29 ต.ค. เวลา 22:05 • หนังสือ

๏ ครั้นมาถึงสำนักเรียกบักหาก บ้านช่องมากมีฝรั่งมาตั้งขลุม

โจรผู้ร้ายไม่ระงับต้องจับกุม ฤๅที่ซุ่มซ่อนกันอันธพาล
ประเดี๋ยวเรือติดหาดฉาดกระโชก เก้าอี้โยกหน้าแหงนแสนสงสาร
กลาสีไม่เปนสุขลุกลนลาน หยั่งน้ำขานร้องว่าปาป็อกปลอ
กัปตันดูแผนที่คลี่กระดาษ จะคัดวาดก็ไม่รอดทอดสมอ
เอาเชือกขึงขึ้นฝั่งรั้งหัวตอ ต้องหยุดรอหาร่องไม่คล่องใจ
เรือถอยหน้าถอยหลังอยู่อย่างนั้น หมวกกัปตันเหมือนลูกข่างไม่ว่างได้
ญวนนำร่องก็มีที่เอาไป ต้องจนใจว่าทางกลางทเล
จักร์ก็พุ้ยตะบันหันหัวท้าย ทั้งกรวดทรายรู่ท้อง​ลอยป่องเป๋
ถ้าถึงน้ำลึกกะเหมือนคะเน ถูกทำเลทางจรนอนสบาย
อันเรือชนิดนี้ดีนักหนา จุคนกว่าสองร้อยยังลอยหลาย
กินน้ำสองศอกแบบเขาแยบคาย ถึงหาดทรายเพียงสะดือครืออุทร
มีห้องหับสำหรับขังน้ำได้ สูบไว้ใต้ท้องเรือเผื่อไว้ก่อน
ศีร์ษะติดวิดไปท้ายได้ทั้งตอน ต้องสูบผ่อนสู้หาดไม่ขาดวัน
มีปืนฮอสกิดติดเจ็ดบอก อยู่ตามซอกดาดฟ้าตั้งท่าหัน
สร้างสำหรับนครจรจรัล เพื่อป้องกันตรวจตราจลาจล ฯ
๏ ครั้นถึงเมืองฮองฮัวพอมัวหน้า ทอดนาวาลอยคว้างอยู่กลางหน
พักหลับนอนผ่อนกายสบายตน พอสุริยนเยี่ยมฟ้าก็คลาไคล ฯ
๏ ครั้นถึงป้อมตูมีที่เปนด่าน พวกทหารอยู่บนเนินเดินไสว
ด้วยเปนแหลมยื่นงอกออกมาไกล ฝรั่งได้รักษาว่าตำบล ฯ
๏ ถึงคำเข้เคหาประดาดาษ หญิงชายกลาดเดินสลับคับถนน
มีตึกร้านบ้านญวนสมควรยล เปนตำบล​เตียนลาดสอาดดี
สุดจะร่ำทำเลสะเตชั่น เรือกำปั่นไม่พักเปิดจักร์จี๋
แต่ว่าตามแบบบทกำหนดมี สักสิบสี่แห่งลำแม่น้ำแดง
คนที่ไหนมีมากไม่อยากว่าง ตั้งขุนนางญวนสำหรับกำกับแขวง
ทั้งทหารยุโรปเปียนไม่เปลี่ยนแปลง ล้วนแขงแรงครอบงำธรรมดา
แล่นบ้างจอดบ้างมากลางน้ำ หัวเรือตำแต่ละครั้งโดนฝั่งฝา
จนบุบบู้ดูไม่งามอร่ามตา เพราะเปนท่าหลีกหาดอนาถใจ
กัปตันว่าทางเหนือนี้เหงื่อหยด มันไม่หมดหาดลงที่ตรงไหน
ต้องติดค้างคืนวันแทบบรรไลย คอยแก้ไขเปนกังวลทนรำคาญ ฯ
๏ ครั้นถึงเมืองทันควันหกวันหย่อน ขึ้นพักผ่อนบนสะเตช์เคหฐาน
ด้วยต่อนั้นขึ้นไปไม่ได้การ มีแต่ย่านเกาะแก่งแท่งโตๆ
ได้พักอยู่บนค่ายฝ่ายฝรั่ง ดูรุงรังแฝกหญ้าหลังคาโบ๋
พื้นเปนดินเลี่ยนโถงเหมือนโรงโป เคร่เย้โย้นอนนั่งดังออกกราว
เสร็จไปด้วยไม้เฮี้ยเสียทั้งหมด ช่างเต็มยศอาตมาเมื่อหน้าหนาว
โต๊ะ​เก้าอี้รัปทานทั้งหวานคาว เอามือเท้าดังกระเทือนเหมือนลูกพรวน
มีโรงกว่าสิบหลังทั้งตลาด ขายผักกาดถั่วงาแม่ค้าสวน
ตามประเภทตำบลของคนญวน พอสมควรบ้านเมืองเครื่องกันดาร
ทั้งพวกเจ๊กก็อุส่าห์ขึ้นมาตั้ง ขนมปังเครื่องกระป๋องและของหวาน
เหล้าบ้าหรั่นเบียดำกับน้ำตาล มีสองร้านตามภาษาข้างป่าดง
มีตึกจีนอยู่บนเนินสูงเติ่นเต่อ ออฟฟิเซอเอาเปนของต้องประสงค์
ถัดขึ้นไปเปนเขายกเสาธง ทางขึ้นลงมีทหารอยู่งานยาม
ราษฎรนั้นตั้งอยู่ฝั่งหนึ่ง ผู้คนอึงออกระเบงไม่เกรงขาม
เลี้ยงหมูไก่ขายกินถิ่นอานาม มีถ้อยความฟ้องลงแก่องค์กราน ฯ
๏ ครั้นรุ่งเช้าถึงคราวจะเดินบก แสนวิตกไม่มีสุขสนุกสนาน
ทั้งเซนเยมแบตแวลแสนชำนาญ ผู้จัดการขนของมากองวาง
กุลีที่เอามายังว่าน้อย บรรจบร้อยทันควันเปนการจ้าง
ให้แบกหีบหาบหามไปตามทาง นายระวางถือไม้มีหลายคน
คอยว่ากล่าวเตือนตีไม่​มีสุข ดูคนคุกดีกว่าเวลาขน
มีทหารญวนระวังเปนกังวล ถือปืนกลหกสิบพอดิบดี
แต่แต่งตัวลม้ายคล้ายกับเจ๊ก ใส่หมวกเล็กครอบเย้บนเกศี
รูปเหมือนกับจานแบนช่างแสนดี ผ้าแดงมีพันมวยดูสวยตา
แล้วออกจากทันควันตวันเที่ยง แซ่แต่เสียงฝุ่นกลบลบพฤกษา
ไม่เห็นมีผู้ใดทำไร่นา ขี่อาชาเดินหลามตามอรัญ
ม้าเซนเยมขาวปลอดตาบอดข้าง สบัดย่างเหยาะเยิ่นเดินขยัน
แต่คุณพระแบตแวลมีแม้นกัน กับนายบรรหารขี่สีน้ำตาล
หลวงคำณวนนั้นแซมม้าแกมแก่ ไม่ต้องแซ่เดินชนก้นทหาร
ท่านขุนปราบชลไชยผู้ใจอารย์ โดนสันดานอัศวาม้าคะนอง
เขาเรียกมันปะตินัวตัวเหมือนหมึก หกพิลึกเผ่นโผนโจนผยอง
แกพลัดตกแต่ละทีเหมือนตีกลอง อายุของแกก็มากแทบลากโครง
แต่ตัวเราม้าด่างรูปร่างเล็ก เดินกะเผล็กผอมผ่ายเกือบตายโหง
เปนม้าอย่างตังเกี๋ยเสียเคราะห์โรง ต้องเข้าโลงสักวันเปนมั่นคง
เดินไปสามชั่วโมง​ก็มีด่าน แต่น้อยบ้านเคหาป่าระหง
ฝรั่งทำตึกพักปักเสาธง พึ่งสร้างลงยังไม่เสร็จสำเร็จดี
บนโขดเขาปราบเตียนเหมือนเจียนเล่น แล้วก่อเปนตึกทาน้ำยาสี
ในหุบห้วยลึกชันนั้นก็มี คุมกุลีให้ทำกระหน่ำไป
เราแลเห็นเปนเหมือนก้นกะทะ ชั่งมานะลงไปสร้างหว่างไศล
เขาคิดอยู่เหมือนพยัคฆสำนักไพร ทั้งท่าไล่หนีสู้ไม่ดูเบา
ฝังเหล็กรางทางแต่ยอดภูผา จนถึงท่าหาดทรายตกชายเขา
มีรถลากขนลงส่งปูนเตา ทั้งอิฐเผาตัวไม้ขึ้นไปทำ
ได้พักอยู่ดูเล่นเห็นสิงขร แล้วลาจรเข้าดงเปนพงต่ำ
ไปตามสายเตลิคราฟทาบประจำ ริมแม่น้ำเดินง่ายสบายดี
ทั้งผู้คนม้าฬามาเปนสาย เสียงเวยวายกลางกระบวรว่าญวนหนี
ทหารยิงตามหลังปังไปที ถูกกุลีบ้างฤๅไรไม่ได้ความ
หายไปสี่ห้าคนค้นไม่พบ เพราะมันหลบกลัวจะแหลกด้วยแบกหาม
ก็พ้นทุกข์กันไปเขาไม่ตาม พลถึงยามเย็นนอนที่ดอนดิน
เอาเคาชูปูหลังคาในป่าชัฎ ต้อง​เยียดยัดหลังโค้งเหมือนโก่งศิลป
นอนแต่พอหลับตาเอนกายิน ที่พื้นดินแล้วไปด้วยใบตอง
ครั้นรุ่งเช้าแบตแวลแสนฉลาด ลงไปหาดหาเรือจะเผื่อของ
บังเอินเจ๊กเจ้ากรรมมาตำซอง เอาหมูล่องเรือไปขายทันควัน
แบตแวลเรียกตามภาษาของตาแปะ มันไม่แวะกลัวตายรีบผายผัน
ยกปืนโกโย้ไกเรียกไปพลัน จึ่งได้หันเข้ามาทำหน้าเซียว
ว่าเรือเจ้าจะเอาบรรทุกของ ไม่ให้ลองดูซิหวาอย่าตาเขียว
ขนหีบใส่ให้ตามไปลำเดียว น้ำก็เชี่ยวดักดานทหารคุม
แล้วพากันครรไลยขึ้นไหล่เขา เปนปุ่มเปาสูงดาดทั้งลาดหลุม
กับสัตว์ร้ายในคิรีก็มีชุม อีกโจรซุ่มซ่อนกันอันธพาล
ทั้งสองฝั่งแม่น้ำตามวิถี ล้วนคิรีเปนกำแพงแซงประสาน
หยุดนอนไปตามอรัญที่กันดาร จนตรีวารเดินตบึงมาถึงลำ
ตั้งเปนค่ายไม้เฮี้ยเกลี่ยดินเรียบ มีทำเนียบพื้นแคร่แลไม่ขำ
กับทหารซ้อมหัดจัดประจำ ที่ด่านลำหกสิบหยิบบรรยาย
แล้วจัดให้หลวงคำณวนควรสงสาร นายบรรหาร​ขุนปราบหลาบมาหลาย
เพราะเหน็ดเหนื่อยเมื่อยคร้ามทั้งสามนาย ให้ลงฝ่ายเรือแหวดกับแบตแวล
แต่ตัวเราคุณพระไม่ละลด ต้องเดินหมดความยากลำบากแสน
ฝนก็ตกยุงริ้นกินเปนแดน ใส่คะแนนทากไม่ทันเกาะกันนุง
ยังต้องเปนมองซิเออเสมอยศ มันเกาะหมดไม่ว่าใครจนในถุง
ทั้งเสื้อผ้าหน้าหนาวคราวบำรุง เล่นกันยุ่งเหลือใจด้วยไทยแปลง
มีห้วยหนึ่งทางม้ามาไม่ได้ เขาเกณฑ์ให้ทหารแซะแกะระแหง
จนเปนที่ลาดไถลไปด้วยแรง มีหลายแห่งเดินต้องมองระวัง ฯ
๏ ครั้นรุ่งขึ้นถึงบาวาเวลาสาย ค่อยสบายหนทางแต่ป่างหลัง
นอนบนโรงโคกเขาเสาไม้รัง พอประทังหยุดพักสำนักทาง
อันค่ายนี้มีทหารอยู่ร้อยกว่า ตั้งรักษาตามถนัดไม่ขัดขวาง
ทั้งสองฟากน้ำแดงเปนแขวงบาง ด้วยมีทางเข้าเขตรประเทศจีน
ค่ายบนยอดคิรีเปนสี่แห่ง ไม่แสยงปรปักษเหมือนหลักหิน
มีโค​สักร้อยกว่าไว้ฆ่ากิน ด้วยเปนถิ่นกันดารอาหารญวน
ครั้นออกจากบาวาเวลาตรู่ ถึงภูลูรีบจรัลพอวันถ้วน
มีทหารครอบงำเปนจำนวน ห้าสิบถ้วนรายตั้งตามบังคับ
เรือนกัปตันที่อยู่ดูไม่ครึ้ม เหมือนโรงทึมทำท่าฝาเครื่องสับ
สนามเพลาะรอบค่ายขุดไว้รับ รั้วสลับแล้วไปด้วยไผ่ตง
เวลารุ่งออกพลันไม่ทันสาย ฝนประปรายทั่วฟ้าป่าระหง
ทั้งเปียกปอนนอนค้างที่กลางดง หมอกก็ลงทั่วอรัญตามมรรคา ฯ
๏ พอสองวันบัลลุลาวกายสถาน แสนสำราญสุขสวัสดิ์สหัสา
มีตึกอยู่เทียมท้าวเจ้าพระยา ตามภาษาดงแดนแสนกันดาร
หลวงคำณวนที่มานาวาแหวด กับตัวแบตแวลฝ่ายนายบรรหาร
ทั้งขุนปราบชลไชยผู้ใจอารย์ สามวันวารก็มาพร้อมหน้ากัน
เมืองลาวกายนี้เปนปลายตังเกี๋ย ช่างสูงเสียเหลือเหตุเปนเขตรขันธ์
ตั้งอยู่ถิ่นทิศอิสาณฝานตวัน ต่อเขื่อนคันกวางตุ้งสุดกรุงญวน
มีแม่น้ำขั้นกลางกว้างสักเส้น มองกันเห็น​รู้ว่ามีนาสวน
ฝรั่งไม่อาจข้ามไปลามลวน กลัวมันฮ้วนพาลพาโลเรียกโพเซง
มีเขารายอยู่รอบขอบแม่น้ำ ป้อมประจำตั้งทั่วล้วนตัวเสง
แต่ผู้คนมากมายคล้ายสำเพ็ง ยิงระเบงคุยโผงโมงละครืน
เขาว่าเจ๊กน้อยใจเมืองไลเสีย ทัพตังเกี๋ยเอาขาดไม่อาจขืน
ต้องแตกไปย่อยยับไม่กลับคืน จึ่งยิงปืนโศกให้เมืองไลเจา
คิดถึงเจ๊กอัศจรรย์ขันหนักหนา เมื่อเสียท่าพวกแซ่ไม่แก้เขา
อำนาจก็โตใหญ่มิใช่เบา มายิงเป้าหนวกหูอยู่ทำไม
ฤๅเหลือจะรักษาอาณาเขตร เปนประเทศเล็กน้อยก็ปล่อยให้
เปรียบเหมือนเสือเข้าบ้านรำคาญใจ ต้องเสียไก่ทุ่นท้องไม่ร้องอึง
