2 พ.ย. เวลา 12:55 • นิยาย เรื่องสั้น

ปริศนาลับราชวงศ์ถัง(Strange Tales of Tang Dynasty) ตอน คดีหอจ้งเซิง 1/3

.
ตัวละครสำคัญ
.
1. เมิ่งตงเหล่า ปรมาจารย์ด้านการต่อกระดูก น่าเสียดายตายก่อนเขียนตำราแก้ปวดหัวเสร็จเมื่อปีที่แล้ว
.
2. ตี๋หลานจง(ใช้เรียกเขยที่มาแต่งงานกับลูกสาวฝ่ายหญิงของครอบครัว)ชื่อไจ๋เหลียง เปิดร้านหมอต่อจากเมิ่งตงเหล่า
.
3. เสี่ยวชี ผู้ช่วยที่ร้านยาของตี๋หลานจง
.
4. เหยียนซานฉี ฆาตกรบ้ากาม
.
5. หูอี้เตา ฆ่าหมูมาตั้งแต่อายุ 11 ปี ปัจจุบันอายุ 51 ปี
.
6. เฉียนเสี่ยวอี้ ลูกเขยของหูอี้เตา
.
7. กวนจื่อจวิน เด็กสาวอายุ17ปี เหยื่อรายแรกที่สยองขวัญเมื่อ 40 ปีที่แล้ว
.
8. ฮุ่ยเหนียง ภรรยาน้อยของเฉียนเสี่ยวอี้ 1ใน4ของเหยื่อที่ถูกฆ่าแบบเดียวกับกวนจื่อจวิน
.
>>>ในตอนนี้หลูหลิงเฟิงไปรับตำแหน่งเป็นนายอำเภอที่อำเภอจวี๋ ห่างไกลจากความเจริญ เป็นอำเภอเล็กๆที่ไม่มีใครรู้จัก
สี่จวินรู้นิสัยเขาดีว่าเป็นคนที่จริงจังในการทำงานจนไม่สนใจตัวเอง จึงส่งเซวียหวนเด็กชายรับใช้วัย12ปีของนางมารับใช้ดูแลหลูหลิงเฟิง
.
หลูหลิงเฟิงจึงฝึกยุทธให้เซวียหวนเพื่อป้องกันตัว และเป็นผู้ช่วยเขาไปด้วย เซวียหวนเป็นเด็กฉลาดเรียนรู้ได้ไว แม้อายุเพียง12ปีก็สามารถต่อสู้กับโจรร้าย
ได้ เด็กน้อยเรียกหลูหลิงเฟิงว่า อาจารย์
.
แม้จะเป็นอำเภอเล็กๆแต่กลับมีคดีสะเทิอนขวัญที่ยังไม่ได้รับการไขนับสิบคดี เป็นคดีฆ่าข่มขืนและตัดศีรษะของเหยื่อที่ท้าทายความสามารถของนายอำเภอคนใหม่
.
หลูหลิงเฟิง "คดีเก่ากองเป็นภูเขาเช่นนี้ นายอำเภอคนก่อนนั่งหลับหรืออย่างไร และเหตุใดจึงมีคดีฆ่าข่มขืนมากมาย"
.
มือปราบ "ตั้งแต่ฤดูหนาวปีก่อนจนถึงตอนนี้มีหญิงถูกทำร้ายแล้ว 10 กว่าราย ทั้งยังถูกตัดหัวอีกด้วย"
.
หลูหลิงเฟิง "แล้วพวกท่านไม่ได้ทำอะไรเลยหรือ"
.
มือปราบ "นายอำเภอคนก่อนเคยพาพวกเราไปตรวจสอบทุกที่ทั้งอำเภอแต่ก็หาคนร้ายไม่พบ เขาก่ออาชญากรรมในเวลากลางคืน ย้ายสถานที่รวดเร็วไม่แน่นอน บางคนถึงกับพูดว่า เป็นผีผมขาวทำร้ายคน ดังนั้นนายอำเภอคนก่อนจึงบอกว่า...."
