เมื่อวาน เวลา 09:32 • ข่าว

ยกระดับระบบช่วยเหลือฉุกเฉินไทย ด้วยเทคโนโลยี AML ส่งพิกัดเรียลไทม์ ช่วยชีวิตได้ทันเวลา

ทรู ผนึกภาครัฐ ยกระดับระบบช่วยเหลือฉุกเฉินไทย ด้วยเทคโนโลยี AML ส่งพิกัดเรียลไทม์ ช่วยชีวิตได้ทันเวลา ในสถานการณ์ฉุกเฉิน ทุกวินาทีมีค่า การรู้ตำแหน่งของผู้ประสบเหตุอย่างแม่นยำคือหัวใจของการช่วยชีวิต ทรู คอร์ปอเรชั่น จึงร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐ ได้แก่ กสทช., สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (191) และสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.) พัฒนาและทดสอบระบบ Advanced Mobile Location (AML) เทคโนโลยีระบุพิกัดผู้โทรแจ้งเหตุแบบเรียลไทม์ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการช่วยเหลือฉุกเฉินของประเทศไทยให้ทันสมัยและแม่นยำยิ่งขึ้น
ทำไมต้องมีเทคโนโลยี AML
ที่ผ่านมา ศูนย์รับแจ้งเหตุฉุกเฉินของไทย ทั้งสายด่วน 191 และ 1669 มักเผชิญปัญหาผู้แจ้งไม่สามารถระบุตำแหน่งที่แน่ชัด โดยเฉพาะเมื่อเกิดเหตุในพื้นที่เปลี่ยวหรือผู้ประสบเหตุอยู่ในภาวะตกใจ ข้อมูลจากสพฉ. ระบุว่า ปัจจุบันมีเพียง 42% ของผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤต ที่เจ้าหน้าที่สามารถเข้าถึงได้ภายใน 8 นาที ซึ่งถือเป็น “มาตรฐานสากลของระบบแพทย์ฉุกเฉิน” และเป็น “ช่วงเวลาทองแห่งชีวิต (Golden Time)ของการช่วยชีวิต
เทคโนโลยี AML จึงถูกพัฒนาขึ้นโดยเฉพาะ เพื่อช่วยระบุตำแหน่งของผู้โทรแจ้งเหตุอย่างอัตโนมัติและแม่นยำภายในไม่กี่วินาทีโดย
ขั้นตอนการทำงานของระบบ AML
  • เมื่อมีการโทรแจ้งเหตุผ่านหมายเลข 191 หรือ 1669
  • สมาร์ทโฟนระบบ Android จะเปิดฟังก์ชัน AML โดยอัตโนมัติ (เฉพาะบนเครือข่ายที่รองรับ เช่น ทรู และดีแทค)
  • ระบบจะรวบรวมข้อมูลพิกัดจาก GPS, Wi-Fi และสัญญาณโทรศัพท์มือถือ
  • จากนั้นส่งข้อมูลตำแหน่งแบบเรียลไทม์ไปยัง ศูนย์รับแจ้งเหตุ
  • เจ้าหน้าที่สามารถเห็นพิกัดของผู้โทรบนแผนที่ทันที และส่งทีมช่วยเหลือไปยังจุดเกิดเหตุได้อย่างรวดเร็ว
  • จุดเด่นคือ ไม่ต้องติดตั้งแอปพลิเคชันเพิ่ม และยังคงคำนึงถึงความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ พิกัดจะถูกส่งเฉพาะเมื่อมีการโทรแจ้งเหตุเท่านั้น
ประโยชน์ของระบบ AML
  • เพิ่มความแม่นยำในการค้นหาตำแหน่ง ลดเวลาการเข้าช่วยเหลือ
  • เพิ่มโอกาสรอดชีวิตของผู้ประสบเหตุ โดยเฉพาะเหตุหัวใจหยุดเต้นหรืออุบัติเหตุรุนแรง
  • ลดภาระของผู้แจ้งเหตุ ที่ไม่ต้องอธิบายพิกัดด้วยตนเอง
  • ยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยของประเทศ ให้เทียบเท่าประเทศพัฒนาแล้วที่ใช้ AML เช่น สหราชอาณาจักร และออสเตรเลีย
โครงการนี้เป็นผลจากการประสานพลังของหลายภาคส่วน ทั้งภาครัฐและเอกชน ในการทำงานด้วยกันหลายๆด้าน โดยกสทช. จะกำกับดูแลมาตรฐานและความปลอดภัยของระบบ
และมีสพฉ. และ 191 เป็นผู้ใช้งานระบบจริงในภาคสนาม ส่วนทางทรู คอร์ปอเรชั่น และ ดีแทค ทำการสนับสนุนโครงสร้างพื้นฐานเครือข่ายและเทคโนโลยี
ถือเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญของการใช้ “เทคโนโลยีเพื่อชีวิต” ที่ช่วยให้ระบบโทรคมนาคมไทยไม่เพียงเชื่อมต่อผู้คน แต่ยังเชื่อมต่อ “โอกาสในการรอดชีวิต” ในทุกสถานการณ์ฉุกเฉิน
มุ่งสู่อนาคตที่ปลอดภัยยิ่งขึ้น
เมื่อระบบ AML ถูกพัฒนาให้ครอบคลุมทุกเครือข่ายและทุกอุปกรณ์ในอนาคต ประเทศไทยจะก้าวเข้าสู่ยุคของการช่วยเหลือที่ “แม่นยำ ทันเวลา และปลอดภัย” อย่างแท้จริง
เทคโนโลยีที่ดูเรียบง่ายนี้ อาจกลายเป็น “ตัวเปลี่ยนเกม” ที่ช่วยชีวิตคนไทยได้อีกนับไม่ถ้วน
โฆษณา