ถ้าป้อมจีนจะทำลายลาวกายป่น ไหนจะทนขัดขืนด้วยปืนถึง
ยิงลงมาจากเขาสักเก้าตึง ก็จะถึงแก่พินาศดาษดา
อันที่จริงก็ยังกริ่งฝรั่งเศส ต่างคุมเขตรตั้งมั่นขันรักษา
แต่ฝรั่งหมายประโยชน์โภชนา จะเบิดท่าค้าขายเอาใจจีน
ลาวกายนี้ก็ของหลียงฟูก่อน เปนเจ๊กจรนครังเชื้อกังฉิน
เดิมอยู่เมืองกวังสีไม่มีกิน ​ใจทมิฬเที่ยวผจญปล้นประชา
จนมั่วสุมผู้คนได้ล้นหลาย เอาลาวกายเปนที่พักนัคหรา
อยู่ในพวกธงดำทำศักดา ถืออาญาสิทธิ์ขาดราษฎร
มีตึกรามป้อมกำแพงแข็งแรงมาก ปิดสลากบอกระยะเก็บขนอน
จนฦๅนามตามประเทศเขตรนคร ได้ตัดตอนครอบงำแต่ลำพัง
เวลานั้นจอมนรินทร์แผ่นดินเจ๊ก คิดจะเก๊กยกทัพมาจับฝั่ง
แต่หนทางลึกล้ำเหลือกำลัง จึ่งยับยั้งขอสงบไม่รบกวน
ครั้นอยู่มาศึกฝรั่งติดตังเกี๋ย จวนจะเสียปั่นเป๋ระเหหวน
เจ้ากรุงจีนสิ้นปัญญารักษาญวน ใช้คนควรเทียมทูตมาพูดจา
ให้เกลี้ยกล่อมหลียงฟูหางหนูเล็ก เปนชาติเจ๊กดุนักเหมือนยักษา
ให้ว่าที่แม่ทัพรับอาญา ในพลากรฝ่ายปลายบุรี
แม้นฝรั่งยกขึ้นมาเวลาไหน จงโต้ให้เต็มอำนาจราชสีห์
ถ้าลาวกายปลายตังเกี๋ยนั้นเสียที เขตรบุรีจีนคงเปนผงไป
แต่ว่าหลียงฟูผู้ฉลาด มีอำนาจคราวนั้นยิ่งหวั่นไหว
คุมทหารจีนประจัญแทบบรรไลย ​แต่ว่าไม่ออกหน้าเปนท่าทาง
ครั้นเหลือสู้รู้ฤทธิจึ่งคิดหนี ทิ้งบุรีตามถนัดด้วยขัดขวาง
ฝรั่งเที่ยวสืบถามเหมือนตามกวาง ชั้นรูปร่างไม่รู้จักยักษ์ฤๅคน
ตึกของหลียงฟูอยู่เดี๋ยวนี้ คือเปนที่คอมมันดันแบ่งปันผล
อยู่ตามชอบครอบครองเปนของตน ว่าตำบลลาวกายฝ่ายคอนวอย
เอาเปนเมืองสำหรับรับอาหาร จ่ายตามด่านทั้งหลายให้ใช้สอย
ที่ขนขึ้นเอามาแต่ฮานอย จึ่งเรียบร้อยทุกทำเลสะเตชัน
มีทหารปกครองอยู่สองร้อย ประจำคอยฝึกหัดเขาจัดสรรค์
ด้วยเปนเมืองหน้าด่านปราการกัน ต้องกวดขันรักษาพยายาม
มีเรือนโรงชาวบุรีสี่สิบหลัง กับห้างตั้งขายของอยู่สองสาม
น้อยกับโพเซงถิ่นข้างจีนจาม มีสักสามร้อยกว่าหลังคาเรือน
คิดถึงหลียงฟูอากู๋เอ๋ย กระไรเลยมักใหญ่ใครจะเหมือน
ต้องละถิ่นฐานขาดอำนาจเฟือน ว่าหลบเลือนไปปักกิ่งทิ้งนคร
เพราะโภคาพิบัติจึ่งพลัดพราก อุปฐากต้นกำเนิดก็เปิดถอน
ด้วยสันดานเปนพาลพเนจร ไม่ถาวรสิ้นคิดหมดฤทธิ์ตน ฯ
​๏ ฝ่ายพวกไทยได้พักอัครฐาน แสนสำราญสุขสวัสดิ์ไม่ขัดสน
นับทางแต่ทันควันขั้นตำบล เดินมาจนถึงนี่ยี่สิบวัน
โอ้อกเอ๋ยยิ่งครรไลยก็ไกลมิตร ให้แสนคิดถึงที่รักพักตร์บุหลัน
ได้ร่วมอาสน์พาสนามาด้วยกัน สักกึ่งวันมิได้ไกลสะไบบาง
มาแรมป่าลาน้องให้หมองพักตร์ เริ่มแต่รักอนิจังยังไม่หมาง
เจ้าจะแสนทุกข์ถึงรำพึงพลาง ไม่วายว่างเว้นวันตั้งรัญจวน
แม้นเห็นพี่บุกป่าเวลายาก จะออกปากรบเร้าเฝ้ากำศรวล
คิดถึงเจ้าเช้าเย็นไม่เว้นครวญ หัวอกป่วนปานใครเอาไฟอัง
อีกจะต้องเดินแพ่นเข้าแดนฮ่อ หมดหัวร่อปลงสุขเปนทุกขัง
ยิ่งท้อถอยผอยผ่อนอ่อนกำลัง ต้องขึงขังแขงกล้าไม่อาวรณ์
แต่ฝรั่งยังเบื่อเหมือนเสือร้าย ไม่อาจกรายเกริ่นกริ่งแต่สิงขร
ทั้งพวกโจรใจฉกรรจ์เที่ยวสัญจร ยังราญรอนไม่เรียบให้เงียบลง
คอมมันดันนั้นใจกษัยสานต์ เพิ่มทหารให้ระวังดังประสงค์
กลัวจะเปนอันตรายที่ในดง บังคับส่งพวกไทยไปไลเจา ฯ
​๏ ครั้นรุ่งข้ามน้ำแดงแขวงป่าชัฎ ฝรั่งจัดเตรียมการเปนด้านเขา
กับผู้นำข้าหลวงกระทรวงเรา พร้อมทั้งเหล่าพวกกุลีที่จะไป
ออกเดินตรงลงทิศตวันตก ไม่แวะวกกว้างขวางเปนทางใหญ่
สำหรับฮ่อขายค้ามาแต่ไร บ้างถากไถนาอยู่มีผู้คน
เดินพลางทางคิดอดสูแสน ถึงแบตแวลขอบใจเขาหลายหน
เกาวนาฮานอยใช้สอยตน มาเปนคนส่งไทยดูให้ดี
ครั้นเมื่อถึงลาวกายเปนชายขลาด ออกขยาดทางป่าบากหน้าหนี
ว่าลูกเมียของเขาที่เย่ามี ไม่พอที่จะมาตายให้ไกลเมีย
ทำบิดพลิ้วนิ่วหน้าว่าข้าไข้ ขอตัวไว้พอระงับแต่กลับเสีย
แต่บางคนเรียกว่าเปนซาเวีย ในตังเกี๋ยแปลกตนอยู่คนเดียว
เปนฝรั่งใจเด็กคล้ายเจ๊กจ้อย เหมือนรับถ้อยเกาวนาให้มาเที่ยว
นี่ก็เสียราชการขึ้นผ่านเกลียว แต่ไม่เกี่ยวข้องเราข้างชาวไทย
บางคนว่าเปนชาติโปรตุเกศ ละประเทศเปลี่ยนแซ่แก้นิไสย
มาขอติเกตให้เนตตุราไลย เข้าอยู่ในปับลิกันชันสะเลอ
​นิจาเอ๋ยพูดไทยกันได้บ้าง ถ้าขัดขวางรับธุระได้เสมอ
ทั้งกินอยู่สู้ประคองมองซิเออ ช่วยบำเรออุดหนุนพอทุ่นแรง
ถึงเซนเยมที่มาดูท่าเขา ไม่อาจเอาเปนประมาณพาลจะแหนง
พูดก็ไม่รู้ภาษาว่าดำแดง หุงเข้าแกงแต่ละครั้งต้องตั้งเอง
ให้กุลีสี่คนปรนนิบัติ ไม่สันทัดต้มหุงดูยุ่งเหยง
ท่านขุนปราบทราบภาษาว่ามันเกรง ตัวเราเองนายบรรหารรับด้านครัว
เมื่อแรกกินร่วมโต๊ะโละกันหมด ก็มีรสโอชามันน่าหัว
แต่ไม่รู้ธรรมเนียมต้องเจียมตัว พากันกลัวต่างแตกขอแยกกิน
แต่คุณพระไพรัชสันทัดถ้อย ร่วมอร่อยยังสถิตยนิจสิน
กับฝรั่งที่มาอยู่อาจิณ เพราะว่าชินเชิงภาษาพูดจากัน ฯ
๏ ถึงห้วยเลิ้นฦกกว้างเปนทางน้ำ เชี่ยวเปนลำไหลปังดังสนั่น
พวกกุลีแก้ผ้าหน้าเปนมัน เอาหัวดันของข้ามน้ำเพียงคอ
อีกคนหนึ่งเปนเด็กเล็กกว่าเขา มันพัดเอาลอยน้ำไปต้ำปร๋อ
เห็นแต่หัวน่ากลัวจะโดนตอ มันช่างฮ่อเต็มกระเหมือบดูเกือบตาย
ต้องยืนปลง​อนิจจังพุทธังเอ๋ย แต่พอเกยแง่ขอนก็นอนหงาย
ค่อยกระเดือกเสือกกระแด่วกระแหม่วกาย ของก็หายจมห้วยแทบม้วยมรณ์
เปนย่ามเกือกปัศตันนายบรรหาร น้ำมันผลาญลอยว่ายเหมือนไม้ขอน
บ่นพึมพำตามภาษาแสนอาวรณ์ ว่าตัดตอนลงนรกหกตำลึง
แต่พวกเราข้ามม้ามาทีหลัง จนขึ้นฝั่งพร้อมกันก็พลันถึง
พวกกุลีหนีอีกหลีกตะบึง เสียงเอ็ดอึงหายฉิบไปลิบตา
จำเพาะคนที่หามชามหม้อเข้า ของพวกเราที่จะหุงบำรุงหา
จะเยียดยัดฝากใครไม่เอามา มันหนักบ่าขอทุเลาเจ้าประคุณ
ท่านขุนปราบต้องจ้างมันทั้งเรื่อง หาไม่เครื่องเหล่านี้ไม่มีถุน
ก็เพราะเปนวาสนาเวลาบุญ พอได้ทุ่นปากท้องรองไปคราว ฯ
๏ มาถึงทุ่งแห่งหนึ่งซึ่งเปนป่า มีหินผาปูลาดสอาดขาว
ก้อนโตใหญ่เรียงเรียดดูเหยียดยาว แต่ครั้งคราวไหนมาฤๅว่าไร
อันภูเขาเหล่านี้มีแต่ดิน ช่างขนหินเอามาแต่ป่าไหน
คงเปนเมืองเก่าร้างอยู่กลางไพร ไม่ทราบในเรื่องตามความนิทาน ฯ
​๏ ตวันบ่ายถึงค่ายชื่อแบกแซด ช่างโต้แดดไม่มีบังทั้งสถาน
พอหมดเขตรเตลิคราฟไม่ทราบการ หนังสือสารต้องใช้ไปรสนีย์
อันค่ายนี้ตรวจตรากันสาหัส ตั้งค่ายขัดไม้บงยกธงสี
ทั้งขวากปักหลายชั้นกันไพรี ในราตรีห้ามชุดไม้จุดไฟ
มีทหารระแวดอยู่แปดโหล ถือปืนโกตรวจรับกลัวหลับไหล
พอรุ่งเช้าพวกเราก็ครรไลย ต่อนี้ไปเดินเขาไม้เท้าจุน
ถึงขึ้นม้าพาชีก็ขี่ยาก แต่ออกปากรำพรรณก็ท่านขุน
เพราะร่างกายแก่ชรามาด้วยบุญ หากถือคุณราชการไม่ปานตาย
ครั้นถึงเขาแห่งหนึ่งซึ่งทราบว่า พวกเจ๊กป่ามันปล้นผู้คนหลาย
เมื่อกองทัพเคอแนลเปอรโนนาย คุมนิกายก่อนเรามาสิบห้าวัน
มันแอบยิงบนคิรีสักสี่ร้อย ทัพฮานอยสู้เค็มเต็มขยัน
ไล่พวกเจ๊กเก๊กไปใจฉกรรจ์ ไม่เปนอันตรายก็ยกต่อไป
มันคอยซุ่มซ่อนยิงเอาจริงหนอ ชาติอ้ายฮ่อเหิมจิตรผิดวิไสย
พลอยให้เราตัวสั่นคิดหวั่นใจ ถ้าบรรไลยลงด้วยปืนชวดคืนชม ฯ
​๏ ครั้นถึงบ้านจีนร้างอยู่กลางป่า ถูกโจรามันเผาเปนเท่าถม
เปล่าอยู่หลังยังเหลือเพราะเหนือลม ต่างระดมเข้าไปอาไศรยนอน
นี่ก็โจรให้คุณทุ่นฟ้าฝน ไม่ต้องกรนตากน้ำค้างกลางสิงขร
แต่ไม่อาจสรรเสริญเจริญพร ต้องสังวรกลัวจะมีวจีกรรม
ครั้นรุ่งเช้าเดินข้ามไปตามเขา ทั้งเจ็บเท้าที่ลาดพลาดถลำ
ต้องพยุงจูงม้าหน้าคะมำ เหมือนหนึ่งทำท่าเต้นเล่นสิงห์โต ฯ
๏ ถึงค่ายงุมมุมคิรีมีทหาร เห็นประมาณรักษาอยู่ห้าโหล
เข้าพักผ่อนพอตรู่สุริโย แล้วเดินโร่ต่อไปมีไร่นา
เห็นบ้านเรือนลับลิบตามกลีบเขา มีลูกเต้าสับสนเปนคนป่า
ไปอยู่ให้พ้นทางพอห่างตา กลัวอาญากองเสบียงเลี่ยงตะบัน
ที่กำลังทำไร่อยู่ชายเขา เห็นพวกเราวิ่งหนีขมีขมัน
ทิ้งกระบุงถุงย่ามไปตามกัน เขาชันๆ ห้อจี๋มันดีจริิง
เปนพวกเจ๊กไทยเหนือเจือกันวุ่น ยังซ้ำทุ่นญวนกลายทั้งชายหญิง
เดินอยู่บนโขดเขาแลเท่าลิง บางทีวิ่งมุดรกเหมือนนกยาง
ผู้หญิงฮ่อ​หัวแดงช่างแต่งขัน เอาผ้าพันโพกมิดปิดจนหาง
คล้ายกับแขกฮินดูมีรูกลาง ได้ชมนางฮ่อเหนือจนเบื่อตา ฯ
๏ ครั้นขึ้นเขาแห่งหนึ่งกึ่งอากาศ ญวนขยาดกลัวนักเหมือนยักษา
เรียกนุ้ยเกิ๊มเหิมหาญผลาญชีวา แปลกันว่าเขาห้ามคร้ามทุกคน
พวกขึ้นลงส่งเสบียงกลัวเพียงนี้ ไม่กุลีก็ทหารผลาญทุกหน
สูงสักสามสิบเส้นเปนตำบล ไกลผู้คนบ้านช่องถึงสองคืน
เหมือนกำแพงขวางทางอยู่กลางย่าน ห้วยลำธารซอกผาเหลือฝ่าฝืน
จูงอ้ายด่างทางชันขยั้นยืน เปนหล่มลื่นเลอะตนฝนประปรอย
น้ำค้างแขงตกลงมาแต่อากาศ เหมือนหนึ่งสาดดินประสิวปลิวออกหยอย
