เมื่อวาน เวลา 15:09 • ท่องเที่ยว
หุบเขาจิ่วจ้ายโกว

ตอนที่ 5 ทริปจิ่วไจ้โกว ทริปท่องเที่ยวหรือทริปฝึกจิต

ตอนที่ผ่านมาทีมของลุงหมอต้องแยกกันเป็นสองกลุ่มเพื่อออกเดินทางไปยังจิ่วไจ้โกว ในช่วงแรกของการเดินทางแต่ละคนที่อยู่ในรถแต่ละคันก็มีความกังวลไปต่างๆนานา โดยเฉพาะเรื่องความปลอดภัย ด้วยความที่คนขับรถคันที่ผมนั่งไปกับคุณแป๋วและพี่สถิตย์ก็ยิ่งพาไปคนละเส้นทางกับที่ google map แสดงให้เราเห็น
มันยิ่งทำให้ความกังวลมากขึ้นไปอีก รวมทั้งมีปัญหาในการสื่อสารกับคนขับรถที่ไม่เข้าใจภาษาอังกฤษในขณะที่พวกเราเองก็ไม่เข้าใจภาษาจีนเช่นกัน ลุงหมอแอบคิดในใจว่าทีมที่มีน้องไกด์ไปด้วยการสื่อสารกับคนขับรถคงจะไม่มีปัญหาอะไรน่าจะคุยกันรู้เรื่อง สุดท้ายแล้วความกังวลต่างๆที่มีก็คลี่คลายลงไปเมื่อทีมของพวกเราได้มารวมตัวกันอีกทีในช่วงที่ต้องหยุดพักรถตอนที่เดินทางมาถึงครึ่งทาง ความดีใจมันช่างมากมายราวกับว่าเราจากกันไปนานแสนนาน
เราใช้เวลาเข้าห้องน้ำ ถ่ายรูปวิวข้างทาง และเปลี่ยนอริยาบถอยู่ที่จุดพักรถเกือบครึ่งชั่วโมง ห้องน้ำที่นี่สะอาด ทันสมัย ลุงหมอสังเกตว่ามีคนมาใช้บริการกันเยอะพอสมควรโดยเฉพาะคนขับรถบรรทุก ในตอนนั้นก็มีรถบรรทุกพ่วงจอดอยู่ก่อนหน้าแล้วหลายคัน อากาศในตอนนั้นกำลังเย็นสบาย บริเวณด้านหลังจุดพักรถมีแม่น้ำไหลผ่านและมีภูเขาสูงเป็นฉากหลังมีการจัดสวนหย่อมเล็กๆไว้ด้วย
พอเจอวิวสวยๆ แบบนี้ลุงหมอกับสมาชิกก็ไม่พลาดที่จะถ่ายรูปเก็บเป็นที่ระลึก
เราออกเดินทางต่อไปอีกไม่นานก็ถึงเวลาพักกินอาหารเย็น คนขับรถพาพวกเราแวะที่ร้านอาหารริมทาง เป็นร้านที่ไม่ใหญ่มาก มีลูกค้าใช้บริการกันหลายโต๊ะ ตอนที่พวกเราเดินเข้าไปในร้านน้องไกด์ก็แจ้งเราว่าเราต้องเลี้ยงข้าวคนขับรถด้วย ซึ่งก็ไม่มีปัญหาอะไร
อาหารมื้อนี้เป็นอาหารจีนเต็มรูปแบบมื้อแรกของพวกเรา รสชาติดีใช้ได้ แบบนี้ถือว่าดีเลยเพราะตอนแรกลุงหมอก็แอบกังวลเรื่องอาหารอยู่เหมือนกันกลัวว่าจะกินอะไรไม่ได้ เดี๋ยวจะเที่ยวไม่สนุกเอา พอกินอาหารอิ่มแล้วก็ถึงเวลาของการเข้าห้องน้ำ ตรงนี้ก็เป็นห้องน้ำชาวจีนเต็มรูปแบบเช่นเดียวกัน
ห้องน้ำของร้านอาหารอยู่ด้านข้างตึก แยกเป็นห้องน้ำหญิงชายอย่างชัดเจน แสงธรรมชาติที่ส่องผ่านเข้ามาช่วยทำให้ลุงหมอเห็นลักษณะทางกายภาพภายในห้องน้ำได้อย่างชัดเจน รางสำหรับปัสสาวะอยู่ฝั่งตรงข้ามกับส้วมสำหรับอุจจาระซึ่งเป็นแบบนั่งยองๆเรียงกันประมาณ 3 โถ โถอุจจาระแต่ละจุดจะมีอิฐก่อขึ้นมาบังเฉพาะด้านข้างเท่านั้น ส่วนด้านหน้านั้นเปิดโล่ง โปร่งสบาย เหมาะกับการโชว์อวัยวะอย่างมาก
โชคดีที่ตอนที่ลุงหมอเข้าไปฉี่ยังไม่มีสมาชิกคนอื่นๆเข้ามาใช้บริการ และโชคดีมากกว่าที่ห้องน้ำสะอาด ไม่มีอุนจิลอยให้เห็นซึ่งนับว่าลุงหมอยังทำบุญมาดี
พอทุกคนทำธุระส่วนตัวเสร็จเรียบร้อย เราก็กลับขึ้นนั่งรถคันเดิม เพิ่มเติมคืออิ่มแปร้ และความกังวลได้หายไปจนหมดแล้ว