.
หลูหลิงเฟิง "บอกว่าอะไร"
.
มือปราบอีกคน "เป็นคนยังจับได้ ถ้าเป็นผีก็จับไม่ได้"
.
หลูหลิงเฟิงตบโต๊ะ "เหลวไหล จะมีผีผมขาวได้อย่างไร ต่อไปห้ามพูดอีก"
.
"ขอรับ"
.
หลูหลิงเฟิง "ข้าได้ยินมาว่าคดีเช่นนี้เคยเกิดขึ้นเมื่อ40ปีก่อน เหตุใดข้าไม่พบเอกสาร"
.
มือปราบทั้ง2ต่างมองหน้ากันก่อนพูด "คดีตอนนั้นน่ากลัวมากยิ่งนัก อีกทั้งผ่าน
ไป40ปีแล้วท่านอย่าดูเลย"
.
หลูหลิงเฟิง "คดียังไม่ได้สะสาง ผู้ตายยังไม่ได้รับความเป็นธรรม จงรีบไปเอาเอกสารมาให้ข้าดูเดี๋ยวนี้"
.
"ขอรับ"
.
แม้หลูหลิงเฟิงจะมีห้องพักในอำเภอแต่ไม่มีที่ให้ฝึกยุทธ เขาจึงไปหาบ้านเช่าที่มีที่กว้างๆ และตอนนี้ก็กำลังสนใจโฆษณาบ้านเข่าของหอจ้งเซิง
.
เสี่ยวชี "ดอกไม้และต้นไม้เขียวชอุ่ม ราคาเช่าถูกที่สุดในเมือง เพียงเดือนละ 300"
.
ซึ่งก็ถูกจริงๆนั่นแหละ แม้จะมีผู้หวังดีบอกว่าบ้านนี้ไม่สะอาด(หมายถึงมีผี) เพราะแม้แต่ตี๋หลานจงเจ้าของบ้านกลางวันเปิดร้านหมอที่ด้านหน้า ปิดร้านไม่ไปพักที่ห้องด้านหลังยอมเดินครึ่งชั่วโมงไปพักที่อื่น เขาทำเพราะเหตุใด
.
หลูหลิงเฟิงตัดปัญหาบอกว่าเขาเป็นคนกล้าไม่กลัวผี ผู้หวังดีบอกอีกว่าแม้แต่นายอำเภอมาจับโจรยังไม่กล้าเข้าบ้านนี้ แต่หลูหลิงเฟิงก็ไม่สนใจซ้ำยังสั่งเซวียหวน
จ่ายค่าเช่าล่วงหน้าถึง3เดือน
.
ที่หอจ้งเซิงผู้ช่วยร้านยาของตี๋หลานจงชื่อ เสี่ยวชี เป็นผู้อธิบายว่าโถงด้านหน้าของหอ ตี๋หลานจงชื่อไจ๋เหลียงเปิดเป็นร้านหมอ เขาไม่ค่อยไปหลังบ้าน ส่วนผู้เช่าเข้าบ้านทางประตูข้างก็จะไม่รบกวนเรื่องการรักษา
.
เดิมบ้านนี้เป็นของท่านน้าซึ่งก็คือ เมิ่งตงเหล่า ซึ่งเป็นเจ้าของร้านคนก่อน สันทัดในการรักษากระดูก คนป่วยที่กระดูกหักทั้งแขน-ขามารักษาก็หาย ชาวบ้านแถวนี้ได้ประโยชน์จากหอจ้งเซิงแล้วจะไม่สะอาดได้อย่างไร
.
ขณะที่หลูหลิงเฟิงกำลังมองบริเวณโดยรอบอันกว้างขวาง มีปลูกหญ้าด้วยความพอใจ ตี๋หลานจงเดินมาจากประตูสวนหลังบ้านที่มีรั้วเตี้ยๆกั้นไว้
เขาเป็นชายหนุ่มหน้าตาดี ท่าทางสง่าผ่าเผยยิ่งนัก แต่ทันทีที่รู้ว่าผู้เช่าเป็นนายอำเภอคนใหม่เขาก็ชะงักก่อนที่จะรีบคารวะ
.
