3 พ.ย. เวลา 07:00 • หุ้น & เศรษฐกิจ

ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้อ่อนค่าที่ 32.47 บาทต่อดอลลาร์ แรงหนุนดอลลาร์แข็ง

ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้อ่อนค่าที่ 32.47 บาทต่อดอลลาร์ จากแรงหนุนดอลลาร์แข็ง หลังข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ดีกว่าคาด
ฝ่ายธุรกิจตลาดเงินและธุรกรรมระหว่างประเทศ ทีเอ็มบีธนชาต (ttb) เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเช้าวันจันทร์ (3 พ.ย.) เปิดตลาดที่ระดับ 32.47 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ อ่อนค่าจากระดับปิดตลาดเมื่อวันศุกร์ที่ 32.30 บาทต่อดอลลาร์
โดยการอ่อนค่าของเงินบาทได้รับแรงกดดันจากข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ออกมาดีกว่าที่คาด โดยดัชนี Chicago PMI เดือนตุลาคม อยู่ที่ระดับ 43.8 แม้จะยังอยู่ในภาวะหดตัว (ต่ำกว่า 50)
ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้อ่อนค่าที่ 32.47 บาทต่อดอลลาร์ จากแรงหนุนดอลลาร์แข็ง หลังข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ดีกว่าคาด
แต่ก็สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 42.3 และปรับตัวดีขึ้นจากเดือนก่อนหน้า ซึ่งเป็นปัจจัยหนุนให้เงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้น
อย่างไรก็ตาม กระแสเงินทุนต่างชาติยังคงไหลเข้าตลาดพันธบัตรไทย หลังตัวเลข ดุลบัญชีเดินสะพัดของไทยเดือนตุลาคมเกินดุลมากกว่าที่คาด ขณะที่เงินหยวนของจีนปรับแข็งค่าขึ้นจากสัญญาณบวกด้านข้อตกลงการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ ซึ่งช่วยพยุงทิศทางเงินบาทไม่ให้อ่อนค่ามากนัก
สำหรับปัจจัยที่ต้องติดตามในสัปดาห์นี้ ได้แก่ สถานการณ์ชัตดาวน์หน่วยงานรัฐของสหรัฐฯ ซึ่งหากสิ้นสุดลงเร็วพอให้สำนักงานสถิติแรงงานสามารถเผยแพร่ข้อมูลได้ตามกำหนด ตลาดคาดว่าการตัดสินใจของเฟดในเดือนธันวาคมจะขึ้นอยู่กับทิศทางอัตราการว่างงานเดือนพฤศจิกายนว่าจะลดลงเหลือ 4.3% หรือเพิ่มขึ้นเป็น 4.5% นอกจากนี้ ยังต้องจับตา ทิศทางเงินทุนต่างชาติและราคาทองคำ ซึ่งอาจมีผลต่อทิศทางค่าเงินบาทในระยะสั้น
เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา นักลงทุนต่างชาติ ซื้อสุทธิในตลาดพันธบัตรไทย 2,871 ล้านบาท และ ขายสุทธิในตลาดหุ้นไทย 538 ล้านบาท
กรอบการเคลื่อนไหวของค่าเงินวันนี้ (3 พ.ย.) และกลยุทธ์แนะนำ
  • USD/THB: 32.30 – 32.60 บาท/ดอลลาร์ → แนะนำทยอยซื้อที่ระดับ 32.30
  • • EUR/THB: 37.20 – 37.60 บาท/ยูโร → แนะนำทยอยซื้อที่ระดับ 37.20
  • • JPY/THB: 0.2100 – 0.2140 บาท/เยน → แนะนำทยอยซื้อที่ระดับ 0.2100
  • • GBP/THB: 42.30 – 42.70 บาท/ปอนด์
  • • AUD/THB: 21.20 – 21.60 บาท/ดอลลาร์ออสเตรเลีย
“กรุงไทย” ชี้บาทเปิดอ่อนที่ 32.47 บาทต่อดอลลาร์ รับแรงหนุนดอลลาร์แข็ง หลังตลาดลดคาดหวังเฟดลดดอกเบี้ย จับตาข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ และชัตดาวน์ภาครัฐ
ด้านนายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ (3 พ.ย.) ที่ระดับ 32.47 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ อ่อนค่าจากระดับปิดตลาดสัปดาห์ก่อนที่ 32.30 บาทต่อดอลลาร์
