3 พ.ย. เวลา 04:45 • ปรัชญา
คำว่า "ปัจจัย" ตามพระไตรปิฏก หมายถึง สิ่งที่เป็นเหตุผลสนับสนุนให้เกิดสิ่งอื่น หรือการเป็นไปในลักษณะเป็นเหตุเป็นปัจจัย หลักธรรมสำคัญที่อยู่ในพระอภิธรรมปิฏก เรียกว่า "ปัจจัย 24" (สามารถหาความรู้เพิ่มเติม เกี่ยวกับความหมาย ปัจจัย 24 ได้จากพระไตรปิฏก)
ส่วนคำว่า "ปัจจัย" ที่เจ้าของกระทู้สอบถาม เป็นคำติดปากที่พวกเรามักใช้กัน จนลืมนึกถึงรากศัพท์และที่มาของคำดังกล่าว ว่ามาจาก "ปัจจัย 4" คนไทยนำมาใช้โดยตัดคำให้สั้นว่า "ถวายปัจจัยแด่พระภิกษุสงฆ์" ซึ่งรูปเต็มก็คือ "ถวายปัจจัย 4 แด่พระภิกษุสงฆ์"
การถวายปัจจัย 4 แด่พระภิกษุสงฆ์ ประกอบด้วย ผ้าสบง ประคต จีวรคลุม (เสื้อผ้า), ภัตตาหาร (อาหาร), ถวายตะเกียงน้ำมันหรือเทียนส่องสว่าง ถวายน้ำดื่ม ถวายน้ำอาบ ทำนุบำรุงวัดวาอาราม (ที่อยู่อาศัย) และถวายยาสามัญประจำบ้าน (ยารักษาโรค)
สมัยพุทธกาล ผ้าสบง ประคต จีวรคลุม พุทธองค์มีนโยบายให้ภิกษุนำผ้าห่อศพที่มีผู้นำมาทิ้งไว้ตามป่ามาใช้ห่มคลุม เพื่อให้พระภิกษุได้พิจารณาธรรม หรือหากมีญาติโยมประสงค์จะถวายก็ให้ไถ่ถามบรรดาพระภิกษุด้วยกัน เพื่อหาผู้เหมาะสมที่สมควรจะได้รับผ้านั้น เพื่อให้พระภิกษุละซึ่งความอยาก, ภัตตาหาร พุทธองค์มิให้ภิกษุออกหาอาหาร และปรุงอาหารเอง เพื่อให้พระภิกษุละซึ่งความอยาก แต่ทรงให้ภิกษุออกบิณฑบาต เพื่อให้ญาติโยมได้ถวายทาน และเป็นการลดอัตตาของพระภิกษุ,
สมัยพุทธกาล ยังไม่มีการใช้เทียนไข พุทธองค์และคนอื่นๆ ในสมัยนั้น ไม่รู้จักเทียนไขว่ามีหน้าตาเป็นอย่างไร มีเพียงถ้วยที่ทำจากดินเผา ใฃ้เส้นใยพืชจุ่มน้ำมันงาเป็นเชื้อเพลิง เพื่อให้แสงสว่างยามพลบค่ำ พุทธองค์และภิษุทั้งหลาย ดำรงชีพร่วมกันทั้งในวัดหลายแห่ง ซึ่งมีทั้งที่เศรษฐีอนาถบิณฑกะ สร้างให้บ้าง พระน้านางประชาบดี สร้างให้บ้าง ทั้งที่เมืองสาวัตถี สารนาถ และราชคฤห์ ส่วนน้ำดิ่ม น้ำอาบ ทรงมีพระอานท์เป็นพระอุปัฎฐาก ที่คอยดูแล นำน้ำจากแม่น้ำมาถวาย ส่วนการปัดกวาดเช็ดถู เป็นหน้าที่ของบรรดาภิกษุทั้งหลาย
สมัยพุทธกาล พุทธองค์ทรงอนุญาตให้ภิกษุฉันยาได้เพียง 5 ประเภท (มีบรรจุในพระวินัยปิฏก) เรียกว่า "ปัญจเภสัช" กล่าวคือ เนยใส(หรือเนยกี ซึ่งทำจานมวัวเคี่ยว) , เนยข้น (ซึ่งทำจากนมวัวตีครีม) , น้ำมันงา ละหุ่ง หรือน้ำมันมะพร้าว, น้ำผึ้ง และน้ำอ้อย โดยสรุปคือเป็นยาจากสมุนไพรธรรมชาติ เพื่อให้ภิกษุได้สงบระงับจากเวทนา เวลาเจ็บป่วย ซึ่งได้ทรงทดลองฉันด้วยองค์เอง หรือได้รับคำแนะนำจากหมอชีวกโกมรภัจจ์ หมอประจำราชสำนัก ที่ถวายการรักษา "พระอาการปวดพระเศียรของพระพุทธเจ้าอยู่เนืองๆ เนื่องจากเป็นโรคประจำพระวรกาย"
ดังนั้น หากยึดเอาตามพระวินัยปิฏกและพุทธดำริ นั่นแปลว่า ไม่ควรถวายเงินเลยแม้แต่น้อย ไม่ควรถวายโทรศัพท์มือถือ และไม่ควรถวาย BMW ซีรี่ย์ 5 หรือแม้แต่ซีรี่ย์ 7 เพราะใครก็ตามที่ถวายเท่ากับเป็นการสนับสนุนส่งเสริมให้พระภิกษุเกิดตัณหา ละโมบ และพระภิกษเองจะนำอ้างในความจำต้องรับมิได้
แต่ยุคสมัยที่เปลี่ยนไป หลายร้อยปีต่อมา ได้มีการเกิดขึ้นของเทียนไขโดยพวกอิยิปต์ พวกเราจึงถวายเทียนไข ต่อมาก็พัฒนาเป็นถวายหลอดไฟ ต่อมาปัจจุบันก็พัฒนาเป็นการถวายหลอด LED
เรื่องราวที่เล่าให้คุณฟังเสียยาว
มาจากหนังสือหลายเล่มที่เราได้อ่าน
และการเดินทางไปยังสถานที่ต่างๆ
การได้สอบถามกับนักวิชาการ นักโบราณคดี
นักมานุษยวิทยา และกูรูทางจิตวิญาณ
........................
อย่าหยุดอ่านเพียงพระไตรปิฏก
อย่าถามเแล้วเชื่อทุกคนทุกอย่าง
เพื่อที่คุณจะได้รู้จักพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
และเข้าใจถึงพระปัญญาญาณและพระอัจฉริยภาพ
ได้ด้วยตัวคุณเอง
...................................
แล้วคุณจะตัดสินใจได้ด้วยตัวเอง
ว่าคุณควรใช้ปัจจัย (เงิน) ทำบุญหรือไม่
และหากจะทำ คุณทำเพราะอะไร
โฆษณา