31 ต.ค. เวลา 11:01 • นิยาย เรื่องสั้น

เปาบุ้นจิ้น ตอน เรื่องลี้ลับในสำนักอิ้งเทียน ตอนจบ

.
หลังจากนั้นจื่อหลัวก็ต้องการจับตัวเสี่ยวฉิง เพราะเป็นลูกเจ้าสำนักที่มีส่วนร่วมในการทำความผิดเท่ากับหลอกลวงเบื้องสูง คนทั้ง3จึงต้องหนีไปตั้งหลัก
.
จื่อหลัวและใต้เท้าเฉียนนั่งก้มหน้ารับคำสั่งจากชายนิรนามไม่เห็นหน้า ที่กล่าวคาดโทษความผิดพลาดของคนทั้ง2 ในมือของเขามีภาพวาดของชายหนุ่มผู้หนึ่ง
ที่เขานำไปเผา ไม่ว่าจะมองอย่างไรก็คือภาพของเปาเจิ่ง
.
คืนนั้นคนทั้ง3ซ่อนตัวในป่า พวกเขาไม่เชื่อว่าเจ้าสำนักจะเป็นอย่างที่หมอซุนพูด พลันเปาเจิ่งก็นึกถึงกลอนของอาจารย์ "ท่องไป 4 ทิศ ซ่อนตนหุบเขาซาน 28ปีที่สอนสั่ง มุ่งหน้าหาเซวียนหยวน"
.
รวมทั้งจดหมายที่อาจารย์ส่งมาตรงกับตำแหน่งดาวบนฟ้าในขณะนี้ เขาจึงไขปริศนาได้ว่า ศาลเจ้าพญายมนั่นเอง เปาเจิ่งมั่นใจว่าต้องมีแผนร้ายมากกว่าแค่สวมรอยการสอบ
.
คืนนี้การคุ้มกันหน้าศาลเจ้าแน่นหนามาก ดีที่จั่นเจาหยิบยาสลบของหมอซุนติดมือมาจึงทำให้คนทั้ง3เข้าไปในศาลเจ้าสะดวกโยธิน การเข้ามาในศาลเจ้าของเปาครั้งนี้ต่างจากครั้งที่แล้วอย่างสิ้นเชิง
.
ครั้งที่แล้วเขามาโดยไม่มีจุดประสงค์จึงเดินดูไปเรื่อยๆไม่มีเป้าประสงค์ในการมอง ดีทีจั่นเจาไปด้วย มิเช่นนั้นคงแย่แน่เพราเปาเจิ่งไปเหยียบสัญญาณเตือนภัยให้ระฆังตี ครั้งที่แล้วเขาเจอเข้ากับแก๊สที่ทำให้ประสาทหลอนดีที่เสี่ยวฉิงมาช่วยไว้
.
แม้ครั้งนี้เขาจะมีแผนที่ดวงดาวมาด้วย แต่กับดักมากมายในสถานที่แห่งนี้ทำให้การเดินแต่ละก้าว จึงเหมือนเดินบนกระดานหมากรุกที่ต้องระวัง
.
เมื่อเปาเจิ่งสามารถไขปริศนาดวงดาวของอาจารย์ได้ พวกเขาก็พบประตูทางเข้าห้องลับ ภายในห้องนั้นเป็นที่เก็บเอกสารผลสอบที่แท้จริง
.
ว่านจิ้นสำนักอิ้งเทียนไม่ผ่าน ซุนเหอเหยาสำนักอิ้งเทียนได้รับคัดเลือก แล้วยังพบรายชื่อผู้สวมรอยของการสอบจอหงวนครั้งนี้ 10 คน 1ในนั้นเป็นลูกขุนนาง
.
พลันจั่นเจาก็มีอาการมึนงงในหูของเขาแว่วเสียงกระดิ่ง มีผีดิบคนตายมากมายล้อมรอบเขา ดีที่เปาเจิ่งมาเรียกสติเขาทันและบอกให้อุดหูไว้แล้วรีบเดินต่อ
.
>>>ในสมัยก่อนผู้คนมักย้ายถิ่นฐานไปทำงานต่างเมือง หากเสียชีวิตจะต้องนำศพกลับไปประกอบพิธีที่บ้านเกิดของตนเอง แต่ค่าโลงแพงและมีน้ำหนักมาก ชาวบ้านธรรมดาสู้ค่าใช้จ่ายไม่ไหว
.
