30 ต.ค. เวลา 06:29 • สุขภาพ

ICSI (Intracytoplasmic Sperm Injection): เทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ที่ก้าวล้ำ

ในปัจจุบัน การใช้เทคโนโลยีทางการแพทย์เพื่อช่วยคู่รักที่ประสบปัญหาภาวะมีบุตรยากกำลังเป็นที่นิยมมากขึ้น และหนึ่งในเทคโนโลยีที่มีความสำคัญในวงการนี้คือ ICSI (Intracytoplasmic Sperm Injection) ซึ่งเป็นกระบวนการที่ช่วยให้การปฏิสนธิของไข่กับอสุจิเป็นไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะในกรณีที่มีปัญหาทางการผลิตอสุจิของฝ่ายชาย หรือไข่ของฝ่ายหญิงไม่สามารถปฏิสนธิกับอสุจิได้ตามปกติ
ICSI คืออะไร?
ICSI หรือ Intracytoplasmic Sperm Injection คือ กระบวนการที่แพทย์จะเลือกอสุจิที่มีคุณภาพดีที่สุดเพียงตัวเดียว จากนั้นนำมาฉีดเข้าไปในเซลล์ไข่ของผู้หญิงโดยตรง ซึ่งแตกต่างจากการทำ IVF (In Vitro Fertilization) ที่เป็นการผสมอสุจิและไข่ในหลอดทดลองแล้วปล่อยให้ไข่ปฏิสนธิเอง กระบวนการ ICSI ถูกออกแบบมาเพื่อแก้ไขปัญหาของผู้ชายที่มีจำนวนอสุจิไม่เพียงพอ หรืออสุจิไม่สามารถเข้าถึงไข่ได้
ขั้นตอนการทำ ICSI
กระบวนการทำ ICSI มีขั้นตอนหลัก ๆ ดังนี้:
กระตุ้นการตกไข่: ผู้หญิงจะได้รับยาฮอร์โมนเพื่อกระตุ้นให้รังไข่ผลิตไข่หลายใบ
เก็บไข่: เมื่อไข่พัฒนาเต็มที่แล้ว จะมีการเก็บไข่จากรังไข่ของผู้หญิงโดยการใช้เข็มดูดไข่
เก็บตัวอย่างอสุจิ: ฝ่ายชายจะต้องให้ตัวอย่างอสุจิผ่านกระบวนการเตรียมอสุจิ เพื่อเลือกอสุจิที่ดีที่สุด
การฉีดอสุจิเข้าไปในไข่: แพทย์จะใช้เข็มพิเศษในการฉีดอสุจิหนึ่งตัวเข้าไปในไข่โดยตรง
การเพาะเลี้ยงตัวอ่อน: หลังจากนั้นไข่ที่ได้รับการปฏิสนธิจะถูกเพาะเลี้ยงในสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมจนถึงระยะที่สามารถย้ายตัวอ่อนเข้าสู่มดลูกได้
การย้ายตัวอ่อน: ตัวอ่อนที่พัฒนาขึ้นแล้วจะถูกย้ายเข้าสู่มดลูกของผู้หญิง โดยกระบวนการนี้ไม่เจ็บปวดและไม่ต้องผ่าตัด
ข้อดีของ ICSI
เหมาะสำหรับผู้ชายที่มีภาวะมีบุตรยาก: สำหรับผู้ชายที่มีปัญหาการผลิตอสุจิ เช่น อสุจิไม่สามารถเคลื่อนที่ได้ หรือมีจำนวนอสุจิไม่เพียงพอ ICSI สามารถช่วยให้มีโอกาสตั้งครรภ์ได้
เพิ่มโอกาสการปฏิสนธิ: การฉีดอสุจิเข้าไปในไข่โดยตรงช่วยเพิ่มโอกาสในการปฏิสนธิ
ช่วยในกรณีที่ IVF ไม่สำเร็จ: หากการทำ IVF โดยวิธีธรรมดาไม่ประสบความสำเร็จ การทำ ICSI อาจเป็นทางเลือกที่ดี
ข้อควรระวังและข้อเสียของ ICSI
ต้นทุนสูง: เนื่องจากกระบวนการที่ซับซ้อนและต้องการเทคโนโลยีสูง จึงทำให้ ICSI มีค่าใช้จ่ายสูงกว่าการทำ IVF ปกติ
โอกาสในการเกิดการตั้งครรภ์แฝด: การทำ ICSI อาจเพิ่มความเสี่ยงในการตั้งครรภ์แฝด ซึ่งอาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนในระหว่างการตั้งครรภ์
ความเสี่ยงในการถ่ายทอดโรคทางพันธุกรรม: เนื่องจาก ICSI ใช้เฉพาะอสุจิที่ได้จากการเลือกตัวอย่างที่ดีที่สุด มีความเสี่ยงในการถ่ายทอดโรคทางพันธุกรรมบางชนิด ซึ่งต้องมีการตรวจสุขภาพก่อนการทำ ICSI
ใครที่ควรทำ ICSI?
การทำ ICSI เหมาะสำหรับคู่รักที่มีปัญหาภาวะมีบุตรยาก โดยเฉพาะผู้ชายที่มีปัญหาทางด้านอสุจิ เช่น มีจำนวนอสุจิไม่เพียงพอ อสุจิไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ หรือมีอสุจิที่มีคุณภาพไม่ดี นอกจากนี้ยังเหมาะสำหรับผู้หญิงที่มีปัญหาการตกไข่หรือไม่สามารถปฏิสนธิกับอสุจิได้ตามปกติ
สรุป
ICSI เป็นเทคโนโลยีที่สามารถช่วยคู่รักที่มีปัญหาภาวะมีบุตรยาก โดยเฉพาะในกรณีที่อสุจิของฝ่ายชายไม่สามารถทำงานได้ตามปกติ ซึ่งกระบวนการนี้ช่วยเพิ่มโอกาสในการปฏิสนธิและการตั้งครรภ์ให้กับคู่รักที่ต้องการมีลูก แต่การทำ ICSI ก็ยังมีค่าใช้จ่ายที่สูงและความเสี่ยงที่ต้องพิจารณา ดังนั้น ก่อนการตัดสินใจทำ ICSI ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเพื่อรับคำแนะนำที่เหมาะสมกับสถานการณ์ของแต่ละคน
โฆษณา