Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
Witly. - เปิดโลกวิทย์แบบเบา ๆ
•
ติดตาม
30 ต.ค. เวลา 16:02 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี
📱 ผลวิจัยชี้ "แบนมือถือในโรงเรียน" อาจเพิ่ม "ความเหงาทางอารมณ์" ให้เด็กบางกลุ่ม
“เด็กสมัยนี้ติดมือถือเกินไป” “เวลาเรียนก็ไม่สนใจ” “แบนมือถือในโรงเรียนไปเลยน่าจะดีที่สุด”... นี่คือเสียงที่เราได้ยินกันจนชินหูใช่ไหมครับ?
พวกเราหลายคนเป็นกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของเวลาหน้าจอที่มากเกินไป โดยเฉพาะการใช้โทรศัพท์ในโรงเรียนที่อาจรบกวนการเรียนของนักเรียน แต่... จะเกิดอะไรขึ้นถ้าผมบอกคุณว่า การ “แบน” มือถืออย่างเด็ดขาด อาจกำลังสร้างปัญหาใหม่ที่น่ากังวลไม่แพ้กัน นั่นคือการทำให้เด็กบางคน “เหงา” มากขึ้น อย่างน้อยก็ในช่วงแรก
📘 บทเรียนจากเนเธอร์แลนด์
แม้จะมีหลักฐานที่ชัดเจนเพียงเล็กน้อยว่าการใช้มือถือส่งผลเสียต่อเกรดหรือสุขภาพจิตของวัยรุ่น แต่ประเทศเนเธอร์แลนด์ก็ได้สั่งห้ามใช้โทรศัพท์และอุปกรณ์สมาร์ทดีไวซ์ในห้องเรียนตั้งแต่ 1 มกราคม 2024 และบางโรงเรียนถึงกับห้ามใช้ตลอดทั้งวัน โดยให้นักเรียนเก็บไว้ในล็อกเกอร์
เพื่อทำความเข้าใจผลกระทบของนโยบายนี้ ซันโยกิตา คาเร (Sanyogita Khare) และทีมงานจากมหาวิทยาลัยแรดเบาด์ในเนเธอร์แลนด์ ได้ทำการสำรวจนักเรียนใน 2 โรงเรียนมัธยมที่ใช้กฎ “แบนตลอดวัน” โดยเปรียบเทียบข้อมูลก่อนและหลังการแบน
🌙 ความเหงา 2 รูปแบบ
ทีมวิจัยได้วัด “ความเหงา” ออกเป็น 2 รูปแบบที่แตกต่างกัน
●
ความเหงาทางสังคม (Social Loneliness): คือความรู้สึกว่าไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของ “กลุ่ม” หรือเครือข่ายที่กว้างขึ้น
●
ความเหงาทางอารมณ์ (Emotional Loneliness): คือการขาดความรู้สึก “ใกล้ชิดและสนิทสนม” ในกลุ่มเพื่อนสนิท
⚖️ ผลลัพธ์ที่ย้อนแย้ง: เมื่อเด็กบางกลุ่มถูกทิ้งไว้ข้างหลัง
เมื่อเปรียบเทียบข้อมูลก่อนและหลังการแบน ทีมวิจัยพบผลลัพธ์ที่ผสมผสานกัน
1. โดยภาพรวม ความเหงาทางสังคม...ไม่เปลี่ยนแปลง: ดูเหมือนว่าการแบนมือถือจะไม่ได้ทำให้เด็กรู้สึกว่าตัวเองไม่มีกลุ่มเพื่อนในภาพรวม
2. แต่ ความเหงาทางอารมณ์...เพิ่มขึ้นเล็กน้อย: คาเรสันนิษฐานว่า นี่อาจเกิดขึ้นเพราะเพื่อนสนิทที่สุดของเด็กบางคนไม่ได้อยู่ที่โรงเรียนเดียวกัน การแบนมือถือจึงทำให้พวกเขาไม่สามารถติดต่อกับคนที่สนิทที่สุดได้ในระหว่างวัน
และนี่คือจุดที่น่าสนใจที่สุดครับ...
3. เด็กที่เปราะบาง...เหงากว่าเดิม: เมื่อเจาะลึกลงไปในกลุ่ม “เด็กที่เปราะบางทางสังคม” (คือเด็กที่ปกติก็มีปัญหาในการเข้าสังคมอยู่แล้ว) พวกเขากลับกลายเป็นกลุ่มที่มีความเหงาทางสังคมเพิ่มมากขึ้นอย่างชัดเจนหลังจากการแบน
คาเรย้ำว่า ผลลัพธ์นี้อาจจะไม่ถาวรก็ได้ เพราะนักเรียนอาจจะปรับตัวเข้ากับการแบนได้เมื่อเวลาผ่านไป
🚧 ข้อจำกัดที่ต้องพิจารณา
แน่นอนว่างานวิจัยนี้ยังมีข้อจำกัด โจนาธาน แคนเทอร์ (Jonathan Cantor) จากองค์กรวิจัย RAND ชี้ว่า งานวิจัยนี้ขาด กลุ่มควบคุม (control group) หรือการเปรียบเทียบกับโรงเรียนที่ไม่ได้ใช้กฎแบนที่เข้มงวด (เช่น ยังให้ใช้มือถือได้ในช่วงพัก)
“เราต้องการข้อมูลจากนักเรียนที่คล้ายกันในโรงเรียนที่ไม่มีการแบน เพื่อทำการเปรียบเทียบอย่างมีนัยยะ” เขากล่าว “หากไม่มีสิ่งนั้น เราก็ไม่สามารถสรุปได้ว่าผลลัพธ์ที่พบนี้สะท้อนแนวโน้มที่กว้างขึ้นจริงหรือไม่”
🏡 มองเนเธอร์แลนด์ ย้อนดูโรงเรียนไทย
ในบริบทของประเทศไทย การถกเถียงเรื่องการแบนมือถือในโรงเรียนก็กำลังเป็นประเด็นร้อนเช่นกัน ผลการศึกษาเบื้องต้นจากเนเธอร์แลนด์นี้จึงเป็นเหมือน “สัญญาณเตือน” ที่สำคัญสำหรับผู้บริหารโรงเรียนและผู้กำหนดนโยบายในบ้านเรา
มันชี้ให้เห็นว่าการออกกฎ “แบน” แบบเหมารวมอาจไม่ใช่ทางออกที่ดีที่สุด และอาจส่งผลกระทบในด้านลบอย่างไม่คาดคิด โดยเฉพาะกับเด็กกลุ่มที่เปราะบางที่สุดในโรงเรียน
“ถ้าโรงเรียนตัดสินใจที่จะใช้มาตรการแบนมือถือโดยสิ้นเชิง พวกเขาก็ควรจะต้องระมัดระวังบางสิ่งไว้ด้วย” คาเรกล่าว “เยาวชนที่เปราะบางทางสังคมอาจจะต้องดิ้นรนมากกว่าคนอื่นเล็กน้อย นักเรียนอาจรู้สึกว่าถูกตัดขาดจากเพื่อนๆ มากขึ้นเล็กน้อย”
🎯 สรุปประเด็นสำคัญ
✅ ผลกระทบที่ไม่คาดคิด: งานวิจัยเบื้องต้นชี้ว่าการแบนมือถือในโรงเรียนอาจไม่ได้ส่งผลดีเสมอไป โดยพบว่ามันทำให้เกิด “ความเหงาทางอารมณ์” เพิ่มขึ้นเล็กน้อยในภาพรวม
✅ ซ้ำเติมกลุ่มเปราะบาง: ที่น่ากังวลที่สุดคือ นักเรียนที่ปกติมีปัญหาในการเข้าสังคมอยู่แล้ว กลับยิ่งรู้สึก “เหงาทางสังคม” (ถูกตัดขาดจากกลุ่ม) มากขึ้นหลังจากการแบน
✅ ความท้าทายในการวิจัย: งานวิจัยนี้ยังมีข้อจำกัดคือขาดกลุ่มควบคุม (โรงเรียนที่ไม่แบน) มาเปรียบเทียบ ทำให้ยังไม่สามารถสรุปผลได้อย่างชัดเจน
✅ ไม่ใช่ทางออกที่สมบูรณ์: การแบนมือถือไม่ใช่ยาวิเศษที่แก้ได้ทุกปัญหา และโรงเรียนจำเป็นต้องตระหนักถึงผลกระทบด้านลบที่อาจเกิดขึ้นกับเด็กบางกลุ่มด้วย
💬 แล้วคุณล่ะครับ...
ในฐานะผู้ปกครอง, นักเรียน หรือครู... คุณคิดว่าการ “แบนมือถือตลอดวัน” ในโรงเรียน เป็นทางออกที่เหมาะสมหรือไม่? หรือเราควรมีแนวทางที่ยืดหยุ่นกว่านี้อย่างไรครับ?
🔎 แหล่งอ้างอิง
1. Khare, S. S., et al. (2025). Reconnected or disconnected? Secondary school students’ loneliness and problematic social media use following a total smartphone ban. PsyArXiv.
https://doi.org/p9hf
🙏 ถึงผู้อ่านทุกท่าน
หากคุณชื่นชอบและเห็นคุณค่าของงานที่ผมทำ การสนับสนุนเล็กๆ น้อยๆ จากคุณจะเป็นพลังสำคัญอย่างยิ่ง เปรียบเสมือน 'ค่ากาแฟ' ที่ช่วยต่อลมหายใจ และทำให้ผมสามารถเดินหน้าสร้างสรรค์ผลงานคุณภาพต่อไปได้ เพื่อให้พื้นที่แห่งการเรียนรู้ของเรายังคงอยู่
ผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้รับความเมตตาจากทุกท่าน เพื่อให้เพจนี้ได้เดินต่อไปครับ
Link สนับสนุนค่ากาแฟ [
https://ezdn.app/witlyofficial
]
วิทยาศาสตร์
ความรู้รอบตัว
การศึกษา
1 บันทึก
1
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
NEWS BRIEF (ตุลาคม 2568)
1
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย