คน 3 ด้าน
ในโลกของการทำงานและการใช้ชีวิตเรามักพบว่าแต่ละคนมีส่วนผสมของอุปนิสัยประจำตัวที่ติดตัวมาตั้งแต่เด็กปรากฎอยู่ในแต่ละตัวคนแยกเป็น 3 ด้าน คือ ด้านสถานะในกลุ่ม ด้านการตัดสินใจ และ ด้านทักษะ โดยในแต่ละด้านจะมีประเภทของอุปนิสัยคือ
ด้านที่ 1 สถานะในกลุ่ม เป็นผู้นำ -------- เป็นผู้ตาม
เมื่อเกิดการรวมกลุ่มกันระหว่างคนตั้งแต่สองคนขึ้นไป บุคคลจะแสดงออกด้วยตัวของเค้าเองอย่างเป็นธรรมชาติว่า เค้ามีลักษณะของการเป็นผู้นำหรือผู้ตาม และเมื่อจำนวนคนของการรวมกลุ่มกันมีมากขึ้น ความเด่นชัดของการเป็นผู้นำและผู้ตามจะยิ่งมีมากขึ้น
และโดยธรรมชาติของมนุษย์และสัตว์โลก หากไม่นำอุปนิสัยอีก 2 ด้านมาเกี่ยวข้อง การสร้างลำดับชั้นของการนำและการตามในกลุ่มจะเกิดขึ้นตามดีกรีของอุปนิสัยด้านการนำและการตามที่มีอยู่ในแต่ละคนซึ่งมากน้อยต่างกัน ขึ้นกับส่วนผสมของอุปนิสัยการนำและการตามที่มีอยู่ไม่เหมือนกันในแต่ละคน
ด้านที่ 2 การตัดสินใจ ใช้ตรรกะ --------- ใช้อารมณ์
โดยไม่เกี่ยวข้องกับการศึกษาหรือความรู้ เรามักจะแยกได้เสมอจากการสังเกตว่าบุคคลใดเป็นคนใช้อารมณ์นำเหตุผลและบุคคลใดเป็นคนใช้เหตุผลนำอารมณ์ หรือแม้แต่ในคนๆ เดียวกันที่บางครั้งก็ใช้อารมณ์บางครั้งก็ใช้เหตุผล หรือใช้ทั้งสองอย่างพร้อมๆ กัน เราก็จะบอกได้ว่าเค้ามีส่วนไหนมากกว่ากัน
ด้านที่ 3 ทักษะ นักคิด --------- นักปฏิบัติ
โดยที่ไม่เกี่ยวข้องกับวุฒิการศึกษา ไม่เกี่ยวข้องกับสาขาที่เรียน เราจะรู้ตัวเราเองได้เลยว่าเรามีความสุขอยู่กับการคิดวิเคราะห์และใฝ่หาเหตุผลมาอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นหรือมีความสุขกับการลงมือปฏิบัติให้เห็นเนื้องานโดยที่ไม่ต้องสนใจที่มาที่ไปมากนัก ซึ่งบางคนจะมีเพียงอย่างใดอย่างหนึ่งมากกว่าอีกอย่างหนึ่งมากๆ แต่บางคนอาจจะมีทั้งสองอย่างผสมกันขึ้นอยู่กับว่าจะมีส่วนไหนมากกว่ากันมากน้อยเพียงใด ซึ่งก็จะไม่เหมือนกันในแต่ละคน
เนื่องจากอุปนิสัยประจำตัวเหล่านี้มักไม่ได้เกิดจากการฝึกแต่เป็นลักษณะนิสัยที่ติดตัวมาตั้งแต่เดิม เป็นสิ่งที่ฝังลึกในจิตใจจนเป็นพื้นฐานของพฤติกรรมของแต่ละคน และยากที่จะเปลี่ยน ด้วยเหตุนี้ การพัฒนาคนแต่ละคนจึงต้องวางอยู่บนฐานเริ่มต้นว่าเค้าเป็นคนประเภทไหนในแต่ละด้านเพื่อที่การพัฒนาต่อยอดจะสามารถทำให้เค้าสามารถแสดงบทบาทและความสามารถที่ตั้งอยู่บนฐานของความเป็นตัวเค้าทั้งสามด้านได้อย่างมั่นคงและได้อย่างโดดเด่น
ด้วยความแตกต่างกันของมนุษย์แต่ละคนนี้ โลกจึงถูกพัฒนาขึ้นจากความแตกต่างที่ผสมกันอย่างลงตัวของมนุษย์จำนวนมากที่มีอยู่ในโลก เพราะถ้ามีแต่นักคิดไม่มีนักทำเราก็คงมีแต่นวัตกรรมในกระดาษที่ไม่สามารถเอามาใช้ให้เกิดประโยชน์จริงได้ ในทางกลับกันถ้ามีแต่นักทำไม่มีนักคิด ความรู้ สิ่งประดิษฐ์ และสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ คงไม่ถูกพัฒนาขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง
ถ้ามีแต่คนใช้เหตุผลไม่มีคนใช้อารมณ์ เราคงไม่มีศิลปะและดนตรีให้รื่นรมย์ ในทางกลับกันถ้ามีแต่คนใช้อารมณ์ไม่มีคนใช้เหตุผล โลกก็คงวุ่นวายและขัดแย้งไม่สิ้นสุดเพราะไม่สามารถหาคนตัดสินใจที่ให้จุดที่ลงตัวที่สุดของความเห็นที่แตกต่างได้ สุดท้าย ถ้ามีแต่ผู้นำแล้วไม่มีผู้ตาม แล้วใครจะลงมือทำ และในทางกลับกัน ถ้ามีแต่ผู้ตามไม่มีผู้นำ แล้วจะไปต่อกันอย่างไร
ความแตกต่างจึงเป็นประโยชน์และเป็นสิ่งที่ต้องทำให้เกิดความเด่นชัดขึ้นในคนแต่ละคน เพื่อที่คนแต่ละคนจะสามารถหาส่วนผสมสำหรับตัวเองร่วมกับผู้อื่นได้อย่างลงตัวและมีความสุขจากการอยู่บนฐาน 3 ด้านของตนเอง ดังนั้น หากจะมีการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ให้เกิดประโยชน์ต่อสังคมโดยรวม ก็จะต้องเป็นการพัฒนาที่ตั้งอยู่บนตัวตนของฐานแต่ละด้านทั้ง 3 ด้านของคนแต่ละคน ซึ่งคือรากของการศึกษาแบบ child center ที่กระทรวงศึกษาอยากจะทำ และควรจะทำในการศึกษาขึ้นพื้นฐานจนถึงเตรียมอุดมศึกษา
แต่น่าเสียดาย เพราะดูเหมือนกระทรวงไม่มีความรู้ในเรื่องพื้นฐานนี้เลย
- 1
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