หลูหลิงเฟิง "ไม่เป็นไรหรอก ข้าเพียงอยากถามว่าค่าเช่านี้รวมสวนหลังบ้านที่มีศาลาพักร้อนด้วยหรือไม่ หากไม่รวมข้าก็จะเพิ่มให้อีก200เอาไว้ฝึกยุทธ"
.
ตี๋หลานจง "คงมิได้หรอกท่าน ศาลานี้มีไว้พักร้อนก็จริง แต่เรือนหลังนั้นเป็นที่เขียนหนังสือและต้มยาของท่านน้าข้า ส่วนตอนนี้ได้เปลี่ยนเป็นโรงเก็บยาสมุนไพร" พูดจบก็รีบปิดประตูรั้วลั่นดาลทันที
.
กลับมาที่ร้านหมอ ตี๋หลานจงต่อว่าลูกน้องที่ปล่อยบ้านให้นายอำเภอเช่า เพราะเกรงจะมีเรื่องเดือดร้อนตามมา แต่เหตุผลของเสี่ยวชีก็ฟังขึ้น
เนื่องจากที่ผ่านมาข่าวลือเรื่องผีดุ ทำให้ไม่มีใครกล้าอยู่(แม้แต่ตัวตี๋หลานจงเอง) การที่นายอำเภอมาอยู่จะได้ลบล้างข่าวนี้
.
ค่ำวันนั้นเซวียหวนกำลังกวาดหน้าบ้านก็พบเข้ากับปีศาจชุดขาวผมขาวโพลน เด็กชายส่งเสียงร้องด้วยความตกใจจนหลูหลิงเฟิงที่กำลังอ่านเอกสารต้องวิ่งออกมาดู
.
เพื่อพบว่ามีแมวขาวที่หลังคาตัวหนึ่ง หลูหลิงเฟิงเห็นเด็กชายกลัวจนตัวสั่น จึงอนุญาตให้มานอนที่ห้องเขา แต่เขาต้องอ่านเอกสารทั้งคืน เด็กชายกลับพูดว่า "อาจารย์ต้องอ่านคดีฆ่าหั่นศพ เช่นนั้นข้าอยู่เป็นเพื่อนอาจารย์แล้วกัน"
.
ตามเอกสารเมื่อ40ปีที่แล้ว เหยื่อเป็นหญิงสาวชื่อ กวนจื่อจวิน เป็นคดีสะเทือนขวัญของยุคนั้นเลยทีเดียว หลูหลิงเฟิงเพียงหวังว่าจะไม่เกิดคดีชั่วร้ายเช่นนี้ขึ้นอีก
.
ความหวังของหลูหลิงเฟิงหาเป็นเช่นนั้นไม่ เพราะในคืนนั้นเองบุตรสาวคนเดียวของเศรษฐีก็ถูกฆาตกรบ้ามกามข่มขืนแล้วฆ่าตัดหัว ส่วนสาวใช้ถูกทำร้ายหมดสติ
.
เศรษฐีผู้เป็นบิดาร้องไห้คร่ำครวญทั้งต่อว่าหลูหลิงเฟิงไร้น้ำยาโดยไม่สนใจว่านายอำเภอเพิ่งมา หลูหลิงเฟิงขอเวลา7วันจับตัวคนร้าย
หากทำไม่ได้จะเขียนคำว่าไร้น้ำยาที่หินก้อนเท่ากำปั้นกลืนลงไป แต่หากไขคดีได้เศรษฐีต้องเป็นฝ่ายกลืน
.