จนกลบลบทางวิถีไม่มีรอย บ้างหยดย้อยร่วงกราวเหมือนเข้าตัง
จับใบไม้หนาด้วยคล้ายกล้วยฉาบ ขาวเปนคราบย้อยแห้งดูแขงปั๋ง
เอามาเคี้ยวเข็ดฟันเปนชันกรัง ต้นเตงรังเปียกชุ่มหุ้มตะไคร
เย็นเปนเหน็บเจ็บเนื้อมันเหลือหนาว ​จนเดินก้าวข้องขัดแทบตัดไษย
ปากเหมือนกรับเสภาระอาใจ เย็นเข้าในทรวงอกจนงกงัก
ชั้นมือมีมวนบุหรี่ไม่ถนัด นิ้วมันขัดปวดเล็บเปนเหน็บหนัก
ทั้งม้าฬาเผ่นโผนโจนกะพัก หยุดชะงักตื่นลำพองร้องคำรณ
ให้หนักอกหนักใจเพราะอ้ายม้า เหลือปัญญาคิดเห็นไม่เปนผล
ต้องปล่อยให้เดินตามเข้ายามจน เพราะเหลือทนหนาวสั่นตามกันมา
จนอ้ายด่างหัวหกพลัดตกห้วย ทั้งชันด้วยลึกแลนอนแบหลา
กลิ้งเหมือนลูกแตงโมโอ้นิจจา จนแข้งขาหักยับดับชีวัง
ด้วยหนทางที่จะไปยังไกลมาก ต้องลำบากบอบกายเมื่อภายหลัง
ไม่ควรเดินจะต้องเดินเกินกำลัง แต่ลำพังอาตมาในป่าดง
นิจจาเอ๋ยเคยขี่มาหนีขา ถึงเมื่อยล้าพอประทังดังประสงค์
ฤๅถึงยามตามเคราะห์มาเจาะจง เปนเวียนวงใช้ชาติให้ขาดกรรม
คนอื่นเขามีขี่ที่เราม้วย บุญไม่ช่วยตามชุบอุปถัมภ์
มาสูญชาติวาสนาตาดำๆ สมเหมือนคำเขาทำนายว่าตายวัน
สิ้นธุระพาชีที่อ้ายเต่า เหมือน​เปนบ่าวมันมาแทบอาสัญ
ได้แต่จูงบังเหียนเฆี่ยนตะบัน สิ้นง้อกันเสียที่เขาเจ้าพระกาฬ
เดินพลางทางเห็นศพกุลี สิ้นชีวีล่วงลับดับสังขาร
ที่เปื่อยเน่าทับถมกันนมนาน ทั้งทหหารญวนด้วยมาช่วยตาย
เสื้อกังเกงทิ้งเกลื่อนเหมือนป่าช้า อนิจจาคิดไปก็ใจหาย
เดินสยองมองพลางเห็นร่างกาย เปนที่หมายแห่งพระอนิจจัง
อยากได้ทรัพย์รับจ้างมากลางป่า ทิ้งเคหาญาติมิตรไม่คิดหลัง
เพราะความจนทนระกำแต่ลำพัง เหลือกำลังก็ต้องล้มลงจมดิน
ด้วยคนญวนพวกนี้มิได้ทราบ ว่าทางราบฤๅเปนเขาลำเนาหิน
อยู่บ้านเมืองหมดปัญญาจะหากิน เมื่อได้สินจ้างเขาจึงเดามา
เห็นแต่ทรัพย์นับว่าเที่ยงแก่ชีวิต มิได้คิดให้จิรังในสังขาร์
แท้ที่จริงก็เปนสิ่งอนัตตา คือธรรมดาของโลกโอฆชน
ถึงเชิงเขาชั้นต่ำพอค่ำพลบ ผู้คนครบคั่งคับออกสับสน
มีโรงแฝกหนึ่งหลังพอบังตน ดูเหลือทนหนาวจัดลมพัดฮือ
น้ำค้างแขงแตกกระจายเหมือนทรายสาด หลังคาขาด​ปลิวกระฉ่อนออกว่อนหวือ
ติดไฟผิงพอบันเทาเป่ากระพือ ยังไม่ครือเปนเหน็บเจ็บระงม
เวลานั้นคุณเพระธุระน้ำ เปนยามค่ำเสือสางครางขรม
จะหาน้ำล้างพักตร์แต่สักอม ญวนก็ถมจ้างใครมันไม่เอา
ทหารฝรั่งคนหนึ่งทลึ่งรับ แล้วเดินกลับย้อนขึ้นบนพื้นเขา
แต่ผู้เดียวเสียวไส้หนักใจเรา มืดเหมือนเข้าทางถ้ำได้น้ำมา
เอาเหรียญหนึ่งจึ่งรู้ฤทธิฝรั่ง ช่างสัจจังสมทหารการอาสา
ทั้งล่ำสันขันขึงถลึงตา เหมือนยักษาไล่มฤคคึกคนอง
ครั้นรุ่งเช้าออกเดินบนเนินสูง ค่อยพยุงกายจรดสยดสยอง
แต่ความหนาวชาไปเหมือนใจปอง พ้นเขตรของเขาร้ายสบายทาง
พวกกุลีที่เอามาดูหน้าจ๋อย ทั้งเจ็บน้อยเจ็บมากเดินลากหาง
ที่แบกของไม่ได้แทบวายวาง ให้เดินทางตัวเปล่าตามเขามา
อันคนใช้นายบรรหารคลานมาหนึ่ง แทบจะถึงที่อยู่บนภูผา
เดินไม่ได้ให้นั่งหลังอาชา ต้องหมอบมาบนอานวานเขาจูง
ทิ่ใครได้หยูกยาเอามาบ้าง ก็ได้วางตามมีคัมภีร์สูง
​อาการซุดกับทรงต้องพยูง คนเปนฝูงเหลือปัญญาดูตากัน
นิกสงสารคนไทยร่วมไพร่ฟ้า แล้วก็มาราชกิจเหมือนจิตรฉัน
จึ่งให้เปลของเราเอามาอัน แท้จริงฉันซื้อสำรองเปนของทาน
ได้ขึ้นนอนเหมือนผู้ดีกุลีหาม มันพักตามป่าดงน่าสงสาร
ทั้งหลังงอคอหงายแทบวายปราณ ห้วยลำธารปุ่มหินดินตะแคง
หลวงคำณวนเมื่อคราวถูกหนาวมาก ริมฝีปากแตกระบมกรมระแหง
ครั้นพ้นเขตรลำบากอยากสำแดง ขุนปราบแผลงคำตลกถูกอกใจ
หัวเราะฮาอ้าปากครากสนัด เหมือนมีดตัดเถือเชือดเลือดก็ไหล
เล่นเอาเจ่อเผลอตนต้องทนไป ไม่เกรงใจแผลปากลำบากพอ ฯ
๏ ครั้นถึงห้วยบุ้งฮงก็ลงพัก หยุดสำนักโรงมีดีกว่าหอ
แต่นายทองพูดได้ลิ้นไก่คลอ ช่วยกันยอให้กินยาถามอาการ
ครั้นรุ่งขึ้นเดินแซ่ไปแต่เช้า ถึงบ้านเม้าพักพหลพลทหาร
เปนฮ่อขึ้นฝรั่งเศสเขตรกันดาร ต้องรำคาญถูกอาไศรยเพราะใกล้เคียง
เจ้าของ​ห้องต้องหอบที่นอนฟูก บ้างจูงลูกหลานหนีไม่มีเถียง
ต้องร่นไปไอจามตามระเบียง ออกแซ่เสียงโรงเรือนเขยื้อนโยน
รวมทหารญวนกุลีมิใช่น้อย เกือบสามร้อยหนวกหูเหมือนดูโขน
ทั้งตัวเหามันเห็นเผ่นกระโจน ต้องแกะโยนเกาะกระหน่ำกันร่ำไป
เอาฝาโรงเปนฟืนกับพื้นฟาก ฉุดกระชากหักมาไม่ปราไส
เจ้าของห้องต้องอดสกดใจ ถ้าเขาไปจึ่งได้ทำกรรมของตน
คืนวันนั้นนายทองร้องขอน้ำ คุณพระทำยารินให้กินหน
เปนยอดยาสำหรับเมื่ออับจน ค่อยฟื้นตนขึ้นมากอยากเข้าตัง
ขอบุหรี่สูบปุ๋ยถุยเขละ ดูเหมือนจะหายสมอารมณ์หวัง
พอรุ่งเช้าใส่เปลหามเซซัง ตวันยังพอเที่ยงถึงฟองโท ฯ
๏ คิดหนทางลาวกายปีนป่ายเขา ไม่ทุเลาเมื่อยล้ามาออกโข
ได้เจ็ดวันพอดีกุลีโซ ผอมโกงโก้หิวโหยโรยกำลัง
แต่นายทองพอถึงซึ่งสถาน ดับสังขารสิ้นใจเอาไปฝัง
มีเฝือกห่อพอมิดได้บิดบัง พวก​ฝรั่งส่งศพคำรพไทย
นายบรรหารแสนลห้อยค่อยสอื้น ได้แต่ยืนเช็ดหน้าน้ำตาไหล
ยิ่งอักอ่วนครวญคร่ำร่ำพิไร แสนอาไลยนายทองนองน้ำตา
ได้เห็นกันฉันญาติเมื่อคราวยาก มาพลัดพรากดับขันธ์ชัณษา
สิ้นอายุหมดชาติญาติกา ไม่ทันลาเห็นใจให้หนทาง
อันความตายไม่ว่าชราหนุ่ม เนื้อหนังหุ้มห่อดีเปนผีสาง
เกิดเปนรูปแล้วทำลายคงวายวาง อยู่ในกลางสังสาระนาการ
เหมือนอกเราคราวมาในป่าชัฎ ต้องเสี่ยงสัตยปลงธรรมกรรมฐาน
ถือเอาพระไตรรัตนชัชวาลย์ สมาทานภาวนารักษาธรรม
กับพระยอดโมลีภูมีภพ เปนจอมจบเวียงไชยไอศวรรย์
จงแคล้วคลาศนิราสไภยในอรัญ จวบถึงคันนครามหานคร
ด้วยมุ่งมาดปราถนาสามิภักดิ์ หมายเปนหลักพึ่งพิงดังสิงขร
เมื่อจะถึงเวลาไม่อาวรณ์ เปนสิ้นตอนบุญกรรมธรรมดา ฯ
๏ ฝ่ายกัปตันฟองโทวะโรฝรั่ง ให้อยู่ยังโรงแปลกแฝกเปนฝา
ล้วนพวกไทยใครไม่ปนสนทนา ตามภาษา​สุขสบายข้างฝ่ายเรา
ทั้งอาหารเนื้อวัวกับตัวไก่ อิกเหล้าไวก์กาแฟเบิกแก่เขา
แต่ผักปลาไม่มีที่จะเอา ทั้งเย็นเช้ากินประจำซ้ำกันไป
ได้รอดตัวหัวกระเทียมพริกกระปิ ที่ได้ริซื้อมาพออาไศรย
ได้เงินต่อคอเวอนเมนต์ไม่เปนไร เพราะผัดไปแต่ฮานอยค่อยประทัง
ถึงอย่างนั้นน้ำปลาเวลาเคราะห์ มันจำเภาะราดรดจนหมดถัง
กุลีนั้นแบกหามแต่ลำพัง ไม่ระวังต้องอดหมดทุกคน
อันกับเข้าเบิกได้ในค่ายนี้ พอฉู่ฉี่แกงผัดไม่ขัดสน
แต่หอมกระเทียมที่กินไปสิ้นตน ดูเหลือทนหมดทุนวุ่นเต็มที
นิจจาเอ๋ยมียศมาอดยับ อดทั้งกับของกินจนสิ้นศรี
จะหาซื้อผู้ใดก็ไม่มี เหมือนเข้าที่เอการักษากรรม
เมื่อเคยได้รับประทานของหวานบ้าง มาแรมร้างที่ชุบอุปถัมภ์
เวลานอนร้อนฤดีเหมือนผีอำ ให้พลิกคว่ำพลิกหงายไม่วายตรอง
คิดถึงเย่าเร้าถึงญาตินิราสนุช ไหนจะสุดร่ำไห้อาไลยหมอง
มิคอยกลับนับทิวาน้ำตานอง จะปกครองรูปโฉมได้โลมเรียม
​ฤๅจะคิดนอกทางสำอางโอ่ เที่ยวเล้โล้ตัดตอนเล่นซ่อนเสียม
โอ้คิดไปให้วิตกหัวอกเกรียม กลัวจะเทียมกาไหล่ในทองแดง
ยิ่งสงไสยในกมลทนเทกษ มาค้นเหตุคุ้ยแคะแกะระแหง
ไม่ควรคิดนอกทางมาคลางแคลง เที่ยวเกี่ยวแว้งเก็บการพาลคนึง
เมื่อไรหนอจะเสร็จสำเร็จกิจ เวลาคิดครวญใคร่ก็ใจถึง
แต่ว่ากายยังมาเกินเดินตะบึง เดี๋ยวนี้ขึงอูดก้องอยู่ฟองโท
เห็นกุลีที่สำหรับอยู่กับค่าย ลำบากกายอนาถานัยตาโหล
ต้องอยู่ในคอกขังยังแต่โซ ผอมโกงโก้มีแต่กายลายตุกแก
เพราะกลัวหนีมิให้ออกมานอกได้ ยังมีใจพูดก๋อหัวร่อแหว
ไม่เห็นมันทุกข์ร้อนลงนอนแบ บ้างรังแกด่าตีไม่หนีกัน
เสื้อกังเกงร้อยริ้วนั่งหิวแห้ง ไม่มีแรงโรยราแทบอาสัญ
มีเหาเลนเปนประจำกรรมของมัน ต้องผลัดกันหาหัวค้นตัวเลน
ถ้าเก็บได้ใส่ปากไม่อยากเกลียด เคี้ยวละเอียดกินดูไม่รู้เห็น
เขา​ว่ามันจะได้ตายไม่กลายเปน ได้มาเห็นเหลือทนที่คนญวน
ยังพวกที่มากับเราเขาไม่กัก ให้หยุดพักนอกค่ายคอยไต่สวน
มีนายแถวกำกับนับจำนวน แต่ไม่อ้วนอดออมผอมกริงกริว
ได้กินเข้ากับเกลือเมื่อเดินป่า ถือเอกาอยู่ข้างเคร่งตะเบงหิว
แต่มาถึงเมืองนี้มีปลาซิว เที่ยวตกหิ้วมาแต่ห้วยกับกล้วยดง
เวลารับเงินเดือนเหมือนเศรษฐี ค่อยมั่งมีกว่าในคอกนอกประสงค์
เรี่ยรายกันซื้อหมูดูเปนวง ช่วยกันลงมือฆ่าพอยาคอ
ที่กินสุนัขหมักหมมต้มตะใคร้ ว่าใช้ได้ดีอร่อยไม่น้อยหนอ
ญวนเขาชอบทั้งเมืองไม่เคืองคอ ว่ารสต่อที่สองรองสุกร
แต่เหาเลนเปนทั่วทุกคนหมด สำหรับยศของญวนควรขยอน
เปนธรรมดาอาจิณกินจนพลอน ไม่แคะค่อนพูดจาว่าประจาน
คิดก็แสนปรานีกุลีเอ๋ย ต้องอยู่เลยมิได้กลับลับสถาน
ตายไม่เว้นแต่ละวันยามกันดาร มีแต่การขุดหลุมกันกรุ่มไป
