วันนี้ เวลา 09:29 • กีฬา

🔴 ลิเวอร์พูลจะหยุดสถานการณ์เลวร้ายที่แอนฟิลด์ได้อย่างไร?

แชมป์เก่าลิเวอร์พูล กำลังเผชิญช่วงเวลาที่ยากที่สุดในยุคของ อาร์เน่อ ชล็อต
พวกเขาแพ้ถึง 5 จาก 6 นัดหลังสุดในทุกรายการ และปัญหาต่าง ๆ ก็ดูจะทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ
ยกเว้นเพียงเกมที่บุกชนะ ไอน์ทรัค แฟรงค์เฟิร์ต ที่ดูเหมือนเป็นแสงสว่างอันน้อยนิดในความมืด ก่อนจะกลับมาดิ่งลงเหวอีกครั้งในเกมพ่ายเบรนท์ฟอร์ด 2–3
ช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา ลิเวอร์พูลเสริมทัพด้วยผู้เล่นที่มีเทคนิคและคุณภาพสูง แต่ปัญหาคือ “ขณะที่ลิเวอร์พูลเดินหน้าในทางหนึ่ง ลีกกลับเคลื่อนไปอีกทาง”
ฟุตบอลพรีเมียร์ลีกปีนี้กลับมาสู่ยุคที่ ใช้พละกำลัง ความดุดัน และลูกตั้งเตะ ที่กลายเป็นกุญแจสู่ความสำเร็จ ซึ่งไม่ใช่สไตล์ของทีมอาร์เน่อ ชล็อตเลย
ในช่วงที่ทีมผลงานย่ำแย่ เขาพยายามปรับระบบและขยับผู้เล่นอยู่ตลอด แต่มีเพียงเกมเดียวเท่านั้น คือเกมที่พบกับแฟรงค์เฟิร์ต ทีมเปลี่ยนมาใช้ระบบ 4-4-2 ที่ให้ผลลัพธ์เชิงบวกจริง ๆ
ปัญหาเริ่มจากการ “เสียประตูเร็ว”
ในห้านัดที่แพ้ ลิเวอร์พูลถูกนำก่อนในนาทีที่ 9, 16, 14, 2 และ 5 ตามลำดับ และส่วนใหญ่ก็เกิดจาก “โอกาสยิงครั้งแรกหรือครั้งที่สอง” ของคู่แข่ง เมื่อทีมต้องตามหลังเร็ว ระบบที่ทีมวางไว้ก็พังทันที เพราะคู่แข่งสามารถถอยตั้งรับและสวนกลับได้ง่าย
ดังนั้น ก่อนจะพูดถึงแท็กติก ลิเวอร์พูลต้องกลับไปเริ่มจากพื้นฐานให้ถูกต้องเสียก่อน
เริ่มที่เกมรับ : กลับไปใช้ประสบการณ์
อาร์เน่อ ชล็อต พยายามให้โอกาส มิลอส เคอร์เคซ ซึ่งแม้บางคำวิจารณ์จะไม่ยุติธรรมนัก แต่เจ้าตัวก็ยังเอาแน่เอานอนไม่ได้ และดูยังไม่เหมาะกับบทบาทปัจจุบัน
ดังนั้นการเลือก แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน กลับมาประจำการแบ็กซ้ายอีกครั้งอาจช่วยให้แนวรับกลับมามี “ความนิ่งและภาวะผู้นำ” มากขึ้น
ฝั่งขวา โจ โกเมซ ก็เป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจ แม้จะมีประวัติอาการบาดเจ็บ แต่เขามีจุดเด่นในการเล่นลูกกลางอากาศ ซึ่งทั้ง คอเนอร์ แบรดลีย์ และเจเรมี่ ฟริมปง (ที่ยังเจ็บอยู่) ไม่มี