แล้วหลูหลิงเฟิงให้เจ้าหน้าที่ไปปิดประกาศว่าจับคนร้ายได้แล้วจะแห่ประจานตามถนน เมื่อได้เวลาหลูหลิงเฟิงก็ปลอมตัวปิดหน้าตาเข้าไปนั่งในกรงคุมขังนักโทษ
แห่ประจานท่ามกลางเสียงสาปแช่งขว้างปาของชาวบ้าน
.
หลูหลิงเฟิงไม่สนใจเสียงสาปแช่งขว้างปาของชาวบ้าน เขาคอยมองหาคนร้ายซึ่งต้องทำทีว่ามาดูหน้าคนร้ายของทางการ
คนร้ายจะต้องมีพิรุธไม่ให้เหมือนชาวบ้านทั่วๆไป เช่นสวมหมวกปิดบังใบหน้าเพราะกลัวมีคนจำได้ พยายามยืนข้างหลังจีนมุงคนอื่น
.
แล้วหลูหลิงเฟิงก็สามารถเห็นพิรุธของคนร้าย เขาจึงทะยานออกจากกรงที่ไม่ได้ล็อคไปไล่ล่าโดยมีบรรดามือปราบเป็นกำลังเสริม
มิคาดคนร้ายรายนี้มีฝีมือไม่น้อยแล้วยังใช้ทุกวิธีในการหลบหนีการจับกุม ทั้งทำร้ายชาวบ้านที่อยู่ในเส้นทางหนี ทั้งจับหญิงชราเป็นตัวประกันและทำร้ายเพื่อให้ตัวเองหนี
.
เซวียหวนนำมือปราบออกติดตามไปจนพบ แต่ดาบของเขาไม่มีคมจึงเล่นงานคนร้ายให้อยู่หมัดไม่ได้คนร้ายหนีไปได้อีก
เซวียหวนจึงขอลับคมดาบ ซึ่งหลูหลิงเฟิงแม้จะเป็นอาจารย์สอนยุทธให้ก็ไม่อนุญาต เนื่องจากเซวียหวนอายุยังน้อยจิตใจไม่มั่นคงจะทำให้ไอสังหารครอบงำได้
.
หลูหลิงเฟิงมองภาพวาดคนร้ายที่ทางอำเภอติดประกาศจับแล้วถอนใจ เขานึกถึงสี่จวินหากเปลี่ยนเป็นเธอวาดภาพของคนร้าย จะเหมือนตัวจริงมากกว่านี้หลายเท่านัก
.
หัวหน้ามือปราบเห็นท่าทางของหลูหลิงเฟิงจึงบอกว่า "แม้ภาพนี้ไม่เหมือนนัก แต่บรรดามือปราบหลายคนที่ประมือด้วยก็จดจำหน้าตาคนร้ายได้ ประตูเมืองก็ปิดแล้ว การค้นหาทั้งเมืองจะเริ่มอีกครั้งพรุ่งนี้ คนร้ายไม่น่าหนีรอดไปได้อีก"
.
คืนนั้นดวงจันทร์เต็มดวงกระจ่างฟ้า หลูหลิงเฟิงมองดูเซวียหวนที่หลับปุ๋ยด้วยรอยยิ้ม เป็นเด็กก็ดีเหมือนกัน ไม่ต้องมีภาระรับผิดชอบจนปวดหัวเหมือนเขาตอนนี้
.
เงาของชายผู้หนึ่งผ่านหน้าต่างห้องไปช้าๆ หลูหลิงเฟิงคว้าดาบวิ่งออกไป นอกจากแมวก็ไม่พบผู้ใดอีกเขาจึงไปที่ประตูสวน อย่างปุบปับประตูสวนเปิดออก แล้วตี๋หลานจงก็เดินออกมา
.
หลูหลิงเฟิง "ไจ๋เหลียง เจ้ามาทำอะไรที่นี่"
.
ตี๋หลานจง "คือช่วงนี้คนปวดหัวกันเยอะ ข้าจึงมาตรวจดูสมุนไพรว่าขาดหรือไม่"
.