เพราะต้องคลานอานมาแต่นุ้ยเกิ๊ม ตีนมือเยิ้มโซมสาดเลือดฝาด​ไหล
บ่าที่แบกแตกบวมจนน่วมใน ยังซ้ำไข้มันกินสิ้นชีวา
นี่หากของผ่อนไว้ลาวกายบ้าง เขาก่อสร้างให้เปนคลังลังฉ่ำฉา
แบ่งเอาไว้ให้เบาพอเอามา ไม่มรณาหมดจำนวนญวนกุลี ฯ
๏ อันค่ายนี้พึ่งเสียฝรั่งเศส เดิมเปนเขตรจีนอยู่ต้องลู่หนี
ฝรั่งพึ่งได้ครองในสองปี ขึ้นมาตีตั้งอำนาจราษฎร์ระอา
เรือนเปนหมู่อยู่สักห้าสิบหลัง คนสะพรั่งหญิงชายหลายภาษา
เมื่อเกิดศึกซุกซ่อนร้อนอุรา เดี๋ยวนิี้มาพึ่งพักร่วมรักกัน
แต่ไทยเหนือเปนประจำในสำนัก พูดรู้จักคำสยามแต่ความขัน
เรียกตาเวนต้องเปนชื่อตาวัน ถึงเพี้ยนกันพอเข้าใจชิงไหวฟัง
แต่แต่งตัวเหมือนจีนกินตะเกียบ ไว้ผมเลียบเคียงญวนม้วนข้างหลัง
เอาผ้าโพกหัวหูดูเปนตัง ผู้หญิงยังสวมถุงนุ่งเหมือนลาว
นับถือผีมีหิ้งอยู่ในห้อง เปนภูตของต้นแซ่ทั้งแก่สาว
สำหรับไหว้เช้าเย็นเส้นหวานคาว มีแม่ท้าวป่วยไข้ให้บนบาน
ที่หุงเข้าเตาวางไว้ข้างฟูก ​หลังเรือนปลูกโรงผีมีเปนศาล
ไม่ว่าญาติคนไรที่วายปราณ ให้อยู่ศาลพอประทังหลังละคน
แม้นตายกันพรรณาภาษาเขา พิไรเร้าอยู่ไม่น้อยกว่าร้อยหน
คืนยังรุ่งวันยังค่ำเหมือนร่ำมนต์ ออกกาหลเซงแซ่แอ้อี๋ออย
จนเอาศพไปฝังค่อยยังชั่ว ไม่เห็นตัวคนตายก็หายหงอย
แต่ผู้หญิงยลเยื้อนเหมือนฮานอย ดูแช่มช้อยขาวนวลควรประคอง
เขาว่าแม้นสู่ขอแล้วก็ได้ สินสอดในสิบมันเปนชั้นสอง
คือสิบเหรียญได้เคลียเปนเมียรอง อยากจะลองไทยเหนือไม่เบื่อแล
แต่นึกรั้งตั้งสติไม่ริรัก คิดถึงพักตร์ผ่องพ่วงแม่ดวงแข
หล่อนเปนผู้ผูกใจใส่กุญแจ เราจะแส่สุขคนเดียวก็เสียวทรวง
แล้วก็มาด้วยกิจจะผิดแบบ ได้แต่แอบชมงามไม่ห้ามหวง
สู้นิ่งนอนร้อนรุ่มถึงพุ่มพวง ตั้งจิตรจ้วงทรมานรำคาญใจ ฯ
๏ อันชาวบ้านบางนี้มิได้เขลา คิดตำเข้าแปลกชนิดผิดวิไสย
ไม่ต้องเปลืองแรงตนทุกคนไป แต่ตำได้วันละครกยกเอามา
มีกระเดื่องไปตั้งไว้ข้างห้วย ​เอาน้ำช่วยถีบได้ไม่มุสา
ขุดที่ทางเหมือนรางรองชายคา น้ำไหลมาหนักหกยกได้ที
แต่ช้ากว่าคนหีบถีบกระเดื่อง ตามบ้านเมืองขัดข้องไม่ต้องสี
อาไศรยด้วยมากกระเดื่องจึ่งเปลืองดี ไปกู้ทีสิ้นเวลาห้ากะบาย ฯ
๏ สำนักนี้มีเจ้าเมืองเมื่อแต่ก่อน แล้วม้วยมรณ์เปนเคราะห์เพราะสหาย
คือท้าวไลใจทมิฬสิ้นผู้ชาย ยกนิกายขึ้นมาหาพูดจากัน
พอได้ทีจับมัดตัดศีร์ษะ ไม่ทันจะรบสู้เปนคู่ขัน
แล้วก็ยกกลับไปเมืองไลพลัน อริกันเคี่ยวเข็ญเพราะเกณฑ์คน
แต่ท้าวตีนโศกซุดเปนบุตรใหญ่ คิดเจ็บใจกว่าวันละพันหน
อยากตอบแทนแค้นเข้มอยู่เต็มทน แต่ผู้คนบอบบางทางก็ไกล
จนอยู่ในปกครองของฝรั่ง ถอยกำลังหมดปัญญาอัชฌาไศรย
ต้องเลี้ยงหมูขายเขาเอากำไร กับเกณฑ์ไพร่ส่งกัปตันให้ทันการ
อันค่ายนี้มีกำแพงเปนแท่งหิน สูงพ้นดินหกศอกบอกทหาร
ให้นั่งยามตามไฟกันไภยพาล กว้างประมาณสี่เส้นกั้นเปนวง
ทหารอยู่โรงสูงมุงกระเบื้อง ​กับไว้เครื่องรบสำรองต้องประสงค์
รวมสิบเอ็ดห้องกั้นได้มั่นคง แล้วยกธงบนหลังคาสง่าดี
เรือนกัปตันนั้นหลังอยู่ข้างเล็ก ล้วนของเจ๊กสร้างตอนเมื่อก่อนหนี
กับโรงหนึ่งขนมปังคลังก็มี ด้วยเปนที่ค่ายสำคัญกันศัตรู
รวมทหารญวนฝรั่งร้อยห้าสิบ มีเครื่องดิบกะป๋องปลากับขาหมู
แม้นข้าศึกล้อมค่ายหลายประตู ของกินอยู่รับรอดตลอดปี
คืนวันหนึ่งหลวงคำณวนควรขนาน พนักงานดินแดนกรมแผนที่
ตั้งกำปัดวัดทางวางวิธี แต่บุรีลาวกายมาหลายวัน
ครั้นถึงเมืองฟองโทคืนโอภาส เดียรดาษผ่องฟ้าดาราหวัน
จึ่งเปิดแอตรอมิเตอพลัน วัดดาวดั้นตามแบบดูแนบเนียน
เอากล้องส่องมองปรอทที่หยอดไว้ แล้วบอกให้นายบรรหารด้านเสมียน
สอบมินิตคิดสกันปันทะเบียน แล้วขีดเขียนสมุดเช่นเปนบาญชี ฯ
๏ ครั้นหยุดพักฟองโทระโหฐาน หลายวันวารอ้วนท้วนเปนนวนศรี
พอเช้าตรู่สุริยันเปนวันดี ยก​โยธีต่อไปเมืองไลเจา
มีทางราบแต่น้อยสักร้อยเส้น แล้วก็เปนแนวเดินบนเนินเขา
พวกฝรั่งสั่งว่าอย่าดูเบา ยังเปนเหล่าแดนฮ่อคอยต่อแย ฯ
๏ ครั้นถึงน้ำซองนาเย็นพายับ มีเรือรับส่งข้ามตามกระแส
กับตัดไม้ไผ่ตงลงทำแพ เสียงเซงแซ่พร้อมเสร็จสำเร็จนอน
คืนวันนั้นเดือนตกสักหกทุ่ม มีคนคุมลายลักษณ์ซองอักษร
เปนหนังสือราชการประทานพร กับสมรมีตอบน่าขอบใจ
ฉีกหนังสือถือสารอ่านไม่หลับ เพราะได้รับคำของมิตรพิสมัย
ว่าอยู่ดีกินดีพิรี้พิไร ไว้อาไลยสั่งกำชับรับประกัน
กับเหน็บแนมแย้มเย้าเปนเค้าเงื่อน ดูเหมือนเตือนให้อาไลยชื่นใจฉัน
ยิ่งตรองตรึกนึกไปเห็นไรฟัน เวลาวันโลมสั่งกำลังครวญ
มาไกลอกตกอับเหลือปรับทุกข์ พี่บอกสุขกลัวจะโศกโรคกำศรวญ
ไยมาตอบตื่นเต้นเปนสำนวน มีกระบวรร่ำไปไม่วายเลย
คิดขึ้นมาน่าแค้นแล้วแสนรัก อกจะหักเสียเพราะร้างห่างเขนย
เปนนิไสยสัตรีที่จากเชย เขา​ต้องเอ่ยกั้นกางด้วยทางงอน
นึกขอบใจไทยเหนือเหมือนเสือป่า ช่างอุส่าห์บุกตามข้ามสิงขร
จนมืดค่ำคลำเดินเชิญสุนทร เขาจ้างออนคล่องใช้ไปรสนีย์
ครั้นรุ่งเช้าเดินลำบากตากแต่แดด มันช่างแผดร้อนรนลนฉวี
ก็เพราะต้นพฤกษาหาไม่มี เปนคิรีโล้นเลี่ยนเตียนนัยตา
อันบ้านฮ่อริมทางเห็นร้างยับ หนีทางทัพเปอร์โนโร่เข้าป่า
เปนกองแรกของฝรั่งเซซังมา เมื่อก่อนหน้าเรานี้สิบสี่วัน ฯ
๏ ถึงเมืองล่าเคหาอยู่ยอดเขา แลดูเย่าเปนกระจุกสนุกขัน
แต่ไกลตามืดหมอกออกเปนควัน เขาอยู่กันตามใจเพราะไกลทาง
เห็นกุลีที่มาตายวายชีวิต นั่งดับจิตรพิงเขาราวกับย่าง
ห่มกระสอบคาดเถาวัลย์ยิงฟันพลาง แขนยังกางถือไม้เท้าเน่ามานาน
เขาว่าทัพเปอร์โนโกลาหล แกยกพลมากำหราบปราบสถาน
กุลีถึงสามพันยามกันดาร จะวายปราณสักเท่าไรไม่ได้ความ
ในวันนั้นค่ำนอนบนดอนเขา ถึงบันเทาเหนื่อยเหน็จยัง​เข็ดขาม
พยุฝนฮือโหมเสียงโครมคราม พอสักยามเศษพัดอัศจรรย์
ลูกเห็บตกลงมาแต่อากาศ ม้าฬาขาดตกตลึงอึงสนั่น
แต่ละก้อนน่ากลัวตัวฉกรรจ์ อย่างกลางนั้นไข่เป็ดเท่าเม็ดโทน
ถูกกุลีหัวแตกร้องแรกเอ็จ โดนอ้ายเม็ดใหญ่หยอกต้องออกโขน
นายบรรหารหนึ่งแห่งหน้าแข้งโปน เสียงตะโกนทั้งทัพเหมือนขับนก
กลางที่นอนก้อนละลายกลายเปนน้ำ ช่างเย็นฉ่ำจับหัวใจเข้าในอก
ไม่แกล้งอวดปวดกระดูกเหมือนลูกนก ต้องสั่นงกนั่งแช่แย่ตารัก
เสื้อกางเกงเปียกปอนหนาวจอนจ่อ ที่นอนห่อขึ้นมาวางไว้กลางตัก
จนครึ่งคืนจึ่งได้ซาเวลาพัก เหลือที่จักเดือดร้อนนอนคลุมโปง
พอเช้าตรู่สุริยานภาผ่อง จัดเข้าของมุ่งเขม้นเปนโขยง
เลียบไปตามเหวเหินเดินตะโพง ดูเลี่ยนโล่งฦกลิ่วหวาดหวิวใจ ฯ
๏ พอถึงลำน้ำตันตวันเที่ยง หยุดพร้อมเพรียงที่ท่าชลาไหล
มีเรือข้ามมารับกองทัพไป เข้าอยู่ในที่​พักเรียกบักตัน
เห็นเรือนสักสิบหลังดังกรอบแกรบ ทั้งคับแคบที่สถิตเหมือนติดจั่น
สกปรกเต็มทีมีแมงวัน อเนกอนันต์เหลือล้นทนระมาน
อันค่ายนี้เปนที่ของพวกฮ่อ น้ำใจคอเหี้ยมเกรียมเทียมทหาร
เมื่อกองทัพเปอร์โนสโมธาน คุมทหารจะไปเมืองไลเจา
ขุดหลุมพลีตีแตะสนามเพลาะ เอาเสียมเซาะเปนคูเพราะรู้เท่า
รายอยู่ตรงท่าข้ามตามลำเนา มีทั้งเสาปักขั้นกันลูกปืน
ไปนับดูรู้ว่าสิบสามแห่ง ช่างแขงแรงเหลือปัญญาจะฝ่าฝืน
หมายจะโต้ทานทัพให้กลับคืน ผู้คนดื่นเตรียมตัวไม่กลัวใคร
เวลานั้นเปอร์โนสโมสร คุมนิกรเดินพหลพลไหย
พอเช้าตรู่สุริยานภาไลย บังเอินไอเขาออกเปนหมอกมน
ครั้นกองหน้าถึงท่าทางเฉนียน สิ้นความเพียรพาหนะของพหล
จึ่งเป่าแตรสมมุติให้หยุดพล พักผู้คนพร้อมกันที่นั่นเอง
ทันใดนั้นพอแตรแซ่หูฮ่อ มันแขงข้อทุกกระบอกกรอกเขนง
ยิงกระหน่ำร่ำด้วยปืนดังครื้นเครง ไม่กลัวเกรงฤทธิฝรั่งว่าอย่างไร ฯ
​๏ ฝ่ายกองทัพเปอร์โนโทโสมาก สั่งให้ลากปืนออกกระบอกใหญ่
ยิงโต้หน้าไว้พลางให้วางใจ แล้วสั่งให้เหล่าทหหารชาญฉกรรจ์
ข้ามแม่น้ำขึ้นฝั่งเข้าหลังค่าย ก็สมหมายปีนตลิ่งยิงถลัน
ถูกชนิดปืนชะงัดปัศตัน รุกโรมรันล้อมฮ่อทรชน ฯ
๏ ฝ่ายเจ้าฮ่อก็ขยาดขลาดฝรั่ง เหลือกำลังหัวพองสยองขน
จะสู้รบสุดรับเข้าอับจน ทิ้งตำบลบักตันในทันใด
ขึ้นคิรีหนีหน้าต้องล่าทัพ ไม่ให้จับเอามาเชือดจนเลือดไหล
ที่ต้องตายในสมรภูมิไชย สาแก่ใจที่มันคิดเปนจิตรพาล
แล้วเปอร์โนข้ามมาพร้อมหน้าหมด ให้กำหนดตรวจทัพนับทหาร
จึงรู้ว่าตายกันประจัญบาน นับประมาณรวมเสร็จสิบเอ็จคน
ได้สืบทราบอย่างนี้มิได้เห็น ด้วยเราเปนกองหลังฟังนุสนธิ์
เหมือนเขาช่วยล่วงหน้ามาประจญ วางผู้คนเปนที่พักไว้บักตัน
หลังค่ายมีศาลเจ้าเท่าโรงงิ้ว มีทั้งติ้วกระถางธูปรูปลั่นถัน
ทั้งหน้าดำหน้าแดงแขงแรงครัน ถือกั้นหยั่นขวานปูลูธนู​ทวน
ไยไม่สู้พวกฮ่อมันต่อรบ เครื่องมือครบเหมือนทหารด่านเสฉวน
