28 ต.ค. เวลา 16:39 • ท่องเที่ยว
หุบเขาจิ่วจ้ายโกว

ตอนที่ 4 ทริปจิ่วไจ้โกว ทริปท่องเที่ยวหรือทริปฝึกจิต

ความกังวลใจและความเครียดเรื่องกลัวว่าจะไม่มีตั๋วรถโดยสารไปจิ่วไจ้โกวที่มีในจินตนาการของลุงหมอ กลับกลายเป็นความจริงขึ้นมา เมื่อเจอเหตุการณ์ไม่คาดฝันแบบนี้ก็ทำให้ทุกๆคนในทริปก็เร่ิมมีความกังวลเช่นกันแต่ทุกคนก็ยังอยู่ในอาการสงบ และพวกเราก็ตกลงกันว่าเราจะทำตามแผนการเดินทางของเรา
วันนี้เราจะต้องเดินทางไปจิ่วไจ้โกวให้ได้ และนี่ก็เป็นการบ้านของน้องไกด์ที่พวกเรามอบให้น้องแบบกระทันหัน น้องจะต้องไปจัดหารถมาให้ได้ และน้องไกด์ก็ออกจากสถานีรถโดยสารไปอย่างรวดเร็ว ตอนนี้เราได้ส่งต่อความกังวลและความเครียดไปให้น้องไกด์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ดังนั้นในเวลานั้นพวกเราก็รออยู่ในสถานีอย่างสงบ
อีกอย่างทุกคนน่าจะคิดเหมือนลุงหมอ ถึงแม้เราจะโวยวายต่อว่าน้องไกด์เท่าไหร่ก็ไม่น่าจะเกิดประโยชน์และความหวังเดียวที่พวกเรามีก็อยู่ที่ตัวน้องไกด์นั่นแหละ
น้องไกด์ออกไปจากสถานีไปเกือบๆ 2 ชั่วโมงก็กลับเข้ามา น้องบอกพวกเราว่า ตอนนี้น้องติดต่อรถเหมาได้แล้ว แต่ปัญหาคือเราต้องนั่งรวมไปกับผู้โดยสารชาวจีนคนอื่นๆ ด้วย และรถพร้อมออกเดินทางในตอนบ่าย
น้องถามพวกเราว่าจะโอเคไหม ถ้าโอเคน้องก็จะแจ้งไปที่เจ้าของรถ พอได้ฟังข่าวดีทุกคนก็ไม่รอช้าตอบตกลงในทันที
หลังจากนั้นน้องไกด์ก็หายไปจากสถานีรถโดยสารอีกรอบ และรอบนี้น้องใช้เวลาไม่นานนักก็กลับมา พร้อมกับสีหน้าวิตกกังวลพร้อมกับแจ้งรายละเอียดการเดินทางใหม่ว่า “เอ่อ ! รถที่ตกลงเช่าไว้นั้นเราไม่ต้องเดินทางรวมกับชาวจีนแล้ว แต่ว่าเรารถที่ได้มาเป็นรถเล็ก 2 คัน พวกเราจะไม่สามารถเดินทางไปด้วยกันได้ ดังนั้นจะต้องแยกเป็นสองกลุ่ม กลุ่มแรก 3 คน และกลุ่มที่สอง 6 คน แบบนี้ทุกคนจะโอเคไหม” เอ๋า ทำไมอุปสรรคมาในหลายรูปแบบจัง
เนื่องจากในกลุ่มเรามีผู้ชายแค่ 3 คน คือพี่สถิตย์ ผมและน้องไกด์ การที่จะแบ่งว่าใครไปกับใครก็เป็นงานที่ยากพอสมควร เพราะพวกเราก็ห่วงเรื่องความปลอดภัยของสมาชิก ไม่รู้ว่ารถที่เหมามานั้นจะไว้ใจได้ไหม จะปล้นฆ่าเราไหมนะ สารพัดความกังวลประดังประเดเข้ามาในใจ และในที่สุดเราก็ตกลงกันได้ว่าเราจะแบ่งสมาชิกดังนี้
กลุ่มแรก 3 คน มีลุงหมอ คุณแป๋วภรรยาลุงหมอและพี่สถิตย์
กลุ่มที่ 2 มีน้องไกด์ พี่จีภรรยาพี่สถิตย์ พี่ปู พี่นิด อาจารย์แป๋วและน้องเมย์
พอทุกอย่างลงตัวเราก็ตอบตกลง The trip must go on เป็นไงเป็นกัน
พอใกล้เวลาออกเดินทางที่รถเหมาแจ้งไว้ก็มีหญิงชาวจีนทำหน้าที่พาพวกเราเดินลากกระเป๋าถูลู่ถูกังเดินเข้าไปในซอยแคบๆที่มีรถเก่ง รถแวน รถส่งของขับผ่านไปมาอยู่ตลอด ลุงหมอก็แอบหวาดเสียวกลัวว่าจะโดนรถพวกนี้เฉี่ยวตูดเอา
พอไปถึงจุดนัดขึ้นรถซึ่งตรงนั้นมีกลุ่มชายชาวจีนยืนสูบบุหรี่อยู่หลายคน ดูไม่น่าไว้ใจเอาซะเลย ยังกับว่าจะเป็นจุดที่นัดส่งยาเสพติดในหนังฮ่องกงที่ลุงหมอเคยชอบดูเมื่อตอนเด็กๆ สักพักก็มีรถแวนกับรถเอสยูวีมาจอดแล้วกลุ่มชายชาวจีนที่ยืนสูบบุหรี่นั่นเองที่เรียกให้พวกเราขึ้นรถและช่วยพวกเราขนกระเป๋าขึ้นรถ และเมื่อทุกคนขึ้นรถเรียบร้อย การผจญภัยของพวกเราก็ได้เริ่มขึ้น