เราออกเดินทางกันไปสบายๆ วิวสองข้างทางสวยมากๆ ช่วงแรกของการเดินทางจะเป็นการเดินทางไปตามทางราบ ส่วนช่วงหลังนั้นเราต้องเดินทางขึ้นเขาคล้ายๆกับตอนที่เราเดินทางไปภาคเหนือของเมืองไทย ซึ่งลุงหมอก็เตรียมใจไว้แล้วว่าต้องเมารถแน่นอน และลุงหมอไม่หลับเลย เฝ้าดูวิวที่สวยและไม่คุ้นตาไปตลอดทาง
รถของเราทั้งสองคันก็ขับตามกันไปไม่ห่างโดยผลัดกันนำผลัดกันตามเป็นระยะ ทำให้ลุงหมอรู้สึกสบายใจมากขึ้นไปอีก ช่วงที่ผ่านภูเขาลุงหมอก็พบว่าเราไม่ต้องขับรถอ้อมภูเขาเลย เราขับผ่านเข้าไปในอุโมงค์ที่เจาะทะลุไปในภูเขาทำให้ลุงหมอไม่มีอาการเมารถเลยสักนิดเดียว รถเราผ่านเข้าอุโมงค์เยอะมากและบางอุโมงค์ยาวมากกว่า 10 กิโลเมตรเลยทีเดียว และสังเกตว่าภายในอุโมงค์สัญญาณอินเตอร์เน็ตยังมีเต็มขีด น่าทึ่งมากๆ
และพอนั่งรถไปต่อสักพักคนขับรถกับเพื่อนของเขาก็พยายามสื่อสารกับเรา เป็นที่สนุกสนาน จริงๆแล้วเค้าก็เป็นคนดีคนหนึ่งแหละ พอเกิดความไว้ใจซึ่งกันและกันก็เลยเริ่มคุยกัน เวลา 7 ชั่วโมงในการอยู่ในรถคันเดียวกันมันก็ต้องมีการสื่อสารกันบ้างเป็นธรรมดา
คุณแป๋วกับพี่สถิตย์ก็มีงีบหลับเป็นระยะ มีจุดหนึ่งที่คนขับรถพาพวกเราหยุดเพื่อแวะเยี่ยมญาติของเขา (ถ้าจำไม่ผิด) ตรงนั้นเป็นร้านขายของที่ระลึก และมีชาร้อนให้ดื่มแก้หนาวด้วย เป็นชาที่กลิ่นหอมสดชื่น จำไม่ได้ว่ามีใครซื้อติดไม้ติดมือมาด้วยหรือเปล่า ลุงหมอเองก็ออกมาเดินชมวิวนอกร้านเพราะไม่รู้จะซื้ออะไร ณ จุดนี้เองที่ลุงหมอได้รู้ว่าดูเรื่องอุณหภูมิมาผิด
ลุงหมอคิดว่าน่าจะประมาณ 15 องศาเซลเซียส แต่ปรากฏว่าถึงแม้ว่าตอนนี้จะเป็นเวลาประมาณ 6 โมงเย็นแต่อุณภูมิที่แสดงในโทรศัพท์โชว์แค่เลขตัวเดียวแค่นั้น อากาศหนาวมากจนต้องไปเปิดกระเป๋าเพื่อหยิบเสื้อกันหนาวมาสวม เวลาพูดก็มีควันพุ่งออกมาจากปากด้วย เอาละสิ บอกคุณแป๋วว่าไม่ต้องเตรียมฮีทเทคมา ไม่ต้องเตรียมถุงมือมา สงสัยว่าจะต้องซื้อใหม่ทุกอย่างแล้วล่ะครับ
พอคุยเรื่องนี้กับคุณแป๋ว ลุงหมอก็ได้คำตอบว่าเค้าเตรียมไว้ทุกอย่างแล้ว เสื้อเอย ถุงมือเอย ฮีทเทคเอย หมวกกันหนาวเอย มีครบทุกอย่างว่างั้น สุดยอดมากลุงหมอไม่หนาวตายแล้ว ไม่ต้องซื้อของใหม่แล้วด้วย หุหุหุ ยกความดีให้เค้าเลยครับ
กว่าเราจะถึงที่พักที่จองไว้ที่จิ่วไจ้โกวก็เกือบๆ 2 ทุ่ม อากาศหนาวมาก
หลังจากรถส่งพวกเราเสร็จเรียบร้อยน้องไกด์ก็จ่ายค่าเดินทางให้คนขับทั้งสองคน แล้วพวกเราก็แสดงความขอบคุณและพวกเราก็เข้าโรงแรมที่พักในสภาพทรุดโทรม หน้าตาอิดโรยด้วยการที่ไม่ได้นอนมาทั้งวัน เพลียจากการเดินทาง และที่สำคัญพวกเราน่าจะอาบน้ำกันครั้งสุดท้ายเมื่อมากกว่า 24 ชั่วโมงที่ผ่านมาโน่นแหนะ
ก่อนแยกย้ายกันเข้าห้องพัก พวกเราก็ให้การบ้านน้องไกด์ด้วยหน้าตาซีเรียสว่า หาตั๋วเดินทางวันกลับออกจากจิ่วไจ้โกวให้ได้ อย่าให้เกิดปัญหาเหมือนขามา และไม่ลืมที่จะนัดเวลารวมตัวกันวันพรุ่งนี้เพราะพรุ่งนี้เราต้องเข้าชมจิ่วไจ้โกวแต่เช้า
มาถึงตรงนี้ลุงหมอก็ยังยกความดีให้น้องไกด์อยู่นั่นเอง ไม่มีเค้าเราคงมาไม่ถึงจิ่วไจ้วโกว แต่วีรกรรมของน้องเขายังมีต่อครับ
อย่าลืมกดไลค์ กดแชร์ นะครับ จักขอบพระคุณอย่างยิ่ง
โฆษณา