จึงมีการรับจ้างขนส่งศพกลับบ้านเกิดโดยปิดหน้าศพด้วยผ้า มัดศพให้ตั้งในท่ายืนและวางบนไม้ไผ่แบกหัวท้ายโดยคนสองคนต่อ1ศพ วิธีนี้ทำให้เคลื่อนย้ายไปได้หลายศพพร้อมกัน
.
การโยกเยกของไม้ไผ่ที่คนแบก ทำให้ศพดูเหมือนกำลังกระโดด ซึ่งกลายเป็นที่มาของภาพลักษณ์ของผีดิบจีน(เจียงซือ)ในปัจจุบันที่เห็นจากภาพยนตร์<<<
.
ครั้นพ้นจากห้องเก็บเอกสารก็พบเข้ากับผู้สั่นกระดิ่ง จั่นเจาขว้างอาวุธลับใส่กระดิ่ง คนประหลาดเหล่านั้นรีบกระโดดหายลงไปในอ่างน้ำขนาดใหญ่ทำด้วยกระเบื้องที่
ตั้งบนพื้นทันที
.
ต่อจากนั้นก็พบเข้ากับการเลียนแบบโครงสร้างในท้องพระโรงและไทเฮานั่งอยู่ เปาเจิ่งจึงบอกจั่นเจาว่า "เล่าลือกันว่าหวังหม่งแห่งซีฮั่น เพื่อแย่งชิงราชบัลลังก์ได้สร้างค่ายกลดาวจื่อเหวยขึ้น
.
เพื่อใช้พลังจากดาวเวยโต่วควบคุมโหราศาสตร์พลิกฟ้าดิน เนื่องจากขณะนี้ฮ่องเต้อ่อนแอไทเฮาว่าราชการแทน"(หรือไทเฮาจะชิงราชบัลลังก์จึงใช้การโกงสอบกำจัดผู้เห็นต่างรักษาอำนาจ)
.
ดาวจื่อเว่ย หรือ ดาวจักรพรรดิ เป็นดาวที่สว่างที่สุดและอยู่ใกล้แกนโลกมากที่สุด ดาวเวยโต่ว เป็นศาสตร์การทำนายดวงชะตาแบบจีน โดยใช้ตำแหน่งดาวต่างๆ ในจักรวาลขณะที่กำเนิด เพื่อทำนายบุคลิกภาพ อาชีพ และโอกาสในชีวิตของบุคคล
.
มีเสียงหัวเราะของใต้เท้าเฉียน แล้วเขาก็ปรากฎตัวพร้อมด้วยจื่อหลัวและยอดฝีมือหลายเชื้อชาติอีกหลายคนที่จั่นเจาไม่รู้จัก คนพวกนี้น่าจะมาจากนอกด่านเป็นแน่
.
ใต้เท้าเฉียนบอกให้รู้ว่าผู้ที่แก้กลไกได้คนก่อนได้เป็นรองเสนาบดีขั้น4แล้ว เปาเจิ่งเป็นคนฉลาดน่าจะคิดได้ว่าหากเก็บเรื่องราวในนี้เป็นความลับหน้าที่การงานรุ่งแน่
.
เมื่อเปาเจิ่งปฏิเสธใต้เท้าเฉียนก็หันไปเกลี้ยกล่อมจั่นเจาแทนด้วยการชี้ให้เห็นข้อเสียของการติดตามขุนนางเล็กๆแบบนี้ "ไม่รู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจบ้างหรือ นี่จึงเป็นโอกาสที่ดีที่สุดแล้ว"
.
จั่นเจาตอบไปว่า "ทุกคนมีปณิธานและข้าชอบติดตามเขา"
.
จื่อหลัวจึงว่าแยกแยะไม่เป็น แล้วนางลงมือก่อนตามด้วยคนอื่นๆ เปาเจิ่งและใต้เท้าเฉียนรู้ตัวดีว่าควรหลบไปอยู่ในที่ปลอดภัย ทางนี้ปล่อยให้พวกยอดฝีมือตัดสินกันเองก็แล้วกัน
.