เหตูการณ์บนรถอีกคันลุงหมอไม่ทราบว่ามีอะไรเกิดขึ้นบ้าง ถ้าคุณคุณอยากรู้ก็คงต้องให้สาวๆอีกกลุ่มหรือไม่ก็ให้น้องไกด์มาเล่าให้ฟัง แต่ในคันที่ลุงหมอกับคุณแป๋วและพี่สถิตย์นั่งมานั้น เราก็แอบเครียดอยู่พอสมควร เครียดด้วยเรื่องอะไร คงไม่พ้นความเครียดว่าจะโดนหลอก โดนทำร้าย ทำนองนี้แหละ ไม่ทราบว่าสมาชิกคนอื่นๆ จะคิดเหมือนลุงหมอหรือเปล่านะครับ แต่ลุงหมอนี่อดคิดไม่ได้เลยจริงๆ
รถคันที่ลุงหมอนั่งมานั้นเป็นรถเอสยูวีที่เก่าพอสมควร น่าจะผ่านการใช้งานมานาน ส่วนคนขับรถเป็นหนุ่มอายุน่าจะไม่เกิน 30 ปี อยู่ในวัยทำงาน เราไม่สามารถสื่อสารอะไรกันได้เลย พวกเราพูดภาษาจีนไม่ได้ ส่วนหนุ่มคนขับพูภาษาไทยไม่ได้ ภาษาอังกฤษนี่ไม่ต้องพูดถึง ดังนั้นเราก็ได้แต่นั่งคุยกันเองตามประสา
พอเริ่มออกเดินทางพี่สถิตย์ผู้รอบคอบก็เริ่มเปิด google map ปักหมุดไปที่จิ่วไจ้โกวทันทีเพื่อดูว่าเราจะเดินทางไปทางไหนและอีกอย่างก็เป็นการเช็คด้วยว่าคนขับรถจะพาเราออกนอกเส้นทางเพื่อพาเราไปปล้นหรือเปล่า และเราก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ รถออกนอกเส้นทางไม่เหมือนใน google map เลย
คนขับพาเรามุ่งหน้าเข้าเมืองและตัดเข้าถนนเล็กๆ เข้าซอยเล็กๆ วกไปวนมาเหมือนจะพยายามทำให้เราสับสน และสุดท้ายก็พาเราไปจอดที่หน้าตึกเก่าๆตึกหนึ่ง และที่ตรงนั้นก็มีชายหนุ่มชาวจีนสะพายกระเป๋าเป้และมานั่งที่เบาะหน้าคู่กับคนขับ
ลุงหมอสังเกตว่าเขาสองคนน่าจะรู้จักกันอยู่แล้วเพราะคุยกันดูเหมือนสนิทสนมกันมาก และคนขับก็ไปยกลังคล้ายๆลังบรรจุปลาสดมาอัดเข้าไปในที่เก็บของท้ายรถที่มีกระเป๋าเดินทางของพวกเราอัดแน่นอยู่ก่อนแล้ว พอเรียบร้อยเค้าก็ขับรถพาเราวกไปวนมาอีกครั้ง ที่สำคัญคือออกนอกเส้นทางที่ google map แสดง และเค้าก็ไปหยุดที่อาคารอีกแห่งหนื่งจากนั้นเค้าก็เอาลังบรรจุปลาลงไปส่งให้คนที่อยู่ในตึกนั้น เอ๋า นี่มาส่งของหรอกหรือ นึกว่าจะพามาปล้นฆ่าซะอีก
จากนั้นเค้าก็พาพวกเราออกเดินทางไปตาม google map ทำให้พวกเราคลายความกังวลลงไปได้บ้าง แต่ก็ยังไม่ได้คุยกับคนขับเลย เราคุยกันว่าจริงๆแล้วคนขับก็อาจจะกลัวเราอยู่เหมือนกันแหละ เพราะเรามีกันสามคน ส่วนเค้ามีแค่สองคนและที่สำคัญเรานั่งอยู่เบาะหลังจะตีหัวหรือบีบคอเค้าก็สะดวกอยู่นา หุหุหุหุ
พอไปถึงกลางทางเราก็พักรถและแวะเข้าห้องน้ำ ในตอนนี้เองที่พวกเราได้เจอกันพร้อมหน้าพร้อมตาอีกครั้ง เพราะรถอีกคันก็มานัดเจอกันที่จุดนี้นั่นเอง แล้วเราเลยได้ถ่ายรูปร่วมกันอีกครั้งโดยมีน้องไกด์เป็นช่างภาพ และในที่สุดลุงหมอก็หมดความกังวลเรื่องการเดินทาง เริ่มไว้ใจน้องไกด์และแอบชื่นชมในใจว่า ไอ้นี่มันก็แก้ปัญหาได้ดีนะ น่าจะพาเรารอดแล้วล่ะ และที่สำคัญพวกเราก็เริ่มไว้ใจคนขับรถ เราพยายามสื่อสารกับคนขับและผู้โดยสารชาวจีนคนนั้นเป็นระยะๆ แต่ก็ไม่ค่อยเข้าใจกันนักหรอก
คุณคุณคงคิดว่าต่อจากนี้ไปลุงหมอคงจะหมดความกังวงวลในตัวน้องไกด์แล้ว เปล่าเลยครับ ยังมีอีก
ฝากติดตามต่อนะครับ
โฆษณา