ฤๅถูกกลฮกหลงงงกระบวร ไม่อาจฮ้วนเล่าปี่เปอรโน
เจ้าเตลิดเปิดเจว็ดเสด็จกลับ ด้วยอดตับหมูไก่ใบตั้งโอ๋
ไม่มิใครให้เสวยจะเลยโซ ต้องเจ๊าโล่ตามอ้ายฮ่อไปขอกิน
รูปถวายไม้จริงที่ทิ้งอยู่ บานประตูแผ่นใหญ่บันไดหิน
ถูกริบมาปักรายเปนค่ายดิน จนโทรมสิ้นมีแต่โครงดูโกรงเกรง
ตุ๊กตาหน้าลั่นถันทหารเจ้า ต้องมาเฝ้าตินท่าตาเขมง
ทั้งกลางค่ายรายตั้งเล่นตามเพลง โดนนักเลงยุโรปเปียนเบียฬเอาพอ
เวลาที่รบรานชาวบ้านช่อง เก็บเข้าของทิ้งที่ออกหนีสอ
ไปซุ่มซ่อนตามเขาเปนเหล่ากอ เดี๋ยวนี้พอสงบทัพก็กลับมา
ปลูกเรือนอยู่แต่ละหลังเหมือนขังสัตว์ ต้องเยียดยัดยุ่มย่ามตามภาษา
เด็กผู้ใหญ่ซ้อแซ้แก่ชรา กินเข้าปลากับใบตองรองเหมือนจาน
ได้พักอยู่ดูตำบลชนบท จึงทราบหมดทั่วประเทศเขตรสถาน
แล้วออกจากสำนักไม่พักนาน ตามกันดารเดิน​ทัพบรรพตา
หลวงคำณวนนายบรรหารท่านขุนปราบ ออกเข็ดหลาบเหลือเหนื่อยว่าเมื่อยขา
พร้อมใจกันลงเรือเชื้อกันยา ทำหลังคาแล้วไปด้วยใบตอง
ผ้าขี้ริ้วตอกหมันชันหายาก ดูรอยถากเปนระนาวมีเจ้าของ
ต้องงอนหง่อคอตั้งนั่งหย่องยอง แต่ทางสองวันไปถึงไลเจา
อันตัวฉันเปนเวราต้องมาบก ชะตาตกแชเชือนไม่เหมือนเขา
นึกแต่เพียงรอดตายกายของเรา สิ้นอ้ายเต่าแล้วมิหนำซ้ำต้องเดิน
มีห้วยบ่อฮ่อมันใส่ไว้ยาพิษ เปนจนจิตรในลำเนาภูเขาเขิน
นอนค้างคืนบนคิรีมีเปนเนิน แล้วมุ่งเมินถึงถิ่นเรียกชินนัว
มีบ้านช่องสองหมู่ดูแทบร้อย ผู้คนน้อยหนีเสียทั้งเมียผัว
เมื่อเปอร์โนยกมาก็น่ากลัว รับเต็มตัวตั้งหลักเหมือนบักตัน
แต่เจ้าฮ่อท้อฤทธิ์คิดขยาด ร่นเรี่ยราดสู้รบไม่ขบขัน
ยิงถูกแต่กุลีสิ้นชีวัน พลขันธ์ปลอดตายสบายดี
แต่ฮ่อที่คุมทัพดับไปบ้าง ฝังอยู่ข้างชายดงปักธงสี
เหมือนปรำตามภาษาป่าวิธี ว่าส่งผีขึ้นสวรรค์กันอบาย
​ได้พักอยู่บ้านร้างหมดทั้งทัพ มีห้องหับโปร่งเหมือนกับเดือนหงาย
พอรุ่งข้ามน้ำนัวทั่วนิกาย เดินเรียงรายไปตลอดยอดคิรี
ตั้งแต่มาหาหนทางที่ราบน้อย ไม่เรียบร้อยเฟื่องฟุ้งเหมือนกรุงศรี
ถึงจะให้ราชรถยศทวี จะขับขี่ฟั่นเฝือเหลือปัญญา
สังเกตทางอย่างคลื่นมหาสมุท ต้องรีบรุดเดินขัดสบัดขา
พวกฝรั่งตัวดีที่มีมา ยังระอาออกคอท้อทุกคน
แต่คุณพระไพรัชสันทัดท่อง ไม่เห็นร้องว่าเหนื่อยเมื่อยสักหน
กับเซนเยมผู้ส่งก็คงทน ซ้ำกังวลช่วยระวังทั้งกุลี
อันตัวเราแต่ไหนก็ไม่เหนื่อย จำเพาะเมื่อยเกือบจะถึงกึ่งวิถี
แต่แลเห็นไลเจาเย่าเรือนมี ยิ่งทวีหอบกระเหมือบดูเกือบตาย
คิดหนทางเจ็ดโมงโคลงศีร์ษะ เปนระยะจนถึงพอกึ่งบ่าย
เข้าพักอยู่โรงหญ้าทั้งห้านาย ระงับกายตามเรื่องเรียกเมืองไล
ไม่มีเจ้าต้องเอาเปนชื่อแท้ อย่าคิดแส่นึกพะวงทำสงไสย
ทั้งฮ่อลาวชาวเหนือเรียกเพรื่อไป ว่าเมืองไลญวนขอต่อที่เจา
พบขุนนางปาวีที่มียศ ​เหมือนนักพรตเดินชาญชำนาญเขา
มาแต่หลวงพระบางทางไม่เบา ถึงไลเจาจันตคามสิบสามวัน
ทหารไทยมาด้วยช่วยรักษา ได้เห็นหน้าคนไทยชื่นใจฉัน
รวมเก้าคนที่มาทั้งซายันต์ ดูเข้มขันแขงณรงค์คงกำลัง
แล้วบอกว่าเมื่อมาใกล้เมืองฮั้ว เดินเลียบรั้วบ้านฮ่อพอให้หลัง
ยิงออกมาจากบ้านสท้านปัง เหลือระวังแต่ลูกไม่ถูกใคร
จึ่งได้เตรียมทุกกระบอกกรอกเอาบ้าง เสียงโผงผางรุกกระชั้นสนั่นไหว
อ้ายจีนฮ่อท้อศักดาระอาใจ ทหารไทยยิงตระหน่ำด้วยชำนาญ
หางหนูชี้หนีขึ้นเขาทิ้งเย่าหมด ต้องรู้รสคนสยามคร้ามทหาร
น่าชื่นชมสมอำนาจราชการ แล้วเชี่ยวชาญเชิงอาวุธยุทธนา
แม้นสู้ศึกคงจะฮึกยิ่งกว่านี้ เข้าต่อตีแต่ละตนทนอาสา
ไม่คิดกับร่างกายวายชีวา ต้องก้มหน้ารับสนองฉลองคุณ
หมายจะหาความชอบประกอบชื่อ ตลอดฦๅลูกหลานเปนการหนุน
ไม่ย่อท้อพาลาที่ทารุณ ยิงเปนจุลหาญหักด้วยศักดา
คิดถึงฮ่อโมหันธ์มันทธาตุ ​เที่ยวรอนราชชนบทถือยศถา
ลอบอยู่กันในขันธเสมา อหังกาเกินการเที่ยวพาลยิง
เมื่อคราวนี้ถึงส่ี่สิบคนเศษ อวดฤทธิ์เดชรบสู้เหมือนผู้หญิง
เห็นทหารกับกุลีจะตีชิง ไยจึ่งวิ่งไทยเราแต่เก้าคน
อันตัวกล้าซายันต์ดูซื่อๆ แต่ฝีมือเจนศึกเคยฝึกฝน
แล้วป้องกันฝรั่งไม่ห่างตน คือท่านคนที่มาที่ปาวี
เขาเขียนชื่อนายคงลงอักษร ขออาภรณ์เพิ่มพักตร์เปนศักดิ์ศรี
ไปยังเมืองตังเกี๋ยไม่เสียที คือความดีแขงกล้าซายันต์คง
เขาอยู่ในกำปนีทหารหน้า ต้องขึ้นมาหลวงพระบางทางประสงค์
อยู่ในหลวงดัสกรรอนณรงค์ จะยืนยงศักดาสง่าครัน
แล้วคุณพระให้บำนาญทหารหมด เพราะความอดเดินป่าพนาสัณฑ์
เปนกำลังราชการเจือจานกัน ด้วยเขตรขันธคับแค้นทั่วแดนไล
แล้วท่านพบพูดจาวิสาสะ เปนธุระราชกิจโดยจิตรใส
พอรุ่งขึ้นสองทิวาก็คลาไคล กลับแดนไทยตามกระทรวงหลวงพระบาง
ข้างฝ่ายเราไม่ถึงบทกำหนดกลับ นอนกระสับกระส่ายตัวเหมือนกลัว​สาง
เพราะอาการวิปริตผิดนภางค์ ถ้าปะลางวันร้อนเหมือนนอนไฟ
ลางวันหมอกมืดมัวทั่วทิศา ต้องห่มผ้าซ้อนซับเหมือนจับไข้
ทั้งร้อนหนาวผลัดกันทุกวันไป แม้นธาตุใครย่อหย่อนต้องนอนคราง
ยิ่งคับแค้นเข้าปลาแลอาหาร แสนกันดารสารพัดจะขัดขวาง
แต่เข้าของต้องผ่อนไว้เรี่ยทาง จึ่งบอบบางการสเบียงจะเลี้ยงกาย
ไม้ขีดไฟขายกลักละเจ็ดอัฐ เกลือก็ขัดชั่งละเหรียญเจียนฉิบหาย
พวกทหารมารินต้องกินควาย ถึงตัวนายเหมือนเราก็เอาดี
ลางวันเถือเนื้อโคมาให้บ้าง พอได้ย่างมังสาทำกะหรี่
ยักผัดเจียวให้กลายหลายวิธี ก็ไม่หนีเนื้อไก่โคกระบือ
อันผักหญ้าหาแกมไม่มีเชื้อ ถึงจะเบื่อเชิงกับต้องนับถือ
แต่ไม่เหมือนบ้านเมืองที่เลืองฦๅ เขาขึ้นชื่อของกินแผ่นดินไทย
อันตัวเราก็มาในข้าหลวง เปนกระทรวงฝ่ายสยามตามวิไสย
ฝรั่งเศส​เขารับกำกับไป ตามทางไมตรีกรุงบำรุงการ
มีเงินทองสารพัดจัดสำหรับ ให้ซื้อกับผักปลาแลอาหาร
แต่หาซื้อไม่มีทกันดาร ด้วยชาวบ้านยังพลัดกระจัดกระจาย ฯ
๏ อันเมืองนี้เขาฦๅชื่อกระฉ่อน เปนนครคบโจรคนทั้งหลาย
คือท้าวไลใจชั่วเปนตัวนาย เขย่งกายคุมฮ่อทรชน
ล้วนพวกหลียงฟูหางหนูสั้น ที่แตกดั้นเซซัดด้วยขัดสน
จึ่งคบกันทำศักดาจลาจล นึกว่าตนเต็มอำนาจอาจณรงค์
มีทหารเดนตายทำกายก้อ ล้วนแต่ฮ่อสิ้นคิดหมดพิษสง
เหิมกำลังตั้งใหญ่อยู่ในดง จิตรทนงแขงขาว่าตำบล
จะตั้งตัวเปนองค์หลงด้วยโลภ ใจละโมภโมหะอกุศล
เหมือนเอากลิ่นเสือปลามาทาตน ชุมนุมพลจิตรพาลสันดานเมา
ไม่อ่อนน่อมยอมเดชประเทศไหน ครองเมืองไลนั่งถ่านอยู่ชานเขา
ทั้งบ้านเรือนเหมือนวางไว้กลางเตา ยังโฉดเขลาอวดอำนาจทำอาจองค์
เหมือนแมลงป่องพิษสว่างที่หางน้อย ​ชูจะงอยกั้นกางเปนหางหงส์
จะยุทธนาวาสุกรีอันมีพงศ ยังทนงไม่รู้สึกสำนึกตาย
เที่ยวเบียดเบียฬไพร่ฟ้าประชาราษฎร์ ข้าพระบาทชนบทร่วมกฎหมาย
เมื่อเคราะห์ดีผียังประทังกาย ถ้าเคราะห์ร้ายแล้วต้องรู้ว่ากูพาล
แต่เจ้าเมืองฟองโทไม่โอหัง เปนเหมือนดังญาตมิตร์ก็คิดผลาญ
เพราะอาเภทวิปริตผิดสันดาน จึ่งทำการแตกหลักสามัคคี
ราษฎรที่อาไศรยตามชายป่า เที่ยวกวาดมาเปนกำลังยังแต่ผี
ถ้าขัดแขงดึงดื้อจะถือดี ก็ฆ่าตีเติมซ้ำทำประจาน
เดี๋ยวนี้เข็ดฤทธิ์ไทยใจระย่อ ด้วยสร้างต่อมาไม่ครือมือทหาร
จนเหมือนเสือที่ขังหมดรังควาน ยังแต่ร่านกินไก่ในกระทอ
จะหนีเข้าตังเกี๋ยก็เสียหัว ด้วยความกลัวฝรั่งที่ชังฮ่อ
เขาเปนผู้ป้องกันฟันหลักตอ ไม่ให้ก่อกองผู้ร้ายข้างปลายแดน
โอ้ท้าวไลไทยเหนือเปนเชื้อเหมือง มันเข้าเรื่องนิ้วไร้แต่ได้แหวน
มีเขตรขัณฑ์จันตคามอยู่ตามแกน ต้องโลดแล่นซ่อนเร้นไม่เห็นตัว
เพราะล่าทัพเปอร์โนฝรั่งเศส จึ่งละเขตร​หนีเสียทั้งเมียผัว
เก็บเข้าของอพยพครบทุกครัว ด้วยความกลัวตกใจทิ้งไลเจา
ทั้งบ้านช่องยุ้งฉางกับรางหมู ไม่ให้อยู่เปนของใครเอาไฟเผา
จนไหม้โทรมทั้งบุรีเปนขี้เทา เหมือนกลางเตาหมดสิ้นแผ่นดินเกรียม
ประเดี๋ยวนี้ฝรั่งเข้าตั้งมั่น ทำค่ายกั้นเก็บกากถากด้วยเสียม
ทั้งสูงราบปราบที่ดีกว่าเทียม ช่างเตียนเรี่ยมกว่าเก่าของท้าวไล
ปลูกโรงแปลกแฝกหญ้าสิบห้าหลัง ทหารนั่งยามยืนปืนไสว
อยู่ป้องกันเมืองเสือที่เหลือไฟ บำรุงได้ตามชอบเปนขอบคัน
มีทหารญวนฝรั่งอยู่สามร้อย ประจำคอยรับตรวจกันกวดขัน
ไม่ไว้ใจเจ้าของคอยป้องกัน กลัวฮ่อมันสมทบมารบกวน
อันบ้านของท้าวไลที่ใจแขง มีกำแพงเท่าจังหวัดขนัดสวน
ฝรั่งปลูกโรงใหญ่ไว้จำนวน คือของควรเปนลำเลียงสเบียงกรัง
ซุ้มประตูหน้าบันนั้นจารึก เปนตัวหมึกปฤศนาข้างหน้าหลัง
ว่าท้าวไลใจบุญกรุณณัง เปนผู้รั้งครองนครอักษรญวน
คิดก็แสนเวทนามาไม่พบ เขาว่าหลบเลื่อมเหเข้าเสฉวน
​มีแต่ชื่อเฝ้าประตุดูไม่ควร หมดเพลงทวนฤทธิ์เดชเข็ดจนตาย
ถ้าแม้นไปนอบน้อมพระจอมราช พึ่งอำนาจกรุงสยามตามกฎหมาย