อย่างไรก็ตาม โกเมซเป็นตัวสำรองเซ็นเตอร์แบ็คเพียงคนเดียวที่เหลืออยู่ หากเขาเจ็บอีก ทีมจะลำบากยาวถึงเดือนมกราคมแน่ ๆ
แดนกลาง : ความแข็งแกร่งต้องมาก่อน
ในแดนกลาง โดมินิค โซบอสไล คือคนที่ฟอร์มคงเส้นคงวาที่สุด หากเคอร์ติส โจนส์ อาการขาหนีบไม่หนัก ทั้งคู่ควรได้เล่นร่วมกัน โดยมี ไรอัน กราเฟนแบร์ก กลับมาเสริมเป็นแกนหลักอีกคน (เกมก่อนไม่ได้ลง)
สามคนนี้มีจุดร่วมคือ “รูปร่างสูงใหญ่และเข้าปะทะได้ดี” ซึ่งเป็นสิ่งที่ลิเวอร์พูลต้องการตอนนี้มากกว่าความสวยงามของการต่อบอล
ในทางกลับกัน ความพยายามของชล็อตที่จะดึง อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ ให้คืนฟอร์มยังไม่สำเร็จ แม้เจ้าตัวจะเป็นหัวใจแดนกลางเมื่อซีซั่นก่อน แต่ตอนนี้ทั้งฟอร์มและความฟิตยังไม่ถึงระดับนั้น
แนวรุก : กลับสู่พลังทางกายภาพ
สามตำแหน่งในแนวรุกมีตัวเลือกมากมาย โคดี้ กัคโป, อเล็กซานเดอร์ อิซัค, ฮูโก้ เอกิติเก้, โมฮาเหม็ด ซาลาห์, โฟลเรียน เวียร์ตซ์ และ เฟเดริโก เคียซ่า หากเน้นเรื่อง “พละกำลังและลูกกลางอากาศ” ชุดที่เหมาะสมที่สุดคือ กัคโป, อิซัค และ เอกิติเก้
แม้การตัดสินใจดร็อปทั้งซาลาห์และเวียร์ตซ์จะเป็นเรื่องใหญ่ แต่จากตัวเลขจากการดวลก็สะท้อนว่าทั้งคู่ยังไม่เข้ากับเกมที่ต้องใช้ความแข็งแกร่ง
อย่างไรก็ตาม ประตูสุดสวยของซาลาห์ในเกมกับเบรนท์ฟอร์ดอาจเป็นสัญญาณการคืนฟอร์ม ขณะที่เวียร์ตซ์ยังคงสำคัญเมื่อทีมครองเกมได้ เพียงแต่ในจังหวะที่โดนกดดัน เขาหายไปจากเกมมากเกินไป
ระบบที่ใช่ : 4-4-2 แบบยืดหยุ่น
จากเกมกับแฟรงค์เฟิร์ต ระบบนี้ดูเหมาะกับลิเวอร์พูลที่สุด ณ ตอนนี้ และขึ้นอยู่กับความฟิตของ อิซัค, กราเฟนแบร์ก และโจนส์
11 ตัวจริงที่แนะนำสำหรับเกมพบแอสตัน วิลล่า :
มามาร์ดาชวิลี – โรเบิร์ตสัน – ฟาน ไดจ์ – โกนาเต้ – โกเมซ – กัคโป – โจนส์ – กราเฟนแบร์ก – โซบอสไล – อิซัค – เอกิติเก้
ตอนนี้อาจไม่มีคำว่าถูกหรือผิด แต่สิ่งที่ชล็อตต้องทำคือ “เลือกเส้นทางและยึดมั่นกับมัน”
สุดท้ายแล้ว ความเข้มข้น, ความดุดัน, สมาธิ และการแย่งบอลจังหวะสอง คือสิ่งที่ลิเวอร์พูลต้องเรียกกลับมาให้ได้โดยเร็ว...
ที่มา : The Athletic (Andy Jones)
เรียบเรียงและสรุปโดย : เดอะค็อปขบถลูกหนัง (เจษซอย7)
#liverpoolfc #ynwa
โฆษณา