เสี่ยวฉิงที่ตอนแรกคอยคุ้มกันเปาเจิ่งเห็นจั่นเจากำลังจะเสียทีจึงโดดเข้าช่วย แต่ฝีมือของนางก็เป็นรองจื่อหลัว
ใต้เท้าเฉียนจึงเสนอว่าหากเปาเจิ่งยอมสวามิภักดิ์ตอนนี้ ในค่ายกลนี้จะมีที่ว่างให้หนึ่งตำแหน่ง แต่เปาเจิ่งก็ปฏิเสธ
.
ช่วงที่ชุลมุลนั้นเปาเจิ่งหลบการถูกทำร้ายล้มลง ทำให้ชั้นวางเทียนล้มเกิดเพลิงไหม้รายชื่อผู้สวมรอยทั้ง10ที่กระเด็นหลุดจากอกเสื้อของเขารวมทั้งเอกสารสำคัญอื่นๆก็โดนไฟเผาด้วย
.
และเพราะไฟที่เผาผลาญโดยรอบนั่นเองจึงทำให้เห็นหุ่นขี้ผึ้งสวมชุดขุนนางขนาดเท่าคนจริงที่แขวนอยู่3หุ่น
คือศพของขุนนางหลี่และขุนนางฉางที่มารับหน้าที่เจ้าสำนักที่หายไปก่อนหน้านั้น รวมทั้งหุ่นขี้ผึ้งตัวที่3อาจารย์โอวหยังเต๋อด้วย
เมื่อไฟลุกจนแทบไม่มีทางออกจื่อหลัวและพวกจึงรีบหนี แต่ก่อนไปก็ได้สร้างเครื่องกีดขวางทางหนีของพวกเปาเจิ่งด้วย
.
ยังดีที่คนประหลาดสั่นกระดิ่งได้หลบหนีไปทางอ่างน้ำขนาดใหญ่ทำด้วยกระเบื้องที่ตั้งบนพื้น ซึ่งมองเผินๆไม่อาจรู้ได้เลยว่าข้างใต้นั่นคือทางออกไปสู่ผืนน้ำลำธารเล็กๆออกสู่ภายนอก
.
เปาเจิ่งเกิดท้อว่าความยุติธรรมสู้อำนาจไม่ได้ สุดท้ายเขาและบัณฑิตยากจนพวกนั้นก็เป็นแค่หมากของคนอื่น จั่นเจาจึงเตือนสติว่า
"ครั้งหนึ่งท่านเคยพูดถึงความผิดชอบชั่วดี แล้วมันหมายถึงอะไร"
.
เปาเจิ่ง "ใจบริสุทธิ์คือแก่นแท้ คุณธรรมคือการดำรง ไม้ดีย่อมกลายเป็นเสาหลัก เหล็กดีไม่ทำเบ็ดตกปลา ข้าจะไม่ทำให้าจารย์ผิดหวัง"
.
ทางด้านจื่อหลัวเมื่อรู้ว่าไม่พบซากศพของเปาเจิ่งและพวกในกองไฟที่มอดแล้ว จึง
มีคำสั่งระดมคนให้ตามล่าตัว ใต้เท้าเฉียนแย้งว่าทำไมยังต้องตามล่าพวกเขาอีกในเมื่อหลักฐานถูกเผาจนหมดแล้ว
จื่อหลัวจึงตวาดว่า "ไม่ต้องมายุ่งรื่องนี้ ท่านแค่รับประกันว่าจะไม่มีข้อผิดพลาดในการสอบเท่านั้นก็พอ"
.
เปาเจิ่งต้องการเข้าเมืองหลวงเพื่อปลอมตัวเข้าร่วมการสอบจอหงวน การนี้เขาจำต้องเสี่ยงชีวิต ด้วยความช่วยเหลือของหัวหน้าหอพาเปาเจิ่งเข้าพบใต้เท้าเฉียนที่สถานที่แห่งหนึ่ง(เซฟเฮ้าส์)
.
เปาเจิ่งจึงได้รู้ความจริงว่าข้อเสนอต่างๆที่ใต้เท้าเฉียนเสนอให้เพื่อลองใจเท่านั้น ซ้ำยังได้รู้ว่าเป้าหมายของอาจารย์โอวหยังคือการแฉกลโกงการสอบ แต่จื่อหลัวเฝ้าดูอย่างใกล้ชิด อาจารย์จึงใช้วิธีส่งจดหมายให้พวกเปาเจิ่ง
.