เสียเมื่อครั้งรู้ตัวอย่ากลัวอาย คงสบายรุ่งเรืองสืบเมืองไล
ไม่ต้องเปนของเขาชาวตังเกี๋ย ทางได้เสียควรคิดวินิจฉัย
ฝรั่งครองตองกินกับดินไทย เปนเมืองไมตรีกันเหมือนพันธุ์พงศ
เมื่อเห็นผิดแล้วไม่คิดหาที่ชอบ ใครจะปลอบวอนกามาเปนหงส์
จนแผ่นดินไม่มีอยู่ลู่เข้าดง ไม่มั่นคงเหมือนบุรีหลียงฟู
แต่พรรคพวกยังกระเจิงเหลิงอำนาจ เหมือนปิศาจสำหรับไพรไว้หางหนู
เที่ยวปล้นหาบคอนกินสิ้นประตู เปนศัตรูของฝรั่งจิรังกาล
ต้องออกตรวจตามป่าโดยสาเหตุ ฝรั่งเศสพบขุมหลุมเข้าสาร
ที่ฝังไว้แห่งหนึ่งสักครึ่งลาน เลี้ยงทหารกินจบได้ครบปี
ด้วยตั้งค่ายสวมเมืองเข้าเครื่องอด แต่ว่ายศแลอำนาจดังราชสีห์
ถ้าแม้นไม่ส่งสเบียงเลี้ยงชีวี สักครึ่งปีขนมปังหมดคลังตาย
อันทางนี้ไม่เห็นจะเปนผล ใครจะทนบากหน้า​มาค้าขาย
ในแม่น้ำก็เปนหินล้วนดินทราย ถึงเรือพายก็ต้องเข็นเอ็นขึ้นเกลียว
เหตุฉนี้จึ่งกันดารอาหารนัก ไม่มีหลักแน่แท้จะแลเหลียว
พวกทหารต้องหายามาเยียว จึ่งออกเที่ยวยิงควายไม่วายวัน
อันเมืองไลไชยภูมิ์ดูผึ่งผาย เข้าที่ค่ายท่ารบดูขบขัน
ยาวแปดเส้นเปนสง่าน่ารำพรรณ แต่กว้างนั้นสี่เส้นแลเปนแนว
ที่หลังเมืองมีเขาเอาทำป้อม ปักไม้ล้อมเปนกระบังข้างละแถว
เหมือนขากบโอบบุรีไม่วี่แวว บนเขาแพ้วยกธงว่าคงครอง
ที่พื้นเมืองเปนเนินแนวตลิ่ง แลดูวิงเวียนตาน่าสยอง
ทั้งขึ้นลงคงหอบสอบเหมือนซอง แล้วมีกองหินหาดลาดลงไป
อันน้ำแท้ซองนาอยู่ขวาซ้าย เรือแจวพายมองเขม้นก็เห็นใกล้
เปนรางลงบรรจบทบน้ำไล แล้วเลยไหลรวมสามตกน้ำดำ
ทั้งสี่แยกอยู่หน้าภารานี้ ตรงคิรีภูมิ์ฐานเปนด่านขำ
กับวิถีมาแถงแขวงเชียงคำ รวมประจำอยู่หน้าทั้งห้าทาง
แม้นไพรีมีมาทั้งน้ำบก ไม่อาจยกเข้าประชิดด้วยกีดขวาง
เพราะป้อม​เขาหลังบุรีมีกั้นกาง ยิงเล่นต่างฝูงเนื้อไม่เหลือคืน
แม้นท้าวไลกัดฟันป้องกันถิ่น คงเต็มกินข้าศึกไม่คึกขืน
คนละทียิงถูกด้วยลูกปืน ล้มทั้งยืนเหมือนกันอันตราย
แต่จิตรใจใช่ทหารสันดานขลาด ออกขยาดทั้งเรื่องเครื่องฉิบหาย
เพราะเสียด่านหลายตำบลผู้คนตาย หมดแยบคายสิ้นปัญญาเข้าตาจน
อันเมืองนี้ที่สถิตอยู่กลางย่าน ตั้งอยู่ด้านตวันตกยกถนน
เดินลงมาหลวงพระบางทางตำบล ภูวดลเรียบงามสิบสามวัน
ได้ทราบว่าเมืองแถงแขวงสยาม จันตคามทั้งประเทศทั่วเขตรขัณฑ์
ไม่มีคนรนรุดมุดอรัญ ตกใจกันชุนละมุนออกวุ่นวาย
อันพวกไทยกับฝรั่งต้องยั้งยับ จะเดินทัพต่อไปก็ใจหาย
ด้วยขัดขวางทางสเบียงจะเลี้ยงกาย กินขยายเย็นเช้าทั้งเข้าปลา
พวกกุลีมีกำลังเสมอมด แต่ว่าอดเกือบตายคล้ายสวา
พาชีมีแต่โครงดูโปร่งตา ชั้นแต่หญ้าก็กันดารในบ้านเมือง ฯ
​๏ ฝ่ายข้าหลวงกรุงไทยมไหศูรย์ รุกขมูลหยุดสำนักดูพักตร์เหลือง
ยิ่งตรึกตรองก็กันดารเปนการเปลือง แต่ว่าเรื่องไข้เจ็บไม่เหน็บแนม
ด้วยเดชะมนุชาธิเบนทร์ราช ทรงประสาทดับร้อนอวยพรแถม
กับอุส่าห์สาภิมตสกดแกม น้ำใจแจ่มจบหัดถ์มัสการ
จึ่งได้ปลอดรอดบ่วงห่วงพยาธิ์ แห่งข้าบาทมุลิกามหาศาล
สุขสบายทั่วกันทุกวันวาร แสนสำราญสบไถงอยู่ไลเจา
สิบสองวันเตรียมกันที่จะกลับ เซนเยมกับกุลีทหารเดินชานเขา
แต่พวกไทยข้าหลวงกระทรวงเรา ตามใจเขาผู้ส่งให้ลงเรือ
มาตามน้ำซองนามะหาห้วย มีคนช่วยถ่อพายเปนไทยเหนือ
ทั้งแก่งกองหินผาเหมือนนาเกลือ มันมีเพรื่อไปทุกคุ้งยุ่งกับเรา
ต้องเดินหาดแต่เรือไทยเหนือเข็น ด้วยลึกเปนตอนๆดอนภูเขา
แล้วมีเชือกกะรั้งยังตะเภา ขึ้นลงเท้าไม่ทันแห้งแก่งซองนา
เห็นชนีห้อยไม้อยู่ชายเขา มีลูกเต้าโลดเลี้ยวเหนี่ยวพฤกษา
มองลูกไม้หิ้วโหนโยนกายา ดูหน้าตาช่างละม้ายคล้าย​กับคน
แต่กำเนิดนั้นเกิดด้วยหญิงชั่ว จึ่งมีตัวตั้งสัตว์ปัฏิสนธิ์
เดิมเปนนางโมราเข้าตาจน ถูกเวทมนต์สาบพักตร์มัฆวาน
เพราะนอกใจแล้วมิหนำซ้ำฆ่าผัว ชื่อจึ่งชั่วติดมาอาวสาน
ก็สมกับที่จริงเปนหญิงพาล ต้องทรมานหมดญาติชาติชะนี
เสียงไก่ป่าท้าขันอยู่เจื้อยแจ้ว วังเวงแว่วหวาดใจในวิถี
ทั้งเรไรหริ่งร้องก้องคิรี ดูเปนที่หวาดหวามตามอรัญ
เห็นน้ำพุพุ่งขาวยาวเปนสาย ฟองกระจายดูเล่นก็เห็นขัน
ยิ่งฟังไปให้ฉงนมักขนชัน เสียงสนั่นในคิรีดังมีคน
ได้ยินเหมือนขานยาวฤๅเป่าสังข์ ยิ่งเงี่ยฟังเย็นจิตรคิดฉงน
แม้นน้องแก้วกัลยาได้มายล จะหวาดตนตัวสั่นรัดบั้นเอว
ด้วยเปนคนขวัญอ่อนนอนสดุ้ง มาเห็นคุ้งเขาง้ำเปนถ้ำเหว
จะต้องปลอบร่ำไปมิใช่เลว คิดถึงเอวอ่อนขรัญรำพรรณพลาง
จนมาถึงบักตันสามวันถ้วน แล้วเดินด่วนรีบรัดไม่ขัดขวาง
พร้อมกุลีมีทหารที่ชาญทาง กับขุนนางเซนเยมก็เปรมปรีดิ์
อิกสองวันบัลลุฟองโทสถาน แสนสำราญ​รีบจริงเหมือนวิ่งจี๋
แต่ต้องพักรอคอยคอนวอยมี ทหารที่ไปเปนทัพรับสเบียง
ครั้นถึงวันกำหนดบทฝรั่ง ก็พร้อมพรั่งอัดแอออกแซ่เสียง
พอรุ่งออกจากค่ายเดินรายเรียง ก็พร้อมเพรียงทั้งกุลีมันดีใจ
ด้วยจะกลับฮานอยคอยแต่ถาม มันทราบความนับเวลาดูหน้าใส
เพราะคิดถึงว่านเครือเหลือบรรไลย ที่เจ็บไข้เดินตามกันหลามมา ฯ
๏ ถึงลาวกายนับได้เจ็ดวันครบ ไม่เมื่อยขบทั่วกันก็หรรษา
คอมมันดันจัดให้ไปนาวา ล่องลงมาตามลำแม่น้ำแดง
แต่เซนเยมบริภุญช์กับคุณพระ ลงเรือฉลอมต่อคนถ่อแข็ง
ฮอศกิ๊ดติดประทุนที่หมุนแรง เขาทำแผลงสำหรับใช้ที่ในชล
อันพวกเราสี่นายไปลำหนึ่ง ทั้งเรือตึ่งรั่วร้ำเหมือนน้ำฝน
มีญวนแจวถ่อพายก็หลายคน แต่เหลือทนคับแคบดูแทบตาย
ทั้งกุลีโดยสานทหารด้วย คนเจ็บป่วยลงมายัดอึดอัดหลาย
จะนั่งนอนงอนหง่อต้องห่อกาย ดูคล้ายๆหีบมัจฉา​ปลาซดิน
เรือที่มาห้าลำมิใช่น้อย รวมกว่าร้อยคนนอนเหมือนก้อนหิน
เวลาหนึ่งหยุดหาอาหารกิน พอเสร็จสิ้นเขาไล่ไถ่กุลี
เพราะพาหนักมักเรือจะติดหาด วิ่งเกลื่อนกลาดน่าสังเวชเหมือนเปรตผี
เที่ยวลุยน้ำเพียงคอขอไปที ดูสักสี่สิบคนอลมาน
วิ่งร้องไห้ตะกายเรือเหลือลำบาก โอ้คนยากอนาถาน่าสงสาร
เขาถีบทุบเตะต่อยดอยจนอาน ไม่อาจคลานขึ้นมาหน้าตาโน
ต้องขึ้นเดินบนตลิ่งวิ่งเหมือนเนื้อ พวกในเรือด่าแต่แต๊วแม่โบ๋
เปนนิไสยคนญวนชวนแต่โว ไม่พุทโธซ้ำกันตะบันไป
จนสี่วันถึงบาวาเวลาเที่ยง ขึ้นพักเพียงผ่อนเวลาพออาไศรย
ขึ้นนอนบนศาลเจ้าของท้าวไทย ทั้งความไข้ประจุบันนั้นก็มี
คืนวันหนึ่งไก่สำหรับทำกับเข้า หมายว่าเช้าจะได้ฆ่าทำกะหรี่
ผูกไว้หน้าศาลดูว่าอยู่ดี บังเอินมีเสือกากลากไปกิน
นิจาเอ๋ยเทพาสุราฤทธิ์ ช่างไม่คิดอดสูผู้มีศิล
เมื่อนอนก็ขออาไศรยใจทมิฬ ให้เสือกินไก่ได้น้ำใจคอ
จำเพาะมีตัวเดียวเจียวนะเจ้า เปนกับเข้าชั้น​กระดูกก็ถูกสอ
ได้รอดที่ฝรั่งสั่งกอนบอ มาให้พอคำณวนควรเรียกโค
เครื่องกะป๋องของเซนเยมที่เอมโอช เขาก็โปรดขากลับรับให้โข
พอได้ทุ่นทำกินค่อยภิญโญ ไม่อดโซทุกตำบลเหมือนคนญวน
เวลานั้นพอกุลีที่เขาไล่ เดินมาได้ถึงพร้อมยอมเข้าส่วน
เซนเยมเกณฑ์ตัดไม้กับหวายพวน ได้ครบถ้วนทั้งถ่อจึ่งต่อแพ
ด้วยเรือของลาวกายเขาไม่ส่ง ตามจะลงอะไรไปในกระแส
พวกเราต้องเยียดยัดอยู่อัดแอ เปนไก๊แบ้อย่างดีมีหลังคา
พวกญวนร้องโต๊ดล้ำคือทำสวย ก็แล้วด้วยขุนปราบทราบภาษา
เซนเยมเขาแพหนึ่งถึงเวลา ก็ล่องมากับคุณพระไม่ปะปน
ทั้งสองแพใช้กุลีมีทหาร พยาบาลตามฝรั่งสั่งนุสนธิ์
แต่พวกเราได้อานามมาสามคน เปนกังวลถ่อส่งพวกองค์กวาน
ระยะนี้มีแก่งล้วนแท่งหิน ลำบากสิ้นสุดปัญญาอาวสาน
ทั้งน้ำไหลกระทบหินก้อนดินดาล ดังสะท้านสะเทื้อนอกน่าตกใจ
แพก็ลอยล่องลิ่วดูหวิวหวาด น้ำก็ปราดเหมือน​กระฉอกออกจากไห
กุลีที่ถ่อแพไก๊แบ้ไป มันก็ไม่มีแรงเหมือนแกล้งเรา
เปนคนญวนไม่เคยเลยแจวถ่อ มือตีนงอจังงังไปทั้งเถา
ให้หลีกแก่งบอกทางพลางว่าเมา ที่ญวนเขาว่าไวไวมันไม่แจว
แทบจะเกือบฉิบหายเสียหลายหน หลีกตำบลแก่งลิ่วเปนทิวแถว
ต้องทุบถองกันมาตาบ้องแบว ถ้าโดนแล้วเหลือตัวน่ากลัวตาย
จึ่งประชุมกุมปันนีทั้งสี่อิก ว่าเองหลีกเขาไม่คบเดี๋ยวตบหงาย
ทั้งหีบปัดของข้ามามากมาย ถ้าฉิบหายลงด้วยเจ้าเอากับใคร
หลวงคำณวนเปนกัปตันช่วยกันเต้น คอยเขม้นคุ้งน้ำตามวิไสย
ที่สองหนุนขุนปราบชลไชย เปนผู้ใหญ่ดูร่องมองชลา
แต่ตัวเราเปนสรั่งเพียงหยั่งน้ำ เอาถ่อจ้ำหน้าแดงทุกแก่งผา
นายบรรหารสานแจวประจำมา เรียกว่าการ์เปนเตอบำเรอแพ
ถ้าถูกแก่งสำคัญพร้อมกันหมด ต้องถอดยศจับถ่อเสียงหวอแหว
กว่าจะพ้นได้ฤๅมือตีนแบ ดูเต็มแย่กุมปันนีทั้งสี่นาย ฯ
​๏ ถึงด่านลำเข้าจอดแล้วทอดเชือก ขึ้นหยุดเลือกคนชำนาญให้ผันผาย
ด้วยมีแก่งสำคัญอันตราย เขากลัวตายทั้งลำแม่น้ำแดง
ได้แพละสองคนรู้หนหิน เคยหากินอยู่ที่นั่นแล้วขันแข็ง