หลูหลิงเฟิง "แล้วทำไมไม่จุดโคม"
.
ตี๋หลานจง "คือลูกน้องข้ากลับไปแล้ว เมื่อข้าตรวจสมุนไพรแล้วดับโคมแล้วและเห็นว่าคืนนี้พระจันทร์สว่างจึงไม่จุดโคม"
.
หลูหลิงเฟิง "แล้วทำไมท่านไม่พักที่นี่เสียเลย ในเมื่อท่านน้าทิ้งไว้ให้ ท่านก็เปิดร้านที่นี่"
.
ตี๋หลานจง "คือหากข้าพักที่นี่ก็จะอดคิดถึงท่านน้าไม่ได้ ข้าจึงตัดสินใจไปพักที่อื่น อ้อบ้านนี้ร้างมานานจึงมีแมวจรจัดมาอยู่ออกลูกออกหลานมากมายหวังว่าคงไม่ทำให้ท่านตกใจ ข้าไปล่ะ"
.
วันรุ่งขึ้นหลูหลิงเฟิงไปพบตี๋หลานจงเพื่อขอให้ช่วยฝังเข็มเนื่องจากอาการปวดศีรษะ ระหว่างการฝังเข็มหลูหลิงเฟิงจึงได้รู้ว่าอาการปวดหัวของเขามาจากร้อนใน แต่หากอยู่ไปนานๆก็มีโอกาสปวดเรื้อรัง
.
"เพราะโรคปวดหัวของที่นี่มาจากไอพิษที่กำจัดได้ยากมากจึงต้องใช้วิธีการรักษา ซึ่ง3ส่วนกว่ารักษาหาย 3ส่วนกว่าต้องกินยา อีก3ส่วนรักษาไม่หาย
.
หากมิใช่ท่านน้าคิดวิธีฝังเข็มมิทราบว่าจะมีผู้คนที่ต้องเสียชีวิตจากโรคปวดหัวมากเพียงใด แล้วยังตำราต่อกระดูกซึ่งซินแสทั้งหนานโจวต้องมีกันทุกคน ที่น่าเสียดาย
ก็คือตำราปวดหัวยังเขียนไม่เสร็จ ท่านก็มาตายเสียเมื่อปีที่แล้ว"
.
หลูหลิงเฟิง "ซินแสไจ๋ ท่านเคยบอกว่าเรือนที่สวน ท่านผู้อาวุโสใช้เขียนตำราและปรุงยาพาข้าไปเซ่นไหว้หน่อยสิ"
.
ตี๋หลานจง "ท่านหัวหน้าภาระรัดตัว ข้ามิกล้าลำบากท่าน"
.
ในคืนนั้นเมื่อเซวียหวนหลับแล้ว หลูหลิงเฟิงจึงหยิบดาบเดินออกไป คินนั้นมีแมวที่ลานด้านหน้าดังเช่นปกติ
ที่ไม่ปกติก็คือการที่หลูหลิงเฟิงกระโดดลอยตัวข้ามกำแพงไปที่สวนหลังบ้านของร้านยา
.
แม้คืนนี้พระจันทร์จะไม่สว่างเท่าคืนที่พบตี๋หลานจง แต่ก็เห็นทางเดินที่ไปสู่เรือนที่ท่านผู้อาวุโสใช้เขียนตำราและปรุงยาได้ชัดเจน
โดยการสะเดาะกลอนทางหน้าต่าง แล้วหลูหลิงเฟิงก็เข้ามาในเรือนเรียบร้อยแล้ว
ภายในห้องนั้นส่วนใหญ่เป็นสมุนไพร
หลูหลิงเฟิงพบว่าเรือนนั้นมี2ชั้นแต่กลับไม่มีบันไดให้ขึ้น เขากำลังจะกลับแต่แล้ว
จู่ๆก็มีแมวโผล่มาหลายตัวให้สะดุ้ง พวกมันมาจากทางไหนกัน
.