ซุนเหอเหยาเมื่อพบว่าถูกสวมรอยได้มาพบอาจารย์โอวหยัง แต่ถูกพวกของจื่อหลัวพบเข้าอาจารย์ไม่ยอมทำความผิดด้วยจึงถูกนำตัวไป ในขณะที่ใต้เท้าเฉียนถูกบีบให้ร่วมมือทำความผิดแต่แท้จริงเพราะไม่มีความกล้าที่จะก้าวออกมา
.
ใต้เท้าเฉียนได้มอบของสิ่งหนึ่งให้เปาเจิ่ง สิ่งนั้นคือสุราซึ่งเปาเจิ่งก็ไม่รู้ว่าทำไม และยังสั่งให้หัวหน้าหอพาทุกคนขึ้นรถม้าหนี โดยนัดว่าอีกครึ่งชั่วยามพบกันที่ป่าไผ่นอกเมือง แต่พวกของจื่อหล้วตามมาเร็วเกินคาด
.
จั่นเจาได้ปลอมตัวแล้วขับรถม้าไปคนเดียว ทำทีว่าพาทุกคนหนีการไล่ล่าของจื่อหลัว แล้วทำทีว่าคนขับรถม้าคันนั้นถูกยิงด้วยธนูของจื่อหลัว
ตัวเขารีบกระโดดหลบเข้าป่าปล่อยรถม้าตกหน้าผาไป จื่อหลัวจึงเข้าใจว่าทั้ง3คนตายหมดแล้ว
 
ใต้เท้าเฉียนมาพบที่ป่าไผ่และมอบหนังสือเดินทางของว่านจิ้น(เหยื่อรายที่4 นรกขาดอากาศ)ให้เปาเจิ่งเพื่อเข้าร่วมสอบ และหาโอกาสเปิดโปงแผนชั่วของการโกงการสอบจอหงวนครั้งนี้ด้วย
.
การสอบหน้าพระที่นั่งเปาเจิ่งได้ปลอมเป็นว่านจิ้นเข้าสอบแต่ถูกพวกของจื่อหลัวจับได้ เพราะภาพวาดเหมือนตัวจริงของเขาที่ชายนิรนามเผาทิ้งเป็นภาพที่จื่อหลัวให้ลิ่วล้อดูและจดจำก่อนแล้ว
ก่อนที่เปาเจิ่งจะถูกจับนำตัวไป ไทเฮาเสด็จมาถึงพอดี เขาจึงเข้าร้องเรียนว่าคือเปาเจิ่งแห่งศาลต้าหลี่ปลอมตัวเข้ามาเพื่อร้องเรียนเรื่องการโกงสอบ
.
เปาเจิ่งร้องเรียนว่าเจ้ากรมพิธีการคบคิดกับสำนักอิ้งเทียนทำการฉ้อโกงนี้ขึ้นทั้งบีบเจ้าหน้าที่ให้ร่วมมือ
ไทเฮาบอกว่าการโกงการสอบเป็นเรื่องใหญ่หากพูดพล่อยๆโดยไม่มีหลักฐานจะไม่ยกโทษให้เปาเจิ่งเด็ดขาด
เปาเจิ่งบอกว่าบัณฑิตที่โกงมีถึง10คน ใต้เท้าเฉียนร้องขัดว่า "เหลวไหล ระบบการสอบเข้มงวดที่สุด กระดาษสอบจะปิดบังชื่อและถอดสำเนา เจ้าหน้าที่ไม่มีทางรู้ข้อมูลของผู้สอบ เจ้าคิดว่าข้าร่วมกับขุนนางเป็นร้อยโกงหรือ"
.
เปาเจิ่ง "ใต้เท้าเฉียนใช้ประโยชน์ที่เจ้าหน้าที่สอบรู้ตัวอักษรแต่ไม่รู้ตัวคน ก่อนติดประกาศผลสอบสลับข้อสอบของผู้สอบติด
อาจารย์ของกระหม่อมพบเห็นการสลับกระดาษข้อสอบซ่อนในศาลเจ้าลึกลับของสำนักอิ้งเทียน จึงถูกใต้เท้าเฉียนฆ่าปิดปาก"
.
ใต้เท้าเฉียนถามหาหลักฐาน เปาเจิ่งยอมรับว่าหลักฐานการโกงการสอบระดับมณฑลถูกใต้เท้าเฉียนเผาทิ้งหมดแล้ว แต่หลักฐานการสอบหน้าพระที่นั่งอยู่ในสนามสอบนี้แล้ว
.
