มโรงไฟฟ้าทั้งกลุ่ม โดยเฉพาะผู้ประกอบการที่ทำธุรกิจเกี่ยวเนื่องกับแผง solar รวมถึงผู้ประกอบการโรงไฟฟ้าภาคเอกชน ในแง่ของโอกาสการลงทุนใหม่ๆ จาก solar ชุมชน และการขยายความต้องการในระบบไฟฟ้าในอนาคต แม้ในมุมของการสร้างกำไรอาจไม่ได้มีนัยฯมากนัก
เนื่องจากแต่ละโครงการมีขนาดเล็ก และอัตราค่าไฟที่ไม่ได้อยู่สูงเมื่อเทียบกับอัตราค่าไฟในอดีต แต่ถือเป็นส่วนช่วยสร้างสีสันของกลุ่มโรงไฟฟ้าให้กลับมาอยู่ในกระแสได้อีกครั้งหนึ่ง นอกจากนี้การเร่งเซ็น PPA ของโครงการเดิมที่เคยชะลอไว้ในช่วงก่อนหน้า ถือเป็นเป็นมุมมองเชิงบวกที่ช่วยให้โครงการเดิมที่ค้างอยู่มีความคืบหน้ามากขึ้น
ช่วงสั้น อาจหาจังหวะเข้า trading ตามกระแส สำหรับกลุ่มผู้ประกอบการที่ผลิตและจำหน่ายอุปกรณ์ที่เกี่ยวเนื่องกับ solar เช่น GUNKUL, SOLAR เป็นต้นรวมถึงกลุ่มผู้ประกอบการโรงไฟฟ้าที่มีความพร้อมด้านในการเสนอคัดเลือกรับซื้อไฟฟ้า หรือมีการต่อยอดลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับ data center อาทิ GULF, BGRIM, GPSC เป็นต้น
มาที่ บล.พาย ระบุว่า บรรยากาศรอบโลกค่อนข้างสดใส นักลงทุนคาดหวังการลดดอกเบี้ยของ FED และ AI ยังเป็น Theme หลักขับเคลื่อน (ดีเชิงจิตวิทยากับ DELTA) กลยุทธ์การลงทุนมองหุ้นที่อิงเศรษฐกิจภายในที่ปรับลงเป็นโอกาสสะสมมากกว่า อาทิ ค้าปลีก (BJC -CRC- CPALL- CPAXT- HMPRO) ธนาคารพาณิชย์ (BBL- KBANK- KTB- SCB) ศูนย์การค้า (CPN) ท่องเที่ยว (CENTEL- MINT)
SCB (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 146 บาท) ท่ามกลางความท้าทายทางเศรษฐกิจที่จำกัดการขยายตัวของสินเชื่อ และคุณภาพสินเชื่ออาจอ่อนแอลง SCB เพิ่มความระมัดระวังด้วยการตั้งสำรองหนี้ฯ พิเศษรวม 3 พันลบ. ใน 9M25 รองรับความผันผวน และอาจพิจารณากลับเป็นรายได้ในอนาคตหากสถานการณ์คลี่คลายลง นอกจากนี้ กลยุทธ์การนำ AI มาใช้เพิ่มประสิทธิภาพทำให้ควบคุมค่าใช้จ่ายดำเนินงานได้ดีส่งผลให้ Cost to income ratio ทรงตัวราว 40%
CPN (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 80.00 บาท) 2H25 เบื้องต้นคาดมีโอกาสเห็นการฟื้นตัวในทุกธุรกิจโดยเฉพาะธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่จะมีการเปิดโครงการใหม่เพิ่มและการเร่งโอนคอนโดใหม่เข้ามา ขณะที่ธุรกิจศูนย์การค้าได้รับผลดีจากการเปิดโครงการเซ็นทรัล พาร์ค และกระบี่ ที่มีกำหนดเปิดในช่วง เดือน ก.ย. และ ต.ค. ตามลำดับ
โฆษณา