มันนำลอยล่องดีมิเสียแรง เมื่อหลีกแก่งเกือบไปใจตลึง
ทั้งแพเต้นเอ็นขาดเสียงกราดเกรี้ยว เหมือนปากเคี้ยวลูกบัวฤๅถั่วถึง
น่าเสียวไส้ใจคอถ่อตะบึง เสียงปังปึงน้ำกระแทกแทบแตกจม
พอพ้นแก่งนี้ไปค่อยใจชื่น พบที่อื่นยังระอามาก็ถม
แต่ไม่เท่าคุ้งนี้เขานิยม มีนามสมญาแปลกเรียกแถกคอย
ถ้าพวกญวนขึ้นล่องต้องปลูกศาล มัสการกราบไหว้น้ำใจจ๋อย
ขึ้นบวงสรวงทุกลำขอตามรอย ชาวฮานอยนับถือเลื่องฦๅกัน
ได้รอดมาสาธุลุแก่ลาภ เดชะภาพที่ได้ร่ำธรรมขันธ์
ด้วยจิตรเราเคารพอภิวันท์ ความกตัญญูด้วยช่วยประทัง
พวกกุลีมันก็มาภาษายาก ทำแพพากเพียรพายเปนหลายหลัง
ล่องตามกันเปนจังหวะสิ้นระวัง ได้นอนนั่งหายเหนื่อยเรื่อยลงมา
เห็น​นาคว่ายในน้ำแล้วดำผุด เที่ยวแหวกมุดเวียนวนพ้นมัจฉา
ยิ่งคิดถึงสร้อยสุวรรณกัลยา ทำเหมือนปลาลอยว่ายคงตายวัน
แม้นมีผู้จู่จงประสงคน้อง มาด้อมมองเวียนจับเข้ารับขวัญ
เห็นไม่พ้นจนปัญญาเข้าตาตัน ยิ่งรำพรรณก็ยิ่งไห้อาไลยวน
น้อยฤๅนาคน้ำไพรมาได้เห็น อยากจะเค้นคอฆ่าให้ตาถลน
ด้วยก่อเกิดปัจจัยที่ได้ยล เปนสัตว์ต้นหวนระแวงแสลงตา
คิดก็แสนแค้นใจอาไลยหวง ถึงดอกดวงประทุมถันของฉันหนา
เหมือนพิกุลอุ่นใจเมื่อไสยา ชื่นนาสาหวนหอมถนอมดม
ถึงจำปาสารภียี่สุ่นซ้อน กลิ่นขจรฟุ้งซ่านใส่พานถม
ยังหาทันจับบีบกลีบระบม ไม่อบรมเหมือนพิกุลอดุลย์ดวง
ได้นอนแพหนักอกหกวันเศษ ก็สิ้นเขตรความระอาของข้าหลวง
ถึงทันควันด่านใหญ่สบายทรวง ทั้งแพพ่วงได้มานาวาญวน
ต้องขนของเทถ่ายกันไม่หยุด อุตลุดเหมือนแม่ค้ามาแต่สวน
กว่าจะเสร็จจนพลบครบจำนวน ตั้งกระบวรถ่อแจวเปนแถวมา ฯ
๏ คืนหนึ่งถึงคำเข้ทำเลพัก ก็พร้อมพรักหยุดยั้งที่ฝั่งฝา
แต่เปนบุญที่จะทุ่นมรคา เห็นนาวาบรรทุกของกองสเบียง
ใช้จักรจี๋มีฝรั่งนั่งเขม้น เซนเยมเห็นลุกยืนขึ้นส่งเสียง
ขอโดยสานอาไศรยกลับไปเวียง กัปตันเอียงหูมองร้องว่าวี
แปลว่าเออขากลับจะรับได้ จงเตรียมไว้แต่เช้าเราไม่หนี
ว่าเท่านั้นเรือไกลไปทุกที รุ่งราตรีกลับมาทอดจอดเหมือนนัด
พากันลงกำปั่นพร้อมกันหมด ค่อยเต็มยศอโขโตถนัด
สิ้นตอนแพนาวาสารพัด ไม่เยียดยัดเปนสุขสนุกสบาย
เจ้ากุลีที่นอนบนตลิ่ง พากันวิ่งออกไขว่เหมือนใจหมาย
ที่เจ็บป่วยช่วยพยุงจูงกันดาย เพราะจวนสายกำปั่นไม่ทันรอ
ที่ล้มลงตรงตลิ่งนิ่งดับจิตร เหมือนกับพิษอสุนีมาตีสอ
ไม่ทันดิ้นสิ้นแรงตะแคงคอ ต้องตายงอคนดูเปนหมู่มุง
เรือกลไฟใช้จักรไม่พักรับ ที่นั่งสับเงาวิตกตบอกผลุง
ที่ผ้าผ่อนไม่มีพันพอกันยุง นั่งลูบพุงพูด​ไม่ออกลงกลอกตา
แสนสงสารคนไข้กระไรเอ๋ย เชื้อชะเลยข้องขัดสหัสสา
ลงไม่ทันเรือไฟเขาไคลคลา อนิจจาไม่มีที่พุทโธ
ถึงคนญวนร่วมแซ่ไม่แลเหลียว ถือคนเดียวเอกเทศวิเศษโส
ตัวของใครก็รักษาเวลาโซ ที่จะโอ้โลมกันนั้นไม่มี
เปนเหตุให้ส่อชาติวาสนา ดวงชะตาไม่บำรุงซึ่งกรุงศรี
บังเอิญต้องแตกหลักสามัคคี แดนบุรีตังเกี๋ยเสียนคร
กุลีที่เอาไปนั้นแปดสิบ เปนผีดิบตายกลิ้งตามสิงขร
กับหนีลัดตัดทางที่กลางดอน ได้กลับจรสี่สิบพอดิบดี ฯ
๏ ครั้นสองทุ่มถึงฮานอยพลอยเปนสุข สบายทุกทั่วหน้าเปนราษี
ต้องรอพักขี้นอยู่บนบุรี กว่าจะมีเรือไฟไปไฮฟอง
เวลานั้นเกาวนาให้ค่ากับ เงินสำหรับเบี้ยเลี้ยงไปเสี่ยงของ
วันละสามเหรียญดีได้มีครอง ซื้อผักดองหมูไก่จ่ายมาทำ
แต่คุณพระไปโฮเตลอยู่เปนนิจ ให้สถิตย์ตามเคยเลยถลำ
สุขสบายทั่วกันวัน​ประจำ มีเข้าน้ำพ่อครัวเปนตัวตน
แต่เงินจ่ายอ้ายเบ๊บไปคอยรับ มาซื้อกับสารพัดไม่ขัดสน
พอรุ่งขึ้นจะมาเข้าตาจน อ้ายเบ๊บบ่นว่าทรัพย์รับมาแดง
ดีสองเหรียญซื้อได้จ่ายแต่น้อย แล้วไปคอยขอเปลี่ยนเวียนแสวง
กลับมาบอกว่ารำคาญป่วยการแรง เขาว่าแดงไม่มีเปลี่ยนอย่าเวียนมา
แต่ตัวเราไม่เชื่อเผื่ออ้ายเบ๊บ ฤๅมันเก็บสับเล่นเปนมุสา
ด้วยคนญวนไม่หยอกออกระอา มีปัญญาโกงมะโรงชื่อโด่งดัง
ครั้นรุ่งเช้าลงเมล์เอ้เต้กลับ ทอดประทับไฮฟองขึ้นครองหลัง
โฮเตลใหญ่ใหม่ดีที่ประทัง ไปกินกวังตุ้งแยกแปลกกระบวร
แต่พากันจามไอไปทั้งสิ้น ด้วยแผ่นดินร้อนวู่ฤดูหวน
ทั้งน้ำเค็มเต็มกร่อยไม่ค่อยควร ยิ่งเรรวนทุกเวลาหน้าตาตึง
แต่ตัวเราขุนปราบต้องจับไข้ แทบบรรไลยหนาวร้อนลงนอนขึง
ครางจนก้องโฮเตลเช้าเย็นอึง แต่ไม่ถึงอสัญสองวันคลาย
ท่านขุนปราบนั้นยังกำลังจับ นอนไม่หลับกริ่มกริ่งสวิงสวาย
หลวงคำณวนก็จวนจะถึงตาย แต่​ท่านหายก่อนหน้าเพราะยาไทย
พวกฝรั่งโฮเตลเปนโมโห ลุกโยงโย่รากก้องจนท้องไหว
ด้วยผิดน้ำทำท้องร้องเอาใคร ต้องอยู่ไปทุกเวลารักษากัน
พอรุ่งขึ้นลงเรือเมล์ทเลใหญ่ อาการไข้ท่านขุนเปนบุญขัน
มีเรี่ยวแรงดีเหลือลงเรือพลัน ออกกำปั่นไฮฟองมาฮ่องกง
ทั้งคลื่นลมไม่พัดสงัดเงียบ กำปั่นเลียบเกาะไหหลำตามประสงค์
กับหน้าเมืองกวางตุ้งเปนคุ้งวง น้ำขึ้นลงไม่รู้แล่นลู่มา ฯ
๏ สองวันครึ่งถึงละเมาะเกาะเฮียงกั๋ง เปนของอังกฤษอนงค์คงรักษา
เห็นตึกรามตามเขาไม่เปล่าตา เหมือนไปทาดินสอพองมองออกพราว
ถึงเช่นนั้นก็ยังเหลือเนื้อไศล ด้วยโตใหญ่สูงเยี่ยมขึ้นเทียมหาว
เหมือนลูกคลื่นในสมุทดูสุดยาว เปนภู่ขาวโล้นเลี่ยนช่างเตียนดี
แต่ตึกอยู่ดูเลาะสะเดาะเขา ฉะเวิกเว้าแหว่งว่างสร้างวิถี
ตั้งเลียบหลามทำอยู่เปนบุรี เขามั่งมีความคิดอังกฤษเจน
ริมตลิ่งเซาะกรีดเหมือนมีดฝาน ล้วนหิน​ดาลดูแดงดังแสงเสน
ก่อกำชับเพิ่มพูลปูนสิเมน เหมือนทำเล่นเหลือสบายทลายลง
มีหนทางตลอดถึงยอดเขา ก่อตึกเฝ้านั่งยามตามประสงค์
เปนทีป้อมตั้งหลักปักเสาธง คนขึ้นลงเห็นวิ่งเท่าลิงไพร
ที่พื้นเมืองชานบุรีมีแต่เจ๊ก รูปร่างเล็กน่าเกลียดเบียดไม่ไหว
ทั้งเจ๊สัวตัวกุลีที่มาไป เดินออกไขว่เหมือนมดได้รสตาล
แต่เรือจ้างขึ้นล่องสองพันกว่า แจวออกซ่าเหมือนจะปล้นคนโดยสาน
กับเรือใหญ่ใบแขงพอแรงการ รับทำงานบรรทุกของลงท้องเมล์
สังเกตเสาราวกับต้นหมากสวน แลเปนพรวนแล่นจอดบ้างทอดเป๋
น่าจะโดนกันล่มจมทเล เสียงโว้เว้ชักใบขึ้นใส่เรียว
ทั้งเรือจ้างประจำกำปั่นเล็ก ล้วนแต่เจ๊กเต็มเรือห่มเสื้อเขียว
เปนหลายสิบแล่นลอยที่คอยเทียว ถึงคนเดียวก็ส่งคงเอาเซ็น
เรือทเลเมริกันนั้นสี่เสา ระวางเปล่าสองปล่องที่มองเห็น
กับเรือเมล์ที่ทอดจอดกระเด็น ได้นับเล่นสามสิบออกลิบตา
อีกฝั่งหนึ่งพึ่งวางสร้างลงใหม่ เปนบ้านใหญ่​ปึกแผ่นดูแน่นหนา
เที่ยวทลายเขาเล่นเปนศิลา ตามปัญญาคนอังกฤษที่คิดตรอง
อันอ่าวนี้รูปร่างเหมือนอ่างใหญ่ ทางชะไลชะลุมาเปนผ่าสอง
แต่ดูเปนฝั่งตันขันจริงมอง ที่แท้ช่องออกทเลเปนเหโล
ว่าที่สองค้าขายเมืองในโลก ของชาวโอฆประเทศวิเศษโส
เปนท่ารับทรัพย์สินค่อยภิญโญ ยิ่งสุโขบริบูรณ์พูลทวี
เขาว่าแต่ก่อนนี้ไม่มีบ้าน เปนถิ่นฐานพวกสลัดมันซัดหนี
แล้วอังกฤษคิดอยู่เปนบุรี ห้าสิบปีได้ผดุงเอารุ่งเรือง ฯ
๏ ฝ่ายพวกเราคราวเรือประทับจอด ขึ้นพักทอดตึกสง่ามีฝาเฝือง
อยู่โฮเตลนามพระนางสำอางเมือง สมญาเนื่องเข้าอิกวิกตอเรีย
แถวถนนกวินซลิศสนิทเนตร กว่าประเทศข้างหลังเมืองตังเกี๋ย
ทั้งหอห้างใหญ่ดีมีอาเฮีย นั่งคลอเคลียเชิญซื้อว่าลื้อไทย
สารพัดที่จะมีดีๆเหลือ ล้วนพวกเสือกินทรัพย์นับไม่ไหว
เราก็นุ่งกุงเกงไม่เกรงใคร เอาทำไมเจ๊กมาร้องว่าเซียม
ชาวเมืองพูดอังกฤษสนิทหมด ไม่เปนรสก็แต่เราให้​เขาเสียม
ต้องบอกว่าลิเติลมาเดินเทียม มักซักเลียมลองมาเราว่าโน
จะซื้ออะไรไปบ้างก็ทั้งยาก ต้องพึ่งปากขุนปราบจึ่งทราบโข
แกพูดได้หลายภาษาไม่ว่าโว วิเศษโสเกินล่ามธรรมดา
ฝรั่งเศสเยอรมันดันอังกฤษ ถ้าพูดติดกลับมาจีนชินภาษา
ได้ชวนกันเที่ยวเล่นเปนเวลา ตามอัชฌาพอสะดวกเปนพวกกัน
มีห้างขายเกือกร่มพรมไม้เท้า หนังกระเป๋าปืนพกกระจกหัน
หมึกปากกามีดซองกล้องอำพัน แปรงถูฟันแว่นหนีบหีบหนอยนอย
ถาดกาไหล่ลูกบิดขอติดฝา นาฬิกาเดินกรุ่มลูกตุ้มหยอย
ปัสตันน้ำมันแก๊สแคสออย ทั้งโคมห้อยหิ้วระย้าอาละมัง
เหล็กสกรูตะปูห่วงควงไขขวด เครื่องสจ๊วดรถถีบกับหีบหนัง
สมุดแผนแดนหลักนัครัง กระดาษครั่งเข็มทองเหลืองเครื่องกาแฟ
ที่เสมียนเขียนอักษรกลอนบานพับ หนังสนับกันชีพบีบแปบแป๋
ปืนกาไหล่ไรเฟิลเอาเงินแร ขวดเครื่องแช่ปินโตหีบโซดา
เล่าบ้าหรั่นเบียกะมุดจุด​ไฟติด นพณิตเครื่องกะป๋องครองมัจฉา
ควงทองเหลืองเครื่องโซ่โยทะกา มนิลาเชือกรอกที่ก๊อกเท
ฟิลเตอกรองน้ำที่ทำกุ๊ก สมุดบุ๊กแบบขายเปนลายเก๋
ประทัดฟุตวงเวียนเรียนคะเน แผนทเลมีสำหรับของกัปตัน
เครื่องดับไฟไกเหน็บจักรเย็บผ้า ที่ล้างหน้าโต๊ะยกกระจกขัน
มีสร้อยนาคทองกะไหล่สายสุวรรณ์ แกะอำพันปากนกวิหคไพร