เปาเจิ่งนึกถึงเอกสารใบหนึ่งมีชื่อหยวนเส้าเทียน บุตรชายของใต้เท้าหยวน เขา
ถามหาที่นั่งสอบของหยวนเส้าเทียนแล้วอมเหล้าพ่นลงไปบนโต๊ะ
พลันก็ปรากฎอักษรคำตอบขึ้นมา หยวนเส้าเทียนรีบคุกเข่าร้องขอชีวิต
.
เปาเจิ่ง "การสอบหน้าพระที่นั่งมีไทเฮาและมหาเสนาบดีคุม ใต้เท้าเฉียนรู้ว่าไม่อาจเปลี่ยนตัวผู้สอบได้ จึงนำคำตอบซ่อนในกระดาษข้อสอบปิดบังเบื้องสูง"
.
ไทเฮา "ไปสืบมาให้ถึงที่สุด"
.
มหาเสนาบดีติงเว่ย "เฉียนจง เจ้าบังอาจมาก"
.
เฉียนจงจึงรีบคุกเข่าร้องขอชีวิต เปาเจิ่งบอกว่าใต้เท้าเฉียนทำคนเดียวไม่ได้ มหาเสนาบดีติงเว่ยจึงขู่ให้เฉียนจงบอกชื่อผู้อยู่เบื้องหลัง ซึ่งเฉียนจงไม่กล้าบอก
.
ทันใดก็มีม้วนกระดาษปลิวมาจากหลังคา เป็นภาพบูเช็คเทียนออกว่าราชการ ติงเว่ยจึงถือโอกาสใส่ความไทเฮาว่าถือโอกาสใช้กลโกงการสอบครั้งนี้กำจัดผู้เห็นต่างขึ้นเป็นจักรพรรดินีแบบบูเช็คเทียน
.
ไทเฮา "บังอาจ ข้าไม่มีวันทำผิดต่อบรรพชนต้าซ่ง"
.
ติงเว่ย "ถ้าเช่นนั้นจะอธิบายสิ่งนี้ว่าอย่างไร"
.
ไทเฮา "มหาเสนาบดีก็คิดว่าสิ่งนี้เป็นของข้าด้วยหรือ"
.
ติงเว่ย "แต่ที่ประทับอยู่ในภาพ คือ ตราประทับทองคำของท่าน"
.
ขณะที่เหล่าขุนนางกำลังสับสน ติงเว่ยก็หันไปถามเปาเจิ่งว่าค้นพบอะไรอีก เปาเจิ่ง "พบว่ามีคนเลียนแบบโครงสร้างในท้องพระโรง นำขุนนางที่หายตัวไปมาทำเป็นหุ่นขี้ผึ้ง
และจัดเป็นค่ายกลดาวจื่อเวย แต่คนที่สวมชุดมังกรอยู่ตรงกลางคือมหาเสนาบดีไม่ใช่ไทเฮา"
.
ติงเว่ย "พูดจาเพ้อเจ้อ ค่ายกลดาวจื่อเวยอะไร แน่ใจนะว่าดูดีแล้ว"
.
เปาเจิ่ง "ตอนแรกข้าเองก็ถูกตำแหน่งไทเฮาในค่ายกลหลอก ละเลยทิศของดาวเวยโต่วไป ผู้ออกแบบค่ายกลนี้โง่เง่ายิ่งนัก
คิดว่าพอดาวเวยโต่วหันเข้าหาตัวเองแล้ว จะใช้ประโยชน์จากความลี้ลับของดวงดาวให้ตัวเองได้ปกครองราชสำนัก และตำแหน่งที่ดวงดาวชี้ก็คือมหาเสนาบดีติงเว่ย"
.
ติงเว่ยหัวเราะ "เป็นเรื่องที่แต่งได้ไม่เลว เปาเจิ่งให้ร้ายขุนนางใหญ่ราชสนักร่วมมือกับไทเฮา จับตัวให้หมด"
.
มีเสียงค้านขึ้น "ช้าก่อน" พลันปรากฎร่างของใต้เท้าเฉียน จั่นเจา และ เสี่ยวฉิง ถ้าเช่นนั้นใต้เท้าเฉียนอีกคนคือใครเล่า
ใต้เท้าเฉียนตัวจริงสารภาพต่อหน้าพระที่นั่งว่าถูกมหาเสนาบดีติงเว่ยบังคับให้ร่วมกระทำผิด
.