เขาจึงตัดสินใจกลับเข้าไปใหม่ และเมื่อพิจารณาห้องจนทั่วทำให้เขานึกถึงหลักการวางผังอุโมงค์ลับและห้องลับ เขาพยายามหากลไกของห้องทั้งการเคาะ หมุนปุ่ม นึกอะไรได้ที่ตำราบอกก็ตามนั้น
.
ผนังห้องด้านหนึ่งมีภาพวาดของเมิ่งตงเหล่าแขวนอยู่ หลูหลิงเฟิงเคาะผนังบริเวณนั้นพบว่ามันกลวง จึงควานหาปุ่มหรืออะไรสักอย่าง แล้วเขาก็พบเข้าโดยบังเอิญ
.
ฝาห้องเลื่อนออกแต่ภาพเบื้องหน้านั้น หัวใจของเขากระตุกวูบ.....สุสานของเมิ่งตงเหล่า ตั้งอยู่ ณ ที่นั้น และมีบางสิ่งที่ไม่แน่ชัดว่าคืออะไรเพราะเขาต้องรีบดับ
เทียน ก่อนที่จะหนีออกมาด้วยความกลัว
.
ในตอนเช้าเซวียหวนจึงพบว่าหลูหลิงเฟิงไม่ได้นอนทั้งคืนเพื่อไขปริศนาที่พบ
เมื่อคืน หลูหลิงเฟิงบอกกับศิษย์ว่าสุสานของเมิ่งตงเหล่าซ่อนอยู่ในหอจ้งเซิง
แห่งนี้ และ
ยอมรับกับศิษย์ว่าเขากลัวและกลัวจนมาถึงตอนนี้ เขาคิดว่าเขาเจอผี แต่เมื่อไตร่ตรองทั้งคืนก็คิดได้ว่า
.
"คนเรานั้นจะกลัวในสิ่งไม่รู้จัก เมื่อกลัวก็จะขาดเหตุผลในการตัดสินใจ อาจารย์จึงละอายใจที่ฝึกยุทธมาตั้งแต่เด็ก เคยเป็นผู้บัญชาการองครักษ์จินอู๋ แต่กลับเกิดความกลัวขึ้นในสถานการณ์บางอย่าง เมื่อคืนก็เป็นเช่นนี้"
.
เซวียหวน "มันเกิดอะไรขึ้นขอรับ"
.
หลูหลิงเฟิง "7วันแล้ว ตามอาจารย์ไปจับผีกันเถอะ"
.
เหล่ามือปราบต่างมากันพร้อมหน้า หลูหลิงเฟิงกล่าวขอบคุณทุกคนที่หลายวันมานี้ไม่มีใครนิ่งเฉย ตามสืบคดีอย่างไม่ลดละ ทั้งการลาดตระเวณ เฝ้าประตูเมืองมิให้คนร้ายหนีรอดได้
.
หลูหลิงเฟิง "ตอนนี้ฆาตกรก็เป็นตะพาบน้ำให้ข้าจับ"
.
หัวหน้ามือปราบ "หา ฆาตกรอยู่ที่ใด"
.
หลูหลิงเฟิง "สวนด้านหลังของโรงหมอจ้งเซิง"
.
เหล่ามือปราบ "พวกเราไม่กล้าไปจับผีหรอก"
.
หลูหลิงเฟิง "ข้าและศิษย์อยู่ที่หอจ้งเซิงหากมีผีจริงคงอยู่ไม่ได้จนป่านนี้ เอาละได้เวลาแล้ว"
.
เซวียหวนมีหน้าที่ตีฆ้องร้องป่าวเดินไปตามถนนว่า "ทางการจับโจร ชาวบ้านหลีกทางไป"
.
แล้วหลูหลิงเฟิงก็นำขบวนมือปราบไปที่สวนด้านหลังของโรงหมอจ้งเซิง เขาทำลายกุญแจประตูแล้วนำคนบุกเข้าไป ตี๋หลานจง(ซินแสไจ๋)วิ่งกระหืดกระหอบมาถามว่าพวกท่านทำอะไร
มิคาดหลูหลิงเฟิงสั่งให้จับตัวเขาไว้จากนั้นก็ทำลายกุญแจประตูเรือนไม้2ชั้นที่ไม่มีบันไดขึ้นชั้น2
.
หัวหน้ามือปราบ "ที่นี่ไม่มีคนอยู่นี่ ขอรับ"
.
หลูหลิงเฟิง "อย่าเพิ่งร้อนใจ ที่ห้องเก็บยามีกลไกลับเพื่อให้โจรเดินทางสดวก ข้าจึงให้จับไจ๋เหลียงไว้"
.
แล้วเขาไปที่ผนังห้องด้านที่มีภาพวาดของเมิ่งตงเหล่า หลูหลิงเฟิงเคาะผนังบริเวณนั้นแล้วบอก "อุโมงค์ลับซ่อนอยู่ด้านหลังนี้ ทำลายประตูนี่เสีย"
.
"ขอรับ"
.
ทันทีที่ประตูถูกทำลายเหล่ามือปราบต่างกรูกันเข้าไป พลันต่างพากันชะงักกับภาพเบื้องหน้า "สุสานเมิ่งตงเหล่ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร"
.
หลูหลิงเฟิง "ถึงได้มีคนใช้โอกาสนี้แกล้งทำเป็นภูตผีปีศาจ ค้น"
นอกจากแมวแล้วห้องต่างๆก็หามีผู้ใดไม่ ทันใดก็มีเสียงตีฆ้องร้องป่าวของเซวียหวน "โจรอยู่นอกหน้าต่าง โจรอยู่นอกหน้าต่าง"
.
โจรถูกจับต้วมาได้โดย(คนชื่อ)ละม่อม หลูหลิงเฟิงนำผมปลอมสีขาวออกดึงหน้ากากออก ทันทีที่โฉมหน้าแท้จริงปรากฎ ซินแสไจ๋ที่ได้รับการปล่อยตัวก็วิ่งมาถีบโครมเข้าให้ทั้งพร่ำด่า "เดรัจฉาน"
.
ตามที่ซินแสไจ๋บอก "โจรร้ายรายนี้มีชื่อว่า เหยียนซานฉี เป็นโจรลักขโมย แล้ววันหนึ่งระหว่างขโมยตกลงมาแขนขาหักจนหมด ท่านน้าช่วยรักษาให้จนหาย
แต่ตอนนี้กลับปลอมเป็นภูตผีปีศาจก่อกรรมทำเข็ญ ทำให้ผู้คนคิดว่าที่นี่ทีผี เจ้าคนเนรคุณ"
.
การนิ่งไม่โต้ตอบของเหยียนซานฉี ทำให้หลูหลิงเฟิงตัดซินแสไจ๋ออกจากการเป็นผู้สมรู้ร่วมคิด ทั้งที่ก่อนหน้านี้เขาเคยสงสัยที่ซินแสไจ๋ไม่ยอมพามาที่สวนด้านหลัง
"กระทั่งได้เห็นสุสานของเมิ่งตงเหล่าจึงเข้าใจว่าท่านไม่ต้องการให้เห็นสุสานในบ้านนั่นเอง"
.
จากนั้นหลูหลิงเฟิงก็หันไปถามเหยียนซานฉีว่า สุสานของเมิ่งตงเหล่าอยู่ที่นี่ เจ้าไม่กลัววิญญาณเขาออกมาจากสุสานเล่นงานรึ"
.
เหยียนซานฉี "เรื่องมาถึงตอนนี้แล้ว ข้าก็ไม่มีอะไรจะพูด"
.
หลูหลิงเฟิง "ศีรษะของศพที่เจ้าทำร้ายซ่อนอยู่ที่ใด"
.
เหยียนซานฉี "ข้าบอกไม่ได้ฮ่าๆๆๆ สตรีทั้ง12นางข้าเป็นคนทำร้ายก็จริง แต่ถึงอย่างไรเจ้าก็ไม่มีโอกาสแห่ประจานข้าตามถนน"
.
แล้วสบัดหลุดจากการจับกุมหุ่งเข้าหาดาบที่หัวหน้ามือปราบถือคุมเชิง ดายแทงทะลุอกเหยียนซานฉีตายทันที หัวหน้ามือปราบตกใจจนหน้าซีดพูดอะไรไม่ออก หลูหลิงเฟิงจึงบอกว่าคนร้ายหาที่ตายเอง
.
เมื่อชาวเมืองรู้ว่าฆาตกรถูกจับได้แล้วจึงแห่กันมา ยิ่งได้รับการยืนยันจากสาวใช้ที่โดนทำร้ายหมดสติ ก่อนที่โจรจะทำร้ายแล้วฆ่าตัดคอคุณหนู ประชาชนก็ยิ่งแค้นรุมกันกระทืบ เซวียหวนบอกว่าถ้าเป็นญาติของเขาถูกทำร้ายก็ต้องทำเช่นนี้เหมือนกัน
.
ท่านเศรษฐีรักษาสัญญาที่จะกลืนหินเขียนคำว่าไร้น้ำยา แต่หลูหลิงเฟิงห้ามไว้ งานของเขายังไม่สำเร็จเพราะยังไม่สามารถหาศีรษะของเหยื่อได้ และขอเก็บหินก้อนนั้นไว้เป็นแรงผลักดันในการทำงาน
.
ชาวเมืองพากันขอบคุณนายอำเภอที่จับคนร้ายได้คลี่คลายคดีสะเทือนขวัญ เหล่ามือปราบต่างก็มีกำลังใจในการทำงานเพื่อท้องถิ่นร่มเย็นเป็นสุข ที่มีเจ้านายยึดถือความสงบสุขของประชาชนต้องมาก่อน
.
หลูหลิงเฟิงยังคงพักอยู่ที่หอจ้งเซิงแม้ว่าซินแสไจ๋จะคืนค่าเช่าให้ทั้งหมดขอแค่ไปอยู่ที่อื่น หลูหลิงเฟิงก็ไม่ยอมอ้างวาอยู่ที่นี่ดีอยู่แล้ว
.
หลูหลิงเฟิง "การสร้างหลุมฝังศพขึ้นในหอนั้น หาใช่ธรรมเนียมปฏิบัติไม่"
.
ซินแสไจ๋ "ข้าเพียงทำตามคำขอครั้งสุดท้ายของท่านน้า ท่านเป็นหมอมาตลอดชีวิตที่หอจ้งเซิง ก่อนจากไปได้กำชับข้าว่าท่านอยากเฝ้าหอจ้งเซิง
เพราะท่านไม่มีทั้งบุตรชายและบุตรสาวจึงทิ้งที่นี่ไว้ให้ข้า แล้วข้ามีเหตุผลใดไม่รับปาก"
.
หลูหลิงเฟิง "ความกตัญญูเป็นสิ่งที่น่ายกย่อง แต่หากทำเช่นนี้ก็ขัดต่อธรรมเนียมและหากเพื่อนบ้านรู้เข้า..."
.
ซินแสไจ๋ "ข้าจึงหวังว่าท่านนายอำเภอจะไม่แพร่งพราย"
.
จบตอน1/3 ภาพปก จับกระแสโลกโซเชียล ภาพถ่ายนี้ถูกเรียกว่า Golden Saturn หรือ "ดาวเสาร์สีทอง"
.
ถูกถ่ายโดยกล้องโทรทรรศน์อวกาศเจมส์ เวบบ์ ซึ่งเผยให้เห็นลักษณะบรรยากาศของดาวเสาร์อย่างชัดเจน และ ทำให้นักวิทยาศาสตร์สามารถศึกษาดาวแก๊สยักษ์ดวงนี้ได้อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
โฆษณา