นาฬิกาล๊อกเก๊ดเพ็ชร์กระรัด จี้เข็มขัดแต่ละตัวดูหัวใส
แหวนกุณฑลทองคำอิกกำไล มีเดือยในพราวตาราคาแพง
สักหลาดผ้าพับสลับชื่อ กระดุมมือเชิดแลบใส่แอบแฝง
ผ้าผูกคอเข็มสอยติดพลอยแดง ทั้งหวีแปรงขวดน้ำมันคันธรส
ร้านจีนแสขายยาสารพัด เขาตั้งจัดใส่โถล้วนโอสถ
บันไดทองเกาเหลาน่าเข้าซด ไม่สมยศคนโตต้องโฮเตล
เก้าอี้หวายขายดีมีต่างๆ ทั้งโอ่งอ่างหีบอบให้กลบเหม็น
ร้านขายตั๋วแลกทรัพย์รับเอาเซ็น ต้องจำเปนทอนทดลดราคา
ที่ขายเครื่องยี่ปุ่นเปนตุ่นเต่า หีบมุกเขา​ลิ้นชักทั้งกลักฝา
เรือตะเภาเสาแซะแกะด้วยงา ตุ๊กตารูปสัตว์พัชนี
ของจุกจิกจิ้ดจ้อยที่ห้อยลาก มีทั้งฉากรูปเซงอีกเก๋งกี๋
ถ้วยคนโทชามอ่างล้วนอย่างดี ม่านมู่ลี่กรวยตะกร้ารูปปลาจาน
ที่ขายนกคิรีบูรพ่อคุณเอ๋ย กระไรเลยเสียงเกรียวเหมือนเคี้ยวเข้าสาร
กรงละร้อยสองร้อยห้อยเพดาน ทั้งหน้าร้านขายผ้าราคาเยาว์
นกจิ้งโคลงวาสนามาจองหอง ตัวละสองเหรียญงามได้ถามเขา
ใส่กรงพูดคอพองร้องไม่เบา อยู่เมืองเรากินไส้เดือนเข้าเรือนซวย
เหลือจะชมสมมุตหยุดเอาบ้าง เมื่อยลูกคางท่านผู้อ่านรำคาญขวย
แต่คิดถึงนฤมลคนสำรวย แม้นมาด้วยก็จะดิ้นเหมือนกินรี
หล่อนเปนคนอยากจ่ายจะได้สะ ถ้าพบปะชอบใจไม่ตระหนี่
ขี้คร้านเสียค่าส่งลงบาญชี เห็นของดีอยากได้มิใช่จน
อารมณ์รักแก้วแหวนแสนสมบัติ เหลือจะขัดซื้อเจียดขี้เกียจขน
แล้วชอบยอคอเค็มอยู่เต็มตน หล่อนเปน​คนรักงามต้องตามใจ
ถึงมาจริงคงจะนิ่งด้วยเราหน่วง ในการจ้วงซื้อหาอัชฌาไศรย
ถ้าไม่คิดรักชื่อจะดื้อไป คงจะได้ความกระเดื่องต้องเคืองกัน ฯ
๏ คืนวันหนึ่งเดินไปในวิถี เห็นผู้ดีรูปร่างเหมือนนางสวรรค์
อยู่บนตึกสูงลอยแช่มช้อยครัน ถึงสามชั้นร้องเชิญเกินผู้ดี
นึกละอายนี่เขาขายอะไรหนอ ไม่เห็นห่อกล้วยซ่มขนมอี๋
ฤๅเกาเหลาเตาไฟก็ไม่มี นั่งเก้าอี้โคมสว่างหน้าต่างพับ
เปนฝรั่งทั้งยี่ปุ่นดรุณภาพ เหมือนมีลาภห่อเข้ามาเคล้ากับ
แต่ยั้งใจไม่ภาษาขัดตาทัพ พยักรับที่เขาเชิญแล้วเมินไป
ช่างไม่หวงลูกเต้าเปนสาวแซ่ นี่พ่อแม่โฉมตรู่ไปอยู่ไหน
มายินยอมพร้อมพรักสมัคไทย เห็นสดใสอยู่ที่เราจะเคล้าคลึง
เมินเสียเถอะชาตินี้ไม่มีแล้ว กลัวน้องแก้วของข้าจะมาหึง
เหมือนหงส์ทองล่องลมมาจมบึง ได้สลึงเสียบาทขาดจำนวน
ไม่คิดอยู่ฮ่องกงคงจะกลับ ถึงจะรับอภิเษกเอกสงวน
ให้อยู่ตึกสามชั้นกว่าขวัญ​ญวน อย่ารัญจวนไปเลยน้องไม่ต้องการ
รักษาสัตย์ตัดรักมาแต่ไหน เขาว่าไว้อดเปรี้ยวได้เคี้ยวหวาน
เมื่อเคยพบปะบุรีที่กันดาร ยังไม่ร่านริออกไปนอกทาง
ขนมปังหนังเหนียวเคี้ยวลำบาก ไม่ชอบปากชิวหาเหมือนปลาหาง
รสเนยนมขมลิ้นยังกินจาง แสนสำอางแต่น้ำพริกทุกวิกวัน
หัวอกใครจากเชยที่เคยพบ มันไม่ลบความคิดตรงจิตรฉัน
แผลในอกฤๅจะยกมาเชิดชัน ความกระสันแลเปนยอดตลอดกาย
สุดคนึงถึงยุพินถวิลหา อยากรีบมาเสียด้วยแสนแค้นสหาย
มิใช่ว่าอกเขาตัวเปล่าดาย ช่างไม่หมายมุ่งมิตรสักนิดเลย
ฤๅจะอยู่ฮ่องกงคงสลัด จะทิ้งสัตย์ไปเปนถังนิจังเอ๋ย
ดูหน้าหมดสดใสใจสเบย ช่างเฉยเมยเหมือนหนึ่งว่ารักษากรรม
อันเมืองนี้น่าสนุกดูซุกซิก แผ่นดินพลิกแพลงดาดลาดถลำ
เขาก่อเปนตึกเตียนตั้งเพียรทำ ถนนร่ำโรยหินสิ้นทุกทาง
แต่ใช้เกี้ยวรถเจ๊กเล็กๆลาก เพราะคนมากเดินพรูดู​เปนหาง
แล้วถนนก็แคบจึ่งแบบบาง ริมทำรางถือสิเมนจึ่งเปนดี
แต่เดินมักเมื่อยขาเวลาเที่ยว ทางลดเลี้ยวแลโก่งเหมือนวงหวี
ด้วยเปนชั้นเชิงเทินเนินคิรี ช่างเหลือที่ทัศนาได้มาดู
มีโปลิศอินเดียนทะเบียนแขก หน้าตาแปลกใจทะมิฬไม่กินหมู
เที่ยวเดินยามตามจังหวัดกันศัตรู มีหางหนูแล้วก็ต้องมองระวัง
ได้ดูเล่นเปนสุขสนุกสนาน กินอาหารโฮเตลเกือบเปนถัง
แล้วออกจากที่พักนัครัง ลงบัลลังก์เรือเมล์ชื่อเทวะวงศ์
แล่นก็ไวใส่พระนามดูงามสุด ไม่วิมุติเหมือนได้มานาวาหงส์
แต่กัปตันเลยไถลไม่มาตรง แล่นย้อนลงซัวเถาเช้าก็ดล ฯ
๏ ที่ปากน้ำมีเกาะดูเหมาะเหมง สร้างตึกเก๋งป้อมหอก่อถนน
ตลิ่งล้วนเขาโล่งโปร่งตำบล แต่ผู้คนเงียบสงัดทัศนา
กับป้อมดินตามฝั่งต้องสังเกต เพราะกินเนตรมีทหารการรักษา
ดูเรือเมล์เข้าน้อยถอยราคา ได้ไปมามากลำก็สำเภา
มีตึกว่างสร้างใหม่ก็​หลายหลัง เหมือนพึ่งตั้งแต่งตัวเมืองซัวเถา
ได้แขงใจขึ้นดูหมู่ลำเนา เพราะว่าเราแต่งฝรั่งไม่อย่างไทย
มีตึกร้านบ้านเจ๊กขายเล็กน้อย เครื่องใช้สรอยหม้อกระถางกับอ่างไห
แต่ในเมืองเขาไม่อาจขี้ขลาดไป ด้วยทราบในสันดานว่าพาลชุม
กัปตันว่าไม่หยอกปอกเอาหมด มันถอดยศแก้พกแล้วหมกหลุม
ถ้าขืนไปก็จะต้องประคองกุม จะหมดหนุ่มเสียหน้าตาดีๆ
ถึงอย่างนั้นมันมาล้อมหน้าหลัง ต้องระวังไม่ให้เบียดเข้าเสียดสี
บ้างแลดูแล้วนึกว่าแขกตานี บางคนชี้ว่าอั้งหมอชลอมา
บางคนว่ายี่ปุ่นฤๅคุณเถา บ้างว่าชาวกรุงสยามตามภาษา
มันพูดจีนจ๋อแจ๋แลดูตา ขุนปราบว่าอั๊วใจไล้เถ้าแก
ท่านเปนล่ามช่างเทศวิเศษพูด อั๊วเปนทูตเที่ยวไปในกระแส
มาเดินเล่นตามสะเบยไม่เคยแล เปนไทยแท้เล่ายั้วอั๊วขุนนาง
แล้วก็ลงเรือเมล์เหมือนเคหา พอสุริยาแจ่มแจ้งขึ้นแสงสาง
ออกกำปั่นลั่นไกไขดังกราง ตั้งเข็มวางสิงคโปรสุโขจริง
มีเจ๊ก​เมืองซัวเถามาเก้าร้อย แน่นไม่น้อยเต็มที่เหมือนผีสิง
ทั้งท้องเรือดาดฟ้าหน้าเหมือนลิง บ้างตีชิงตุ๊ยกันทุกวันไป
มีผู้หญิงคนสยามมาสามสาว รูปร่างขาวควรคิดพิสมัย
นุ่งกางเกงสวมเสื้อเหลือวิไลย มาแปลงไทยซัวเถาไม่เข้าที
เขาว่ามาฝังศพกลบหลุมเตี่ย จึ่งกลับเสียเพราะเสร็จสำเร็จผี
คิดขึ้นมาน่าหึงช่างถึงดี มากินหมี่หัวผักกาดไม่ฝาดคอ
เออไม่อยู่จนแก่เล่าแม่เอ๋ย หัดพะเกยไว้เปียเสียสิหนอ
ฤๅคิดถึงอยุธยาน้ำตาคลอ มีห้องหอเคหามาก็นาน
ช่างเข้าที่พระอไภยเมื่อได้สึก เจ้าผลึกยอมเชิญให้เดินสาร
ออกจากแนวเกาะแก้วพิสดาร จนเกิดการเรือแตกแยกกันจร
แต่ต้องยอมปฏิเสธด้วยเหตุบุตร สินสมุทไม่มีแลกแบกสมร
ถ้าเปนจริงก็จะม้วยด้วยมังกร ทั้งคู่ขอนของเก่าจะหาวลม
เรือกลไฟใช้จักรไม่พักวก คิดได้หกวันปลายสบายสม
ครั้นถึงแหลมเจียวฮอต่อนิคม บุรีรมย์ปลายแพนกเปนแขกจาม
พ้น​นั้นก็เปนถิ่นเรียกหินขาว ต่อไลฮาวซ์เหมือนสันดอนตอนสยาม
ปะทะถูกคลื่นลมเสียงโครมคราม มีอีกนามว่าชะลันสำคัญทาง ฯ
๏ ถึงหน้าเมืองสิงคโปร์โกลาหล มีผู้คนเรือแพแลสล้าง
ทอดสมอรอไฟไขระวาง ชักธงหางคลี่หยอยห้อยบันได
แต่ทอดอยู่ห่างฝั่งเพราะยั้งยับ เข้าถ่ายรับสินค้าอัชฌาไศรย
กับปล่อยจีนจับกังขึ้นฝั่งไป เข้าเมืองไทยสามร้อยจึงน้อยลง
อันตัวเรานั้นยกบกไม่ขึ้น ต้องนั่งมึนจนใจเหมือนไต้ก๋ง
ด้วยทอดอยู่วันกว่าก็ลาธง แล่นมาตรงอ่าวสยามตามสบาย
ไม่มีทุกข์สุโขสโมสร ลงนั่งนอนนึกกริ่มยิ้มไม่หาย
ได้หกเดือนเศษครึ่งไปขึงกาย สู้ฝักฝ่ายเหนื่อยยากคิดพากเพียร
เพราะความมุ่งผดุงกิจไม่คิดแก่ ตามเบาะแสรับการด้านเสมียน
ด้วยดวงจิตรครวญคร่ำอยู่จำเนียร ถึงเวรเวียนสมมาดราชการ
เรือกลไฟมาได้สี่วันครึ่ง ก็พอถึงกรุงเทพเสพย์สถาน
ขึ้นเย่าเรือนเหมือนเคยเลยสำราญ ก็ชื่นบานพูลพิพัฒน์สวัสดี ฯ
​๏ ข้าพเจ้าผู้เกลากลอนนิราส ไม่สามารถเชิดชูให้ฟูศรี
เพราะว่าอ่อนสอนซ้อมน้อมกวี ยังเปนที่เคลือบแคลงแสดงกลอน
ที่ได้จดระยะทางต่างประเทศ เพราะเห็นเหตุทัศนาอุทาหรณ์
มาแถลงแจ้งความตามสุนทร ด้วยทางจรไม่มีใครเคยไปมา
ครั้นจะเขียนเปนบทจดหมายเหตุ ดูสังเวชจืดจิ๋วแก่ชิวหา
เหมือนส้มเปรี้ยวต้องเคี้ยวกับน้ำปลา ตามภาษาพากย์พจน์รสชาววัด
แต่ใจความตามจริงทุกสิ่งหมด ไม่มีปดแน่ใจเหมือนใบสัตย์
ที่โอดครวญบางแห่งจงแจ้งชัด เปนกำดัดของนิราสขาดไม่ดี
ท่านผู้อ่านวานช่วยอำนวยผล ตั้งแต่ต้นเบื่อหูอย่าจู๋จี๋
ขอให้แล้วตามประสงค์คงไปที ไม่ต้องมีจำเปนได้เอ็นดู
แต่ความอายโวหารนั้นก็มาก พูดเปนฉากเหมือนว่าหลับตาหู
ที่ถูกผิดมิได้คิดศึกษาครู เต็มประตูไปด้วยจัดอัตโน
อันตัวฉันมีนามตามนุสนธิ์ ใช่เปนคนรู้เหตุวิเศษโส
มาได้พึ่งฐานอุดมเหมือนร่มโพธิ์ ค่อยภิญโญเจริญไวยเมื่อไปญวน
​อยู่ออฟฟิศกรมท่าฝ่าพระบาท ที่ตึกราชวัลลภจบสงวน
จึงได้เกิดเชาวน์นิยมพอสมควร เรียงสำนวนรายทางได้อย่างใจ
ขอผลาอานิสงส์คงแก่ข้า เปนมรรคาที่ประเสริฐเกิดนิไสย
จงหมดโทษมลทินสิ้นอไภย เสียแรงได้อุส่าห์จงถาวร
ตามสมภพสบไถงไสมยนี้ เพราะบุรีรุ่งสง่ากว่าแต่ก่อน
ควรจะซื้ออ่านรู้กระทู้กลอน อย่าง้องอนยืมมิตรจะผิดกัน
ให้เหงื่อเปื้อนเลือนน้ำหมากเขาถากถาง ว่ารูปร่างประเปรียวเหนียวขยัน
เฟื้องสลึงอย่าให้ใครจำนรรจ์ เปิดกำปั่นซื้อมาดีกว่าเอย ฯ
จบนิราสตังเกี๋ยแต่เพียงนี้
โฆษณา