เงินบาทอ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปลายสัปดาห์ก่อน โดยเคลื่อนไหวในกรอบ 32.29 - 32.49 บาทต่อดอลลาร์ หลังเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้น ตามการปรับลดความคาดหวังของตลาดต่อแนวโน้มการลดดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จากถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟดที่มีท่าที “เข้มงวดทางการเงิน” (Hawkish) ส่งผลให้ราคาทองคำ (XAUUSD) พลิกกลับมาปรับตัวลดลงต่อเนื่องจนหลุดระดับ 4,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์
นายพูนระบุว่า ในสัปดาห์ที่ผ่านมา เงินดอลลาร์ปรับแข็งค่าขึ้นต่อเนื่อง หลังตลาดรับรู้ผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินของเฟด (FOMC) ที่มีลักษณะ “Hawkish Cut” ขณะที่ในสัปดาห์นี้ ตลาดจะจับตารายงานเศรษฐกิจสหรัฐฯ หลายรายการ อาทิ ยอดการจ้างงานภาคเอกชน (ADP) และ ดัชนี ISM PMI ภาคการผลิตและบริการ รวมถึงถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟด และรายงานผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนรายใหญ่
มุมมองเศรษฐกิจโลก
  • สหรัฐฯ: ตลาดรอรายงานข้อมูลการจ้างงานนอกภาคเกษตร (Nonfarm Payrolls) ซึ่งอาจเลื่อนประกาศจากผลกระทบของภาวะ Government Shutdown ขณะเดียวกัน นักลงทุนจะใช้ข้อมูลจากภาคเอกชน เช่น ADP และดัชนี ISM PMI รวมถึงดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคมหาวิทยาลัยมิชิแกน (U of M) เพื่อประเมินทิศทางเศรษฐกิจ
  • ยุโรป: จับตาผลการประชุมธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) ซึ่งคาดว่าจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 4.00% ท่ามกลางเงินเฟ้อที่ยังสูง แต่แรงกดดันจากตลาดแรงงานที่ชะลอตัวอาจเปิดทางให้ BOE เริ่มลดดอกเบี้ยในระยะต่อไป
  • เอเชีย: นักลงทุนรอดูทิศทางเศรษฐกิจจีนผ่านดัชนี PMI เดือนตุลาคม (RatingDog หรือเดิม Caixin) และตัวเลขการส่งออก–นำเข้า โดยยังติดตามผลการประชุมธนาคารกลางออสเตรเลีย (RBA) และมาเลเซีย (BNM) ซึ่งคาดว่าจะคงดอกเบี้ยไว้ที่ 3.60% และ 2.75% ตามลำดับ ส่วนในญี่ปุ่น ตลาดรอดูตัวเลขการเติบโตของค่าจ้าง (Wage Growth) เพื่อประเมินท่าทีธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ต่อการขึ้นดอกเบี้ยเพิ่มเติม
  • ฝั่งไทย : คาดว่า อัตราเงินเฟ้อทั่วไป (CPI) เดือนตุลาคมจะยังติดลบต่อเนื่องที่ -0.79% จากราคาพลังงานและเนื้อสัตว์ที่ลดลง โดยยังไม่เห็นสัญญาณภาวะเงินฝืด ทั้งนี้ ตลาดจะจับตาดัชนี PMI ภาคการผลิตและดัชนีความเชื่อมั่นภาคธุรกิจในเดือนตุลาคม
แนวโน้มค่าเงินบาท
กรุงไทยประเมินว่า โมเมนตัมการอ่อนค่าของเงินบาทกลับมาเด่นขึ้น จากแรงกดดันของดอลลาร์ที่แข็งค่า และราคาทองคำที่อยู่ในช่วง “พักฐาน” โดยดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY) มีแนวโน้มขยับขึ้นใกล้ระดับ 100 จุด หากทะลุแนวต้านดังกล่าว อาจทดสอบระดับ 102 จุด ซึ่งจะเพิ่มแรงกดดันต่อเงินบาทให้อ่อนค่ามากขึ้นสู่โซน 33.00 บาทต่อดอลลาร์
อย่างไรก็ตาม การอ่อนค่าของเงินบาทอาจเกิดขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป เนื่องจากนักลงทุนบางส่วนอาจทยอยขายทำกำไรเงินดอลลาร์ หลังแข็งค่ามากในช่วงที่ผ่านมา ทั้งนี้ หากเงินบาทอ่อนค่าทะลุแนวต้าน 32.75 บาทต่อดอลลาร์ ได้อย่างชัดเจน อาจกลับเข้าสู่แนวโน้มอ่อนค่าอีกครั้งตามกลยุทธ์ Trend-Following
กรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาท
  • ระยะสัปดาห์: 32.20–32.80 บาทต่อดอลลาร์
  • • ระยะ 24 ชั่วโมงข้างหน้า: 32.35–32.55 บาทต่อดอลลาร์
อ่านเนื้อหาต้นฉบับได้ที่ :
ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมที่เว็บไซต์ https://www.pptvhd36.com
และช่องทาง Social Media
โฆษณา