ไทเฮาสั่งให้จับตัวติงเว่ยที่โกงการสอบ เตรียมคนของตัวเองเข้ามาคุมราชสำนักหมายชิงราชบัลลังก์
ติงเว่ยจึงส่งสัญญาณให้ยอดฝีมือที่เตรียมไว้ทั้ง10คนออกมา แม้แต่ใต้เท้าเฉียนตัวปลอมก็เป็นยอดฝีมือปลอมตัวมา โชคดีที่มีจั่นเจาและเสี่ยวฉิงจึงสามารถยืนระยะ
จนเหล่าองครักษ์มาสบทบ
.
ติงเว่ยซึ่งคือบุรุษลึกลับสั่งการจื่อหลัว และลูกสมุนบางคนรอดแต่ต้องถูกประหาร
อยู่ดี ไทเฮายังให้ขยายผลสอบไปถึงทุกคนที่เกี่ยวข้อง แล้วลงโทษตามกฎหมาย เมื่อไทเฮาจะให้ความดีความชอบต่อเปาเจิ่ง
.
เปาเจิ่ง "การสอบเป็นหนทางเดียวที่จะได้เป็นขุนนางของเหล่าบัณฑิตยากจน ข้าพระองค์ขอเพียงการสอบที่ยุติธรรม ให้ต้าซ่งได้คนดีมีความสามารถ"
.
ไทเฮาจึงให้จัดสรรเงินเป็นค่าใช้จ่ายของสำนักอิ้งเทียน ขยายจำนวนการรับสมัคร ดูแลบัณฑิตที่ยากไร้ มอบเครื่องประหารหัวพยัคฆ์ให้เปาเจิ่งไว้ตัดศีรษะข้าราช
การ แล้วเลื่อนเป็นนายอำเภอตวนโจว
.
ไทเฮา "หวังว่าขุนนางเปาจะไม่กลัวอำนาจมืด ผดุงความยุติธรรม ผู้คุ้มกันจั่นมีฝี
มือสูงส่งขอมอบนามแมวหลวง โอวหยังเต๋อสละชีวิตเพื่อชาติเลื่อนยศให้เป็นผู้ชำนาญการหอภาพมังกร"
3วันต่อมาหัวหน้าหอก็นำจดหมายลาจากของเสี่ยวฉิงมาให้ ท่านเปาทำเพื่อความถูกต้องสำเร็จแล้ว ครั้งนี้จึงขอทำเพื่อตัวเองบ้างจึงควบม้าไปตามคนรัก ส่วนจั่นเจา
ก็ไปตามพี่สะไภ้กลับ
.
หมายเหตุ! สุราไม่ได้ช่วยให้หมึกจีนเข้มขึ้นโดยตรง แต่ส่วนผสมของแอลกอฮอล์
ในหมึกบางประเภทสามารถช่วยให้หมึกติดบนพื้นผิวกระดาษได้ดีขึ้น จึงทำให้หมึกที่อยู่บนกระดาษคำตอบจางๆเด่นชัด
.
หอภาพมังกร คือ ภาพวาด สัญลักษณ์ หรือสิ่งของที่มีรูปมังกร ซึ่งตามหลักฮวงจุ้ยจีน ถือเป็นสัตว์มงคลที่นำมาซึ่งโชคลาภ บารมี อำนาจ ความแข็งแกร่ง และ ความเจริญรุ่งเรือง
.
ภาพปกจาก เตือนภัย พิบัติโลก ต้นไม้ต้นนี้ไม่ได้ทาสี มันคือ ต้นยูคาลิปตัสสายรุ้ง (Eucalyptus deglupta) ซึ่งเป็นต้นไม้ที่หายากตามธรรมชาติ
เป็นยูคาลิปตัสชนิดเดียวเท่านั้นที่มีถิ่นกำเนิดในซีกโลกเหนือ เปลือกของมันจะลอกออกเป็นชั้นๆเผยให้เห็นสีต่างๆ เช่น เขียว น้ำเงิน ม่วง ส้ม และแดง ทำให้มีลักษณะเป็นสีสันต่างๆ มากมาย น่าอัศจรรย์มาก
โฆษณา