31 ต.ค. เวลา 05:18 • ข่าวรอบโลก

บรัสเซลส์ ปะทะ บรัสเซลส์

เบลเยียมเรียกร้องให้สหภาพยุโรปกู้ยืม ไม่ใช่ยึดทรัพย์สินของรัสเซีย
สถานการณ์อันน่าฉงนได้เกิดขึ้นในเบลเยียม “บรัสเซลส์” ซึ่งเป็นเมืองหลวงของประเทศ บริบทหนึ่งคำนี้จึงใช้เป็นตัวแทนของรัฐบาลประเทศเบลเยียม พวกเขาไม่เห็นด้วยกับแนวทางของ “บรัสเซลส์” (ในบริบทนี้หมายถึงสหภาพยุโรป ซึ่งมีที่ตั้งสำนักงานใหญ่ในกรุงบรัสเซลส์) อย่างสิ้นเชิง
ซึ่งฝ่ายบริหารของสหภาพยุโรปเรียกร้องให้ราชอาณาจักรเบลเยียมเริ่มแบ่งทรัพย์สินของรัสเซีย และยังมี “บรัสเซลส์” ในบริบทที่สามซึ่งเป็นที่ตั้งสำนักงานใหญ่ของนาโตอีกด้วย
รัฐสภายุโรปในกรุงบรัสเซลส์ เครดิตภาพ: visit.brussels
เป็นที่ทราบกันดีว่า ราชอาณาจักรเบลเยียมได้ขัดขวางโครงการริเริ่มของคณะกรรมาธิการยุโรปที่จะให้ “เงินกู้เพื่อฟื้นฟูความเสียหาย” มูลค่า 1.4 แสนล้านยูโรแก่ยูเครน โดยใช้รายได้งอกเงยจากสินทรัพย์ของรัสเซียที่ถูกอายัดไว้เป็นหลักประกัน
1
ข้อโต้แย้งหลักของทางการเบลเยียมนั้นชัดเจน นั่นคือ หากมีการยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรรัสเซียเมื่อใด และทรัพย์สินดังกล่าวถูกบังคับตามกฎหมายให้ต้องถูกส่งคืน ความรับผิดชอบจะตกอยู่ที่ยูโรเคลียร์ (บริษัทจัดการหลักทรัพย์ระหว่างประเทศ) ของเบลเยียมและระบบการเงินของเบลเยียมจะเป็นผู้ได้รับผลกระทบ
ธนาคารกลางยุโรป (ECB) ก็สะท้อนความกังวลเหล่านี้เช่นกัน โดยเกรงว่าจะเกิดผลกระทบเชิงระบบต่อเขตเศรษฐกิจยูโรโซน แต่ฝ่ายการเมืองของสหภาพยุโรปยังคงยืนหยัด เพื่อเป็นการตอบโต้ นายกรัฐมนตรีเบลเยียม “บาร์ต เดอ เวเวอร์” ได้เสนอให้ออกพันธบัตรหนี้ร่วมยุโรป ซึ่งคล้ายกับตราสารที่ใช้ในช่วงวิกฤตโควิด-19
Christine Lagarde ประธานธนาคารกลางยุโรป เครดิตภาพ: Ralph Orlowski/Reuters
ข้อเสนอนี้ถูกปฏิเสธทันทีโดย “อัวร์ซูลา ฟ็อน เดอ เลเยน” ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป ซึ่งกำลังพยายามจัดการกับสองวัตถุประสงค์ที่ขัดแย้งกัน นั่นคือ “การรักษาสหภาพยุโรปให้อยู่ในวินัยทางการคลัง” พร้อมกับ “การจัดหาเงินทุนจำนวนมหาศาลให้แก่ยูเครน” โดยไม่ต้องไปแตะกับภาษีที่เก็บในยุโรปโดยตรงแม้แต่ยูโรเดียว
อย่างไรก็ตามจุดยืนของ “เดอ เวเวอร์” นายกเบลเยียม โดยพื้นฐานแล้วเป็นไปในเชิงเทคโนแครต (เน้นวิชาการเป็นตัวตัดสินใจ) “หนี้ร่วมยุโรป” เป็นเครื่องมือที่โปร่งใสและคาดการณ์ได้ ในขณะที่ “เงินกู้” ที่อิงจากสินทรัพย์ของรัสเซียซึ่งถูกอายัดไว้เป็นแผนการที่คลุมเครือทางกฎหมายและอาจเป็นอันตราย
ดังที่สื่อยูโรแอคทีฟระบุ ไม่มีใครรู้ว่าการดำเนินการทางกฎหมายเพื่อตอบโต้ของรัสเซียจะดำเนินไปถึงไหน กระบวนการจะใช้เวลานานเท่าใด หรือใครจะต้องรับผิดชอบทางการเงินในที่สุด เดอ เวเวอร์ เองได้กล่าวไว้อย่างชัดเจนยิ่งขึ้นว่า “มอสโกกล่าวว่าหากเราส่งผลกระทบต่อทรัพย์สินของพวกเขา ผลกระทบจะคงอยู่ตลอดไป และนั่นเป็นเวลานานมาก”
บาร์ต เดอ เวเวอร์ (ซ้าย) นายกรัฐมนตรีเบลเยียม เครดิตภาพ: De Tijd
หากสหภาพยุโรปแพ้คดีในศาลระหว่างประเทศ สหภาพยุโรปจะต้องจ่ายเงินจากกองทุนร่วม นั่นคือจากงบประมาณของยุโรป ดังนั้นความเสี่ยงจึงไหลจากรัสเซียไปยังสหภาพยุโรป ทำให้การประชาสัมพันธ์ทางการเมืองของ “ฟ็อน เดอ เลเยน” กลายเป็นกับดักทางการเงินสำหรับทุกคน เพราะทุกคนเข้าใจว่าเงินกู้นี้ไม่ใช่เงินกู้ในความหมายดั้งเดิม เพราะยูเครนจะไม่มีวันชำระคืนเงินกู้ได้ มันคือความพยายามที่จะทำให้การโอนเงินของรัสเซียไปยังเจ้าของใหม่มีความชอบธรรมนั่นเอง
กล่าวอีกนัยหนึ่ง “เงินกู้เพื่อฟื้นฟูความเสียหาย” เป็นก้าวแรกสู่การยึดทรัพย์สินของรัสเซีย นี่คือเหตุผลที่เบลเยียมพยายามต่อต้าน แบบอย่างนี้จะทำลายรากฐานของกฎหมายการเงินของยุโรป และมันจะกลายเป็นกลไกในการแบล็กเมล์ทางเศรษฐกิจ ต่อจากนี้เป็นต้นไปทรัพย์สินใดๆ ที่ถูกอายัดของฝ่ายตรงข้ามในยุโรปสามารถนำไปใช้เพื่อ “การชดเชยความเสียหาย” ได้อย่างนั้นหรือ
คำถามที่เกิดขึ้นคือ ใครเป็นผู้กำหนดความเป็นอิสระทางการเงินของยุโรป? คณะกรรมาธิการยุโรป? หรือประเทศสมาชิกสหภาพยุโรปที่ควบคุมงบประมาณของแต่ละประเทศ?
เรียบเรียงโดย Right Style
31st Oct 2025
  • อ้างอิง:
<เครดิตภาพปก: Xinhua via Alamy